สาเหตุของอาการปวดศีรษะแบบต่างๆ
เมื่อเกิดอาการปวดศีรษะ เราต้องหาสาเหตุก่อนเพื่อทำการรักษาได้ตรงจุด เพราะอาการปวดศีรษะก็จะคัดกรองแยกโรคให้ชัดเจนขึ้นด้วย ดังนั้นอาการปวดศีรษะจึงมีหลายสาเหตุ แบ่งได้คร่าวๆดังนี้
ปวดศีรษะแบบปฐมภูมิ หรือ primary headache
ได้แก่โรคปวดศีรษะที่เกิดขึ้นเอง ไม่ได้ปวดเพราะสาเหตุจากโรคอื่นๆ ในกลุ่มนี้เช่น migraine headache ,cluster headache ,tension headache ในกลุ่มนี้ก็จะมีอาการที่แตกต่างกันในการแยกโรคโดยการซักประวัติและตรวจร่างกายโดยแพทย์
ปวดศีรษะแบบทุติยภูมิ หรือ secondary headache
จะมีสาเหตุมาจากโรคต่างๆ เป็นได้ทั้งโรคร้ายแรง และไม่ร้ายแรง
- สาเหตุนอกศีรษะ เช่น โรคติดเชื้อต่างๆ (มักจะมีไข้ร่วมด้วย) ความดันโลหิตสูง
- สาเหตุในศีรษะ แต่อยู่นอกสมอง เช่น ไซนัสอักเสบ หูอักเสบ ต้อหิน ฟันผุ
- สาเหตุในสมอง เช่น เนื้องอก ติดเชื้อในสมอง เป็นต้น
ในรายที่ปวดศีรษะรุนแรง เรื้อรัง กินยาไม่ดีขึ้น รวมถึงมีอาการผิดปกติ ทางสมอง เช่น ปากเบี้ยว ลิ้นแข็ง พูดไม่ชัด ซึมลง จึงควรตรวจหาสาเหตุที่แน่ชัด ควรพบแพทย์เฉพาะทางสมอง และแพทย์จะพิจารณาการตรวจเพิ่มเติมเช่น เอกซเรย์สมอง CT scan หรือ MRI รวมไปถึงการเจาะน้ำไขสันหลังเพื่อตรวจวินิจฉัยในบางโรค
ในรายที่วินิจฉัยแน่นอนว่าเป็นไมเกรน คือแพทย์จะวินิจฉัยแยกโรคอื่นๆออกไปก่อน จะพบว่าคนไข้ไมเกรนต้องไม่มีโรคร้ายแรงอื่นๆร่วมด้วย ในกรณีไมเกรนเรื้อรังสามารถรักษาด้วยวิธีใหม่ โดยการฉีดโบทุลินัมทอกซิน ที่มีผลงานวิจัยรองรับว่าได้ผลดีและใช้กันแพร่หลายทั่วโลกตั้งแต่ปี 2010 ขั้นตอนการรักษาโดยแพทย์จะทำการฉีดโบทูลินั่มทอกซินที่บริเวณรอบศีรษะ ท้ายทอย และไหล่ ในจำนวนยาที่เหมาะสม หลังฉีดรักษา คนไข้จะปวดไมเกรนน้อยลงหรือไม่ปวดเลยจนไม่ต้องกินยา โดยแพทย์จะแนะนำให้ฉีดทุก 4-6 เดือนเพื่อควบคุมและป้องกันอาการปวดศีรษะไมเกรน สามารถลดการใช้ยา ลดอาการปวดและความถี่ของไมเกรนได้อย่างมีประสิทธิภาพ