เนื้องอกในสมอง อาการปวดหัวบ่อยที่ไม่ได้มีแค่โรคไมเกรน

เนื้องอกในสมองอาการปวดหัวบ่อย  เป็นอาการที่สามารถพบได้ทั่วไปและเป็นปกติของผู้ป่วยไมเกรนที่มักจะมีอาการปวดหัวไมเกรนได้อยู่บ่อยครั้ง แต่สำหรับผู้ที่ปวดหัวบ่อย แต่ไม่เคยเข้ารับการรักษาหรือตรวจอาการเลย ก็อาจจะมีความเสี่ยงเป็นอันตรายร้ายแรงซึ่งเกิดจากความผิดปกติของสมองก็เป็นได้

สารบัญบทความ

เนื้องอกในสมอง คือ

เนื้องอกในสมอง เป็นเนื้อเยื่อที่มีการเจริญเติบโตผิดปกติในเซลล์สมองและเส้นประสาทสมอง จนเนื้อส่วนนั้นไปกระทบกับระบบการทำงานในส่วนต่าง ๆ ของสมองและระบบเส้นประสาท ส่งผลให้เกิดอาการปวดหัวรุนแรง ปวดหัวเฉียบพลัน ซึ่งอาการปวดหัวเหล่านี้ก็อาจเป็นสัญญาณเตือนของการเป็นเนื้องอกในสมองได้ เนื้องอกในสมอง สามารถแบ่งออกได้เป็น 2 ชนิด คือ เนื้องอกชนิดธรรมดาและเนื้องอกที่เป็นเนื้อร้ายหรือมะเร็งนั่นเอง

อาการเนื้องอกในสมอง

อาการเนื้องอกในสมอง

อาการที่แสดงออกมาของโรคเนื้องอกในสมอง อาการจะขึ้นอยู่กับตำแหน่ง ขนาด และชนิดของเนื้องอก โดยอาการเบื้องต้นที่สามารถสังเกตได้ มีดังนี้

  • มีอาการปวดหัวบ่อย ปวดหัวเรื้อรังติดต่อกันนานเกิน 15 วัน และมีอาการปวดรุนแรงเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ
  • คลื่นไส้ อาเจียนโดยเฉพาะในช่วงเช้าหรือหลังตื่นนอน รวมทั้งมีอาการง่วงซึมร่วมด้วย
  • มีปัญหาในเรื่องของการทรงตัว การเคลื่อนไหว การเดิน
  • มีปัญหาทางการได้ยิน หูอื้อ ได้ยินไม่ชัด และรู้สึกวิงเวียนศีรษะ
  • มีปัญหาในการสื่อสาร พูดติดขัด พูดไม่ชัด ประมวลคำพูดไม่ได้
  • แขนขาอ่อนแรง สูญเสียความรู้สึกทางการเคลื่อนไหว แขนขาชา หรืออาจเป็นอัมพาตบางส่วน
  • สูญเสียความทรงจำบางส่วน รู้สึกสับสน มึนงง บุคลิกภาพเปลี่ยนไป
  • มีปัญหาในการรับประทานอาหาร กลืนลำบาก
  • มีปัญหาทางการมองเห็น ตาพร่า ตามัวหรือเห็นภาพซ้อน
  • กล้ามเนื้อใบหน้าชาหรือเป็นเหน็บ
  • มีปัญหาด้านกระเพาะปัสสาวะและลำไส้
  • มีอาการชัก ทั้งๆ ที่ไม่เคยมีประวัติการชักมาก่อน

เนื้องอกในสมอง ร้ายแรงหรือไม่

เนื้องอกในสมอง (Brain Tumor) เกิดจากเนื้อเยื่อในสมองนั้นเติบโตผิดปกติ จนไปทำลายเซลล์ต่าง ๆ ในสมอง อีกทั้งกระทบต่อระบบการทำงานส่วนอื่น ๆ ของสมองอีกด้วย โดยทั่วไปแล้วเนื้องอกในสมองนั้นสามารถแบ่งออกเป็น 2 ชนิด ได้แก่ 

  • เนื้องอกในสมองชนิดไม่ร้ายแรง ซึ่งเป็นเนื้องอกธรรมดาที่เกิดจากความผิดปกติของสารพันธุกรรมในเซลล์สมอง ทำให้เซลล์มีการแบ่งตัวและเจริญเติบโตในอัตราที่ผิดปกติ ไม่ใช่เซลล์มะเร็ง จึงสามารถรักษาให้หายขาดได้
  • เนื้องอกในสมองชนิดร้ายแรงหรือมะเร็ง เป็นเนื้องอกที่เกิดจากเนื้อเยื่อที่ผิดปกติ สามารถเกิดขึ้นได้บริเวณสมอง หรือเกิดจากอวัยวะอื่น ๆ แล้วลามเข้าสู่สมองก็ได้เช่นกัน จึงทำให้เนื้องอกชนิดนี้มีการเติบโตและลามอย่างรวดเร็ว ส่งผลกระทบต่อการทำงานของสมองและส่งผลอันตรายถึงชีวิตได้

เนื้องอกในสมองนั้นมีความรุนแรงและอันตรายมาก จึงมีอัตราการเสียชีวิตสูง หากไม่ใช่เนื้องอกในสมองชนิดไม่ร้ายแรงก็สามารถรักษาให้หายขาดได้ยาก แต่ถ้าหากเราสังเกตอาการเนื้องอกในสมอง อาการของตัวเองในเบื้องต้นแล้วรีบเข้าพบแพทย์เพื่อวินิจฉัยอาการ ก็จะสามารถผ่าตัดรักษาให้หายขาดได้ตั้งแต่แรก ไม่ลามไปยังส่วนอื่น ๆ ดังนั้น การสังเกตความผิดปกติของร่างกายจึงเป็นสิ่งสำคัญ และหมั่นตรวจสุขภาพประจำปี เพื่อที่จะได้เตรียมตัวในการรักษาเบื้องต้นอีกทั้งยังไม่ต้องเสียค่ารักษาเยอะอีกด้วย

ปัจจัยเนื้องอกในสมอง

สาเหตุที่ทำให้เกิดเนื้องอกในสมองนั้น ยังไม่สามารถตรวจหาสาเหตุได้อย่างแน่ชัดว่าเกิดมาจากอะไรกันแน่ แต่อย่างไรก็ตาม ยังมีปัจจัยเสี่ยงบางประการที่อาจจะเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดเนื้องอกในสมองได้ ดังนี้

  • อายุที่เพิ่มมากขึ้น เพราะถึงแม้เนื้องอกในสมองจะสามารถพบได้ในคนทุกวัย แต่ช่วงวัยที่พบมากที่สุด คนที่อายุ 40 ปีขึ้นไป
  • เนื้องอกในสมองสามารถพบได้ในผู้ชายมากกว่าผู้หญิง จึงสันนิษฐานว่าเพศก็เป็นปัจจัยสำคัญเช่นกัน
  • การสัมผัสกับกัมมันตรังสีหรือสารเคมีบางชนิดในที่ทำงาน หรือตามโรงงานอุตสาหกรรมต่าง ๆ
  • อาจเกิดจากความผิดปกติของสารพันธุกรรมในเซลล์สมอง กรรมพันธุ์ พฤติกรรมบางอย่างก็ได้

รักษาเนื้องอกในสมอง ได้อย่างไร

ออกกําลังกายแล้วปวดหัวคลื่นไส้

เมื่อผู้ป่วยมีอาการเบื้องต้นที่เสี่ยงเป็นเนื้องอกในสมอง แพทย์จะทำการวินิจฉัยเบื้องต้นเพื่อตรวจหาสาเหตุและสรุปผลที่แน่ชัด โดยเริ่มต้นจากการตรวจร่างกายอย่างละเอียด จากนั้นจะทำการสแกนสมองด้วยเอ็กซ์เรย์คอมพิวเตอร์ (CT Scan) เพื่อฉายภาพรังสีให้เห็นส่วนต่าง ๆ ของสมองอย่างละเอียด หากพบว่ามีเนื้อเยื่อที่ผิดปกติ แพทย์อาจทำการตัดชิ้นเนื้อส่วนนั้นออกมา เพื่อส่งตรวจวินิจฉัยหาความผิดปกติของเนื้อเยื่ออีกครั้ง ว่าเป็นเนื้องอกชนิดใด รุนแรงระดับไหน จะได้วางแผนในการรักษาในขั้นตอนถัดไป ส่วนขั้นตอนในการรักษานั้น

สามารถรักษาได้ 4 วิธี ได้แก่

  1. คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า (MRI) เป็นการรักษาในขั้นตอนแรก ก่อนที่จะผ่าเอาเนื้อเยื่ออกมา 
  2. การผ่าตัด เป็นการผ่าเอาเนื้อเยื่อที่ไม่ใช่เนื้อร้ายออก ทำให้ง่ายต่อการผ่าตัด
  3. การฉายแสง (Radiation Therapy) เพื่อทำลายเซลล์มะเร็งในกรณีที่ไม่สามารถตัดเนื้อเยื่อออกได้
  4. การทำเคมีบำบัด (Chemotherapy) เป็นการรักษาในขั้นตอนสุดท้าย เพื่อช่วยฆ่าเชื้อเซลล์มะเร็ง

วิธีแยก เนื้องอกในสมองหรือไมเกรน

อาการเบื้องต้นของเนื้องอกในสมอง

  • มีอาการปวดหัวบ่อย ปวดหัวเรื้อรังติดต่อกันนานเกิน 15 วัน และมีอาการปวดรุนแรงเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ
  • คลื่นไส้ อาเจียนโดยเฉพาะในช่วงเช้าหรือหลังตื่นนอน รวมทั้งมีอาการง่วงซึมร่วมด้วย
  • มีปัญหาในเรื่องของการทรงตัว การเคลื่อนไหว การเดิน แขนขาอ่อนแรง สูญเสียความรู้สึกทางการเคลื่อนไหว แขนขาชา หรืออาจเป็นอัมพาตบางส่วน
  • มีปัญหาทางการได้ยิน
  • มีปัญหาในการสื่อสาร
  • สูญเสียความทรงจำบางส่วน วิงเวียนศีรษะ รู้สึกสับสน มึนงง บุคลิกภาพเปลี่ยนไป
  • มีปัญหาในการรับประทานอาหาร กลืนลำบาก
  • มีปัญหาทางการมองเห็น ตาพร่า เห็นภาพซ้อน
  • กล้ามเนื้อใบหน้าชาหรือเป็นเหน็บ
  • มีปัญหาด้านกระเพาะปัสสาวะและลำไส้

อาการเบื้องต้นของไมเกรน

  • มีอาการปวดศีรษะที่มีลักษณะปวดแบบตุบ ๆ ปวดหัวข้างเดียว
  • มีระยะเวลาปวดเป็นระยะหรือจังหวะ 
  • อาการปวดศีรษะมักเป็นความรุนแรงปานกลางถึงรุนแรงมาก 
  • มีอาการคลื่นไส้และอาเจียน
  • มองเห็นแสงวูบวาบ ไฟระยิบระยับ เห็นภาพเบลอ

จะเห็นได้เลยว่าอาการแสดงเบื้องต้นของเนื้องอกในสมองนั้นจะมีความรุนแรงกว่าโรคไมเกรนเป็นอย่างมาก อีกทั้งยังมีอาการข้างเคียงอื่น ๆ ร่วมด้วย ซึ่งเป็นผลกระทบมาจากการทำงานที่ผิดปกติของสมอง ดังนั้น ควรพบแพทย์เพื่อวินิจฉัยอย่างชัดเจนจะได้รักษาอย่างถูกต้อง

ข้อสรุป

หากคนไข้ที่มีอาการปวดหัวบ่อย วิงเวียนศีรษะ หรือมีอาการตามที่ได้กล่าวไปข้างต้น และต้องการเข้าตรวจวินิจฉัยเพื่อดูอาการให้แน่ชัดว่าเป็นเนื้องอกในสมองหรือไมเกรน เพื่อที่จะได้หาแนวทางในการรักษาอย่างถูกต้อง

หากใครที่มีปัญหาเหล่านี้ สามารถเข้ามาปรึกษากับทางศูนย์ของเราได้ หรือต้องการเพิ่มเติมเกี่ยวกับการเอ็กสเรย์สมอง ทางศูนย์  BTX Migraine Center มีบริการค่ะ สามารถแอดไลน์ @ayaclinic หรือโทรเบอร์  090–970-0447 เพื่อปรึกษา ขอคำแนะนำ หรือต้องการ MRI เพื่อตรวจดูสมองอย่างละเอียดทางแพทย์ผู้เชี่ยวชาญของ BTX Migraine Center สามารถส่งตัวคนไข้เพื่อตรวจดูความผิดปกติของสมองได้ และจะได้หาวิธีรักษาได้ทันท่วงที