ไมเกรนกับเส้นเลือดในสมองแตก มีข้อแตกต่างกันอย่างไร สังเกตจากอะไรบ้าง

เส้นเลือดสมองแตก

อาการไมเกรนทั่วไป จะมีลักษณะการปวดแบบเฉพาะตัว คือมีอาการปวดตุ๊บ ๆ ปวดหัวข้างเดียว หรือสลับไปมา มีอาการคลื่นไส้อาเจียน บางรายเมื่อเจอแสงหรือเสียงอาจกระตุ้นให้เกิดอาการปวดไมเกรนมากขึ้น ซึ่งแตกต่างจากการปวดแบบเส้นเลือดในสมองโป่งพอง โดยมีจุดสังเกตุหลายข้อด้วยกัน ซึ่งการปวดหัวไมเกรน จะมีส่วนเกี่ยวข้องกับโรคเส้นเลือดในสมองโดยตรง เพราะคนที่เป็นไมเกรนจะมีโอกาสเกิดโรคเส้นเลือดสมองตีบและเส้นเลือดในสมองแตกมากกว่าคนปกติ

สารบัญบทความ

เส้นเลือดในสมองโป่งพองคืออะไร

โรคเส้นเลือดในสมองโป่งพอง (Cerebral Aneurysm) เกิดจากความผิดปกติของผนังเส้นเลือดเฉพาะจุด โดยจะมีลักษณะบางลงหรือเสื่อมสภาพลง เมื่อโลหิตไหลผ่านไปเรื่อย ๆ บริเวณผนังหลอดเลือดจะโป่งพองขึ้น มีอาการบวม ซึ่งอันตรายมากเพราะอาจทำให้ เส้นเลือดในสมองแตกได้เมื่อระยะเวลาผ่านไป ส่งผลให้เลือดออกในชั้นใต้เยื่อหุ้มสมอง โรคนี้มักเกิดขึ้นกับเส้นเลือดบริเวณฐานกะโหลกศีรษะ นอกจากนั้นแล้วโรคเส้นเลือดในสองโป่งพองยังมีสาเหตุมาจากโรคอื่นๆ ได้ เช่น โรคถุงน้ำที่ไต หรือการเกิดอุบัติเหตุ ศีรษะถูกกระทบอย่างรุนแรง ซึ่งอาจรุนแรงไปจนถึงขั้นเสียชีวิตแบบกะทันหันได้

อาการโรคเส้นเลือดสมองแตก

อาการของโรค เส้นเลือดในสมองแตก สามารถแบ่งออกได้เป็น 2 กลุ่ม 

  • กลุ่มของผู้ที่มีการแตกออกของเส้นเลือดโป่งพอง

กลุ่มแรกเป็นกลุ่มของผู้ที่มีการแตกออกของเส้นเลือดในสมองโป่งพอง ซึ่งจะมีอาการปวดศีรษะบริเวณต้นคออย่างรุนแรงหรือแบบเฉียบพลัน อีกทั้งยังมีอาการอื่น ๆ แทรกมาร่วมด้วย เช่น คลื่นไส้ อาเจียน อาการดังกล่าวเกิดจากภาวะเลือดออกใต้เยื่อหุ้มสมอง ทำให้เกิดการปวดศีรษะอย่างรุนแรง ผู้ป่วยบางรายอาจหมดสติทันที และตื่นมาก็ยังคงปวดอย่างรุนแรงอยู่ เพื่อการดังกล่าวเป็นอาการที่อันตรายควรรีบเข้าพบแพทย์โดยทันที

  • กลุ่มที่มีเส้นเลือดในสมองโป่งพองขนาดใหญ่ 

กลุ่มที่ 2 เป็นกลุ่มผู้ป่วยที่มีเส้นเลือดในสมองโป่งพองขนาดใหญ่ โดยจะมีอาการปวดศีรษะ โดยเฉพาะบริเวณใบหน้าจะรู้สึกปวดร้าวมากกว่าส่วนอื่น ๆ มีสาเหตุมาจากเส้นเลือดเกิดอาการโป่งพองจนมีขนาดใหญ่ แล้วไปกดทับกับเนื้อเยื่อในสมอง ทำให้มีอาการปวดร้าวบริเวณใบหน้า เนื่องจากไปกดทับกับเส้นประสาทในสมองคู่ที่ 5  อาการในกลุ่มนี้จะทำให้เลือดไหลวนอยู่ภายใน จนอาจทำให้ลิ่มเลือดไปอุดตันในเส้นเลือดสมองส่วนปลาย ส่งผลให้สมองขาดเลือดได้

อาการปวดของไมเกรนและอาการปวดแบบเส้นเลือดในสมองแตก 

มีลักษณะการปวดแบบตุ๊บ ๆ เป็นจังหวะ มักจะเกิดข้างเดียวของศีรษะ แต่ก็สามารถเป็นทั้งสองข้างได้ โดยระยะเวลาในการปวดจากจุดเริ่มต้นไปจนถึงปวดมากที่สุดในครั้งนั้น จะค่อย ๆ ปวดเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ผู้ป่วยบางรายอาจมีอาการอื่นร่วมด้วย เช่น คลื่นไส้ อาเจียน อ่อนแรง และไวต่อแสง เสียง หรือกลิ่นมากขึ้น ซึ่งผู้ป่วยไมเกรนบางรายอาจมีสัญญาณเตือนก่อนการเกิดไมเกรน

  • อาการหลอดเลือดในสมองแตก

มีอาการปวดหัวแบบฟ้าผ่า จู่ ๆ ก็เกิดอาการปวดหัวขึ้นทันทีโดยไม่มีสัญญาณเตือนมาก่อน ซึ่งจะเป็นอาการปวดหัวที่รุนแรงและไม่มีช่วงเวลาระหว่างเริ่มปวดหัวจนถึงช่วงปวดหัวที่รุนแรงมากที่สุด มีอาการแขนขาอ่อนแรง สับสน มึนงง หน้าเบี้ยวครึ่งซีก เหน็บชาตามร่างการครึ่งซีก พูดไม่ได้ เห็นภาพซ้อนร่วมด้วย จุดสังเกตุที่ชัดเจนระหว่างการปวดหัวแบบเส้นเลือดในสมองโป่งพองกับไมเกรน คือ ระยะเวลาจุดเริ่มต้นของการปวดหัวจนถึงช่วงปวดหัวถึงขีดสุด หากเป็นอาการเส้นเลือดในสมองโป่งพองจะเกิดอาการรุนแรงเลยและไม่มีสัญญาณเตือนก่อนการปวดหัว ซึ่งแตกต่างจากไมเกรน เพราะการปวดไมเกรนจะไต่ระดับจากการปวดหัวจากจุดเริ่มต้นและใช้เวลาไปจนถึงการปวดมากที่สุด

สาเหตุของการเกิดโรค เส้นเลือดสมองแตก

สาเหตุของการเกิดโรคเส้นเลือดในสมองแตกนั้น หลัก ๆ มาจากการที่ผนังเส้นเลือดบางจุดที่ลักษณะบางลง ส่งผลให้ผนังเส้นเลือดเสื่อมสภาพลง เมื่อเลือดเข้าไปไหลเวียน จะทำให้เส้นเลือดโป่งพองขึ้นและแตกได้ในที่สุด นอกจากนี้ ในผู้ป่วยที่มีโรคประจำตัวอยู่แล้วอาจก่อให้เกิดโรคเส้นเลือดในสมองแตกได้ง่ายกว่าคนทั่วไป เช่น โรคเบาหวาน โรคความดัน

รู้ได้อย่างไรว่าเป็นเส้นเลือดในสมองแตก

สำหรับอาการแสดงของโรคเส้นเลือดในสมองแตก จะมีสัญญาณบ่งบอกอยู่ด้วยกัน เช่น

  • วิงเวียน ปวดศีรษะ หน้ามืดบ่อย หรือรู้สึกคลื่นไส้ อาเจียน
  • รู้สึกแขนขาชา ตัวชา แขนขาอ่อนแรง ไม่สามารถขยับตัวได้ ใบหน้าหรือปากบิดเบี้ยว หรืออาจรุนแรงไปจนถึงขั้นเป็นอัมพาตครึ่งซีก
  • ไม่สามารถควบคุมการทรงตัวได้ 
  • มองเห็นภาพซ้อน ตาพร่ามัว ภาพไม่ชัด
  • ไม่สามารถสื่อสารได้ หรือฟังสื่งที่ผู้อื่นสื่อสารไม่เข้าใจ
  • พูดลำบาก มึนงง น้ำลายไหลไม่รู้ตัว

ปวดหัวไมเกรนแล้วเกิดเส้นเลือดปูดบริเวณขมับ

อาการปวดหัว จะมีจุดสำคัญอยู่ที่ กลไกปมประสาทของใบหน้าหรือ trigeminal nerve เป็นเส้นประสาทสมองคู่ที่ 5 เมื่อผู้ป่วยเกิดอาการปวดหัวไมเกรน จะทำให้เส้นเลือดบริเวณขมับนั้นเกิดการขยายตัวขึ้น แต่ไม่ถึงขั้นภาวะหลอดเลือดในสมองแตก เพราะฉะนั้น อาการปวดหัวไมเกรน ผู้ป่วยจะรู้สึกปวดตุ๊บ ๆ บริเวณขมับ และเส้นเลือดในสมองโป่งพองขึ้นมามากกว่าปกติ 

ปวดหัวไซนัส..เมื่อไหร่ควรพบแพทย์

กลุ่มผู้ป่วยไมเกรนเสี่ยงต่อภาวะเส้นเลือดในสมองแตก ได้ไหม

ผู้ป่วยที่เป็นโรคไมเกรน ถึงแม้จะอันตรายน้อยกว่า โรคเส้นเลือดในสมองโป่งพอง แต่การปวดหัวไมเกรน ก็มีส่วนเกี่ยวข้องกับโรคเส้นเลือดในสมองโดยตรง เพราะคนที่เป็นไมเกรนจะมีโอกาสเกิดโรคเส้นเลือดสมองตีบและเส้นเลือดในสมองแตกมากกว่าคนปกติ อีกทั้งผู้ป่วยมีโรคความดันในเลือดสูงอยู่แล้ว ก็จะยิ่งมีความเสี่ยงมาก

การรักษาเส้นเลือดสมองโป่งพอง

ในกรณีการเข้ารับการรักษาโรคเส้นเลือดในสมองโป่งพอง สามารถรักษาได้หลายแบบ โดยวิธีการรักษาก็จะแตกต่างกันออกไปแต่ละบุคคล ซึ่งแพทย์จะเป็นผู้พิจารณาถึงขนาดและรูปร่างของเส้นเลือด รวมไปถึงประวัติของผู้ป่วยเองด้วย ซึ่งวิธีการรักษามีอยู่ด้วยกัน 3 แบบดังนี้

  • การผ่าตัดสมอง เป็นวิธีการซ่อมแซมและปิดผนังหลอดเลือดที่มีอาการโป่งพอง ซึ่งจะเกิดในกรณีที่ผู้ป่วยมีก้อนเลือดในสมอง แพทย์จะทำการผ่าตัดเพื่อเอาก้อนเลือดนั้นออกมา
  • การใส่ขดลวด (coil) เป็นการนำคลิปมาหนีบไว้ที่บริเวณเส้นเลือดที่มีอาการโป่งพองออกมา เพื่อยับยั้งไม่ให้เลือดเข้าไปในบริเวณหลอดเลือดที่มีอาการโป่งพองออกมา ป้องกันการขยายตัวของเส้นเลือด ไม่ให้แตกได้ง่าย
  • การให้ยาต้านแคลเซียม เป็นวิธีที่ช่วยลดการเกิดภาวะสมองขาดเลือด สำหรับผู้ป่วยที่ยังไม่มีอาการรุนแรง ซึ่งภาวะสมองขาดเลือดนี้เป็นผลมาจากการหดเกร็งของหลอดเลือดในสมอง 

วิธีป้องกันเส้นเลือดในสมองแตกจากโรคไมเกรน

วิธีการป้องกันเส้นเลือดในสมองแตกจากโรคไมเกรนที่ดีที่สุดคือ การหลีกเลี่ยงตัวกระตุ้นไมเกรน เพื่อป้องกันไมเกรนไม่ให้ไมเกรนกำเริบ ซึ่งสามารถทำได้ดังนี้

  • นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ ไม่ควรอดนอนหรือนอนดึกเกินไป
  • หมั่นผ่อนคลายสมองจากการทำงาน ไม่ควรหักโหมทำงานหรือทำกิจกรรมอื่นๆจนหนักเกินไป 
  • หลีกเลี่ยงการอยู่ในที่ๆมีแสงสว่างจ้านานจนเกินไป จนทำให้เกิดอาการแสบตา
  • หลีกเลี่ยงการอยู่ในที่ที่เสียงดัง เช่น คอนเสิร์ต เพราะอาจจะทำให้อาการปวดหัวไมเกรนกำเริบได้
  • หลีกเลี่ยงการรับประทานอาหารที่กระตุ้นไมเกรน เช่น ช็อกโกแลต ถั่ว เนย เครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ หรืออาหารหมักดองเป็นต้น
  • หมั่นออกกำลังกายและไปตรวจเช็คสุขภาพอย่างเป็นประจำ

ข้อสรุป

ถึงแม้ว่าอาการไมเกรนจะมีลักษณะและอาการที่แตกต่างออกไปจากโรคเส้นเลือดในสมองโป่งพอง แต่อาการปวดหัวไมเกรนก็มีส่วนเกี่ยวข้องกับโรคเส้นเลือดในสมองโดยตรง เพราะฉะนั้นแล้วผู้ป่วยไมเกรนไม่ควรชะล่าใจในการตรวจเช็คสุขภาพ รวมถึง โรคความดัน ที่ส่งผลให้เส้นเลือดบริเวณที่ปวดหัวไมเกรนโป่งพองได้ เพราะฉะนั้นต้องรักษาอาการไมเกรนเพื่อไม่ให้ส่งผลร้ายแรง ซึ่งหากใครกำลังมองหาที่รักษาก็สามารถแอดไลน์ @ayaclinic หรือโทรเบอร์  090–970-0447 เพื่อปรึกษา ขอคำแนะนำ หรือจองคิวฉีดโบท็อกไมเกรน เพื่อลดอาการไมเกรน เวียนหัวและปวดหัวรูปแบบต่าง ๆ กับทางแพทย์ผู้เชี่ยวชาญของ BTX Migraine Center ศูนย์รักษาไมเกรนเฉพาะทางที่ปลอดภัยและทันสมัยได้ทันที

แอดไลน์