สำหรับการรักษาไมเกรนมีหลายวิธีทั้งการรักษาด้วยยาและการรักษาแพทย์ทางเลือก ปัจจุบันมีนวัตกรรมในการรักษาบรรเทาอาการปวดไมเกรนก็คือ NAD+therapy

อาการปวดหัวไมเกรน เป็นอาการที่ทำให้มีผลกระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวัน ซึ่งเกิดจากการหดของเส้นเลือดแดงและสารสื่อประสาทจึงทำให้มีอาการปวดหัวอย่างรุนแรง นอกจากที่จะมีอาการปวดหัวแล้ว ยังมีอาการทางสายตาเช่น ตาพร่า ตามัว แพ้แสง แพ้เสียง เป็นต้น ในบางรายที่มีอาการหนักก็จะมีอาการคลื่นไส้และอาเจียนร่วมด้วย สำหรับการรักษาไมเกรนมีหลากหลายวิธีตั้งแต่การรักษาด้วยยาและการรักษาแพทย์ทางเลือก ปัจจุบันมีนวัตกรรมใหม่ในการรักษาหรือช่วยบรรเทาอาการปวดไมเกรนก็คือNAD+therapy

อาการปวดไมเกรน

  1. มีอาการปวดบริเวณขมับ ปวดแบบกะทันหัน
  2. อาการปวดหัวอย่างรุนแรงจนร้าวมาที่เบ้าตาและท้ายทอย หรือที่เรียกกันว่าไมเกรนขึ้นตา
  3. แพ้แสงละเสียง ผู้ป่วยอาจมีอาการปวดรุนแรงมากขึ้นเมื่อต้องเผชิญกับแสงและเสียง
  4. มีอาการคลื่นไส้ร่วมด้วย มีอาการปวดหัวร่วมกับอาการคลื่นไส้อาเจียน เบื่ออาหาร
  5. ในผู้ป่วยไมเกรนส่วนใหญ่มักจะปวดหัวข้างเดียว มีส่วนน้อยที่จะปวดทั้งสองข้าง
  6. ปวดหัวตุ๊บๆ เป็นอาการปวดหัวแบบเป็นจังหวะ
  7. ปวดแบบทรมาน ในบางรายอาจปวดจนไม่สามารถใช้ชีวิตประจำวันได้ จำเป็นต้องนอนพักผ่อน
  8. มีอาการปวดมากขึ้นเมื่อมีความเครียด ความเครียดเป็นสิ่งกระตุ้นให้การปวดไมเกรนรุนแรงขึ้น
  9. ปวดหัวนานๆ ไมเกรนเป็นอาการปวดหัวแบบติดต่อกันเป็นระยะเวลานานเป็นชั่วโมง ซึ่งอาจนานถึง 4-72 ชั่วโมง
  10. ปวดวันละหลายรอบ อาการปวดหัวไมเกรนจะเป็นลักษณะที่ปวดหัววันละหลายรอบ อย่างน้อย 3-5 ครั้งต่อวัน

วิธีลดอาการปวดไมเกรน

  1. ทานยา การรับประทานยาเมื่อมีอาการปวดไมเกรนถือเป็นสิ่งแรกๆ ที่ผู้ป่วยทำ ถือเป็นวิธีแก้ปวดหัวไมเกรนเบื้องต้น เพราะเป็นวิธีที่ทำได้สะดวกและสามารถลดอาการปวดได้อย่างรวดเร็ว เช่น ยาพาราเซตามอล ยากลุ่มลดอาการไมเกรน เป็นต้น
  2. นอนพักผ่อน อาการไมเกรนเกิดจากการพักผ่อนไม่เพียงพอ การนอนพักผ่อนจะทำให้อาการไมเกรนดีขึ้น
  3. อยู่ในที่มืดและสงบ ผู้ป่วยไมเกรนส่วนมากจะมีอาการแพ้แสงและเสียง การอยู่ในที่มืดและเงียบสงบจะทำให้อาการไมเกรนดีขึ้น
  4. ประคบเย็น การใช้น้ำแข็งประคบเย็นบริเวณศีรษะจะช่วยทำให้อาการไมเกรนดีขึ้นได้
  5. กายภาพบำบัด การออกกำลังกายเบาๆ อย่างการผ่อนคลายกล้ามเนื้อบริเวณศีรษะและคอด้วยตัวเอง
  6. นั่งสมาธิ การได้นั่งสมาธิเป็นการที่เราได้อยู่กับตัวเอง ไม่มีสิ่งใดมารบกวน จะทำให้อาการปวดหัวดีขึ้น
  7. การนวด การนวดกดจุดบริเวณที่มีอาการปวด ช่วยบรรเทาอาการปวดไมเกรนได้
  8. คลายเครียด ความเครียดเป็นสิ่งที่ทำให้อาการไมเกรนรุนแรงขึ้น อาจจะต้องหากิจกรรมทำเพื่อคลายเครียด
  9. ไม่ทานเค็ม อาหารที่มีรสเค็มจัดเป็นสิ่งกระตุ้นให้ไมเกรนมอาการรุนแรงขึ้น
  10. การฉีดวิตามีน NAD+การฉีด NAD+หรือฉีดโบท็อกแก้ไมเกรนเข้าสู่กระแสเลือด เพื่ออาการที่ดีขึ้นในเวลาอันสั้น
  11. การพักสายตาจากจอคอม หรือพักเบรคจากการทำงาน บางครั้งอาการปวดไมเกรนอาจเกิดจากออฟฟิศซินโดรมที่ปล่อยไว้ไม่ยอมรักษา จนเกิดมาเป็นอาการปวดหัวเรื้อรัง หรืออาการไมเกรน ดังนั้นการไม่หักโหมกับการทำงานมากเกินไป คอยพักสายตาจากจอคอมเป็นระยะๆ ก็สามารถช่วยบรรเทาอาการไมเกรนได้

NAD+ คืออะไร

NAD+ หรือ Nicotinamide adenine dinucleotide คือ หนึ่งโมเลกุลที่สำคัญที่สุดของร่างกาย เป็นอนุพันธ์ของวิตามินบี 3 ที่มีบทบาทสำคัญที่สุดสำหรับการกำหนดอายุขัยของเซลล์ในร่างกายและกระบวนการเมตาบอลิซึมของเซลล์มากกว่า 5,000 ชนิด ซึ่งมีบทบาทในการยืดอายุของเซลล์อีกทั้งยังฟื้นฟูเซลล์ในระดับ DNA ในร่างกายมนุษย์จะมีNAD+ มากกว่าร้อยละ 50 เมื่อ NAD+ ลดลงก็จะเข้าสู่ความเสื่อมของร่างกาย ไม่ว่าจะเป็นภาวะของประสาทซึ่งเป็นสาเหตุของการเกิดโรคไมเกรน อีกทั้งยังรวมถึงระบบความจำ ภาวะโรคหัวใจ โรคอ้วนและปัญหาอื่น ๆ อีก ด้วย นอกจากนี้ NAD+ จะช่วยลดการสมองที่อ่อนล้า และช่วยให้เซลล์ของสมองทำงานดีมากขึ้น ลดความเครียดซึ่งเป็นหนึ่งในระบบของประสาทซึ่งเป็นสาเหตุของการเกิดโรคไมเกรน สำหรับ NAD+ จะใช้วิธีการรักษา โดยให้ทางหลอดเลือดดำเพื่อเข้าสู่กระแสเลือดและช่วยซ่อมแซมเซลล์ต่าง ๆ ได้อย่างรวดเร็วอีกทั้งยังช่วยฟื้นฟูกระตุ้นสร้างพลังงานและลดอาการเครียดความกังวลหรืออารมณ์แปรปรวนซึ่งเป็นสาเหตุของไมเกรน

NAD

 NAD+บรรเทาอาการไมเกรนได้อย่างไร

NAD+ ลดอาการสมองอ่อนล้า การฉีด NAD+ ช่วยลดอาการสมองอ่อนล้าได้เป็นอย่างดี ทำให้อาการไมเกรนที่พบดีขึ้น

  1. การฉีด NAD+ ช่วยกระตุ้นการซ่อมแซมเซลล์ได้ลึกถึงระดับ DNA ดังนั้นจึงทำให้เซลล์ต่างๆ ของร่างกายทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้เกิดอาการปวดหัวหรืออาการเจ็บปวดอื่น ๆ ได้ยาก
  2. เนื่องจากไมเกรนคืออาการที่เกิดจากการทำงานอย่างผิดปกติของหลอดเลือด ซึ่ง NAD+ ช่วยให้หลอดเลือดมีความอ่อนตัว และยืดหยุ่นได้เป็นอย่างดี ดังนั้นการฉีด NAD+ จึงช่วยบรรเทาอาการไมเกรนได้
  3. การฉีด NAD+ เป็นการฉีดเข้าเส้นเลือด ดังนั้นการรักษาไมเกรนด้วย NAD+ ย่อมได้ผลกว่าการทานยา และช่วยบรรเทาอาการไมเกรนได้อย่างเห็นผลและรวดเร็ว
  4. ไมเกรนเกิดจากการพักผ่อนน้อย ซึ่งการฉีด NAD+ จะช่วยทำให้ร่างกายมีความสดชื่น ช่วยฟื้นฟูและบำรุงร่างกาย เมื่อมีความรู้สึกสดชื่นเกิดขึ้นก็จะทำให้อาการไมเกรนลดลงอย่างเห็นได้ชัด
  5. การฉีด NAD+ ช่วยให้การมองเห็นและการได้ยินดีขึ้น ซึ่งเป็นผลดีกับผู้ป่วยไมเกรนกลุ่มออร่า ที่มีการมองเห็นและการได้ยินที่ผิดปกติ ทั้งอาการตาพร่ามัว เห็นเป็นภาพสีดำ หูอื้อ ได้ยินเสียงแปลกๆ ในหู เป็นต้น
  6. การฉีด NAD+ ช่วยกระตุ้นระบบภูมิคุ้มกันให้แข็งแรง เมื่อระบบภูมิคุ้มกันแข็งแรงจะทำให้อาการปวดไมเกรนลดลง เกิดอาการปวดหัวยากขึ้น
  7. อาการปวดไมเกรนเกิดจากการทำงานอย่างผิดปกติของเซลล์สมอง ซึ่งการฉีด NAD+ จะช่วยฟื้นฟูการทำงานของระบบประสาทและสมอง ทำให้เกิดการปวดหัวจากอาการไมเกรนได้ยากขึ้น
  8. เนื่องจากอาการไมเกรนเกิดจากความเครียด ดังนั้นการฉีด NAD+ จะช่วยบรรเทาอาการไมเกรนได้ เพราะ NAD+ ช่วยเติมความสดชื่น ให้ร่างกายกลับมาสดใส ภาวะความเครียดลดลง
  9. NAD+ ช่วยฟื้นฟูความแข็งแรงการทำงานของกล้ามเนื้อ ซึ่งจะส่งผลดีต่อผู้ป่วยไมเกรนแบบออร่าที่มีปัญหากล้ามเนื้อตาทำงานผิดปกติ

ไมเกรนมีกี่ประเภท

อาการปวดไมเกรน แบ่งออกเป็น 2 ประเภท ได้แก่

มีอาการเตือน หรือ ไมเกรนในกลุ่มที่มีอาการออร่า คือ ไมเกรนที่มีอาการแจ้งเตือน อาจจะมีการมองเห็นแบบผิดปกติ เช่น เห็นไฟสีขาวเป็นเส้นๆ เห็นเป็นแสงระยิบระยับ เห็นภาพเบลอ หรือในบางรายอาจมองไม่เห็นชั่วขณะ มีอาการชาตามบริเวณต่าง ๆ รู้สึกมึน เวียนหัว ไม่สามารถบังคับหรือทรงตัวได้ เดินเซ มีอาการพูดไม่ได้ชั่วขณะ นึกคำที่จะพูดไม่ได้ หรืออาจไม่เข้าใจคำพูดของคนอื่น มีเสียงดังในหู ได้ยินเสียงวิ้งๆในหู หรืออาจไม่ได้ยินชั่วขณะ และอาจมีอาการแขนขาอ่อนแรงที่ด้านใดด้ายหนึ่งของร่างกาย ซึ่งอาการแจ้งเตือนเหล่านี้อาจเกิดขึ้นพร้อมกับการปวดหัวไมเกรน หรือเกิดขึ้นก่อนการปวดหัวก็ได้
ไม่มีอาการเตือน เป็นไมเกรนชนิดที่มีแค่อาการปวดหัว ไม่มีสัญญาณแจ้งเตือนหรืออาการอื่นๆ ร่วมด้วย โดยจะมีอาการปวดหัวเป็นเวลานาน ตั้งแต่ 4-72 ชั่วโมงขึ้นไป อาจปวดหัวด้านซ้าย ปวดหัวด้านขวา หรืออาการที่เรียกว่าปวดหัวข้างเดียว จะเป็นอาการปวดตุ๊บๆ

ไมเกรนแบบมีออร่า และไม่มีออร่า

ไมเกรนแบบไหน เหมาะสมกับ NAD+

ไมเกรนที่เหมาะสำหรับการฉีดโบท็อกรักษาไมเกรนมากที่สุดคือ ไมเกรนออร่าเนื่องจาก เป็นไมเกรนที่มีความรุนแรง ในบางรายที่มีอาการนี้อาจทำให้ไม่สามารถใช้ชีวิตประจำได้ เพราะอาการของไมเกรนแบบออร่ามีความอันตรายต่อการใช้ชีวิต ทั้งการที่ไม่สามารถมองเห็นได้อย่างปกติได้ มีอาการชา ไม่สามารถทรงตัวได้ รวมทั้งอาการเหล่านี้ไม่สามารถบรรเทาด้วยการรับประทานยารักษาไมเกรนได้ การใช้ NAD+ เข้ามาช่วยในการรักษา จะส่งผลให้เกิดประสิทธิภาพในการรักษาไมเกรนสูงขึ้น

ไมเกรนแบบออร่าคืออะไร

ไมเกรนที่มีอาการเตือนก่อนการปวดหัวไมเกรน หรือไมเกรนที่มีอาการอื่นร่วมด้วยนอกจากอาการปวดหัว อาการเตือนที่ว่า ได้แก่ เห็นไฟสีขาวเป็นเส้นๆ เห็นเป็นแสงระยิบระยับ เห็นภาพเบลอ หรือในบางรายอาจมองไม่เห็นชั่วขณะ มีอาการชาตามบริเวณต่างๆ รู้สึกมึน เวียนหัว ไม่สามารถบังคับหรือทรงตัวได้ เดินเซ มีอาการพูดไม่ได้ชั่วขณะ นึกคำที่จะพูดไม่ได้ หรืออาจไม่เข้าใจคำพูดของคนอื่น มีเสียงดังในหู ได้ยินเสียงวิ้งๆในหู หรืออาจไม่ได้ยินชั่วขณะ และอาจมีอาการแขนขาอ่อนแรงที่ด้านใดด้ายหนึ่งของร่างกาย ซึ่งอาการแจ้งเตือนเหล่านี้อาจเกิดขึ้นพร้อมกับการปวดหัวไมเกรน หรือเกิดขึ้นก่อนการปวดหัวก็ได้

ไมเกรนออร่าคืออะไร_

ความอันตรายของไมเกรนแบบออร่า

ความอันตรายที่มากกว่าไมเกรนปกติของไมเกรนแบบออร่าคือ อาการทุกอย่างของไมเกรนแบบออร่าล้วนแล้วแต่ทำให้การทำกิจวัตรประจำวันนั้นทำได้ยาก ทั้งการมองเห็นที่ไม่สามารถมองเห็นได้แบบปกติ เห็นภาพมืด เห็นสิ่งที่อยู่ตรงหน้าแบบเบลอๆ อาการชาที่ส่วนต่างๆ ของร่างกาย เช่น ชาแขน ชาที่มือ ชารอบๆ ปากจนไม่สามารถพูดได้ อาการอ่อนแรงครึ่งซีกของร่างกาย จนทำให้ไม่สามารถทรงตัวได้ โดยบางรายอาจเกิดอาการเหล่านี้ก่อนอาการปวดหัวไมเกรน หรืออาจเกิดสัญญานเตือนเหล่านี้พร้อม ๆ กันกับการปวดหัวไมเกรน ซึ่งความอันตรายที่นอกจากจะทำให้การใช้ชีวิตประจำวันเป็นไปได้ยากแล้วยังทำให้อาจเกิดอันตรายที่รุนแรงได้ อย่างเช่น การเกิดอุบัติเหตุจนส่งผลอันตรายต่อชีวิต เป็นต้น

ข้อดีของการฉีดNAD+บรรเทาอาการไมเกรน

ข้อดีของการฉีด NAD+ เพื่อบรรเทาอาการไมเกรนคือ ช่วยให้ผู้ป่วยไมเกรนที่มีอาการดื้อยา แม้จะรับประทานยากลุ่มยาแก้ปวดไมเกรนเท่าไหร่ อาการปวดไมเกรนก็ไม่บรรเทาลง การฉีด NAD+ เพื่อรักษาไมเกรนเป็นการฉีดเข้าเส้นเลือด เพิ่ม NAD+ เข้าสู่ร่างกายเพื่อบรรเทาอาการไมเกรนถือเป็นนวัตกรรมสุดล้ำที่มีบทบาทในการช่วยผู้ป่วยไมเกรนที่มีอาการดื้อยาได้เป็นอย่างดี

ข้อจำกัดของการฉีดNAD+ รักษาไมเกรน

  1. การฉีด NAD+ รักษาไมเกรน อาจไม่ได้ผลเท่าไหร่นัก หากฉีดแล้วผู้ป่วยยังไม่ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมในการใช้ชีวิตที่เสี่ยงต่ออาการปวดไมเกรน เช่น การหักโหมในการทำงานจนเกิดอาการออฟฟิศซินโดรม เป็นต้น
  2. การไม่ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการรับประทานอาหาร เช่น การทานอาหารรสเค็มจัด การทานคาเฟอีนในปริมาณที่มากเกินไปก็อาจทำให้ การฉีด NAD+ รักษาไมเกรน ไม่ได้ผล
  3. การฉีด NAD+ รักษาไมเกรน กับแพทย์ที่ไม่เชี่ยวชาญทางด้านกายวิภาคโดยเฉพาะ ก็จะทำให้การฉีดแก้ไมเกรนไม่ช่วยบรรเทาอาการไมเกรน
  4. อาจเกิดอาการดื้อยาหากฉีดบ่อยเกินไป การฉีด NAD+ รักษาไมเกรนไม่ควรฉีดถี่เกินไป โดยควรเว้นระยะ 3 เดือนเป็นอย่างต่ำ เพราะหากฉีดบ่อยเกินไปจะทำให้เกิดอาการดื้อตัวยาได้
  5. ไม่ดูแลตัวเองหลังการฉีด หลังการฉีด NAD+ รักษาไมเกรน จำเป็นต้องพักผ่อนอย่างเพียงพอ ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ มิเช่นนั้นอาจทำให้ การฉีด NAD+ รักษาไมเกรน เห็นผลไม่ดีเท่าที่ควร
  6. ฉีดกับคลินิกที่ไม่ได้มาตรฐาน การฉีด NAD+ รักษาไมเกรน ให้เห็นผลจำเป็นต้องเลือกคลินิกที่ได้มาตรฐาน โดยสามารถเสิร์ชหาใบอนุญาตของคลินิกนั้นๆ ได้ผ่านทางเว็บไซต์ต่างๆ เพื่อความแน่ใจได้เลย
  7. ราคาแพงกว่าการรักษาทั่วไป การฉีด NAD+ รักษาไมเกรน มีราคาค่อนข้างสูงกว่าการรักษาทั่วไป เช่น การทานยา การกายภาพบำบัด เป็นต้น ซึ่งอาจทำให้ผู้ป่วยหลายคนเข้าไม่ถึงการรักษาด้วยนวัตกรรมที่มีประสิทธิภาพนี้
  8. อาจไม่ได้ผลกับผู้ป่วยที่มีอาการรุนแรง หากผู้ป่วยที่มีอาการปวดไมเกรนอย่างรุนแรงมาก ๆ การฉีด NAD+ รักษาไมเกรน อาจไม่ได้ผล
  9. อาจใช้ไม่ได้กับผู้ป่วยที่มีโรคอื่นร่วมด้วย การฉีด NAD+ รักษาไมเกรน อาจไม่ได้ผลสำหรับผู้ป่วยที่มีโรคอื่นๆ เช่น โรคเครียด โรคซึมเศร้า โรคหัวใจ โรคความดันโลหิตตต่ำ และโรคไต เป็นต้น
  10. ไม่ควรฉีด NAD+ ให้กับสตรีมีครรภ์หรือคุณแม่ที่กำลังให้นมบุตร เพราะอาจเกิดอันตรายกับทั้งคุณแม่และเด็กในครรภ์ได้

การบรรเทาอาการปวดไมเกรนทางเลือกอื่น

การใช้วิธีออกกำลังกาย

บรรเทาอาการไมเกรน โดยอาจเป็นการบริหารร่างกายง่ายๆ ด้วยตัวเอง ที่จะช่วยให้อาการไมเกรนบรรเทาลงในทันที หรือแม้แต่การออกกำลังกายในที่ที่มีอากาศถ่ายเท หรือมีสิ่งแวดล้อมสีเขียว เช่น การจ๊อกกิ้งเบาๆ หรือการแอโรบิคในสวนสาธารณะ เพราะนอกจากการออกกำลังกายจะช่วยให้ร่างกายมีภูมิคุ้มกันที่แข็งแรง ไม่เจ็บป่วยง่ายแล้ว สิ่งแวดล้อมสีเขียวยังช่วยผ่อนคลายความเครียดได้อีกด้วย

แนวทางการป้องกันอาการปวดหัวเพราะนอนน้อยออกกำลังกายสม่ำเสมอ เช่น โยคะแก้ปวดหัว

การนวดกดจุด

วิธีการคือนวดกดจุดด้วยตัวเองอย่างเบาๆ ในบริเวณที่มีอาการปวดศีรษะ เพราะจะทำให้อาการปวดค่อยๆ เบาลงอย่างเห็นได้ชัด โดยวิธีนี้จะใช้ในกรณีผู้ป่วยที่มีอาการไม่รุนแรง

การนวดกดจุดแก้ปวดไมเกรน

การฝังเข็ม

การฝังเข็มเพื่อบรรเทาอาการไมเกรน เป็นการวิเคราะห์สมดุลภายในของร่างกาย จากนั้นจะทำการฝังเข็มเพื่อปรับสมดุลภายในร่างกาย ให้ร่างกายเกิดความสดชื่น ลดอาการเครียด ช่วยให้การนอนหลับมีคุณภาพมากยิ่งขึ้น เมื่อเกิดสิ่งเหล่านี้กับร่างกายก็จะช่วยให้อาการไมเกรนทุเลาลง

การฝังเข็มแก้ปวดศีรษะ

โบท็อกซ์รักษาไมเกรน

เป็นการฉีดโบท็อกซ์ที่มีชื่อว่า Botulinum toxin ไมเกรน โดยจะฉีดบริเวณต่างๆ เช่น ช่วงระหว่างคิ้ว หน้าผาก บริเวณใบหน้า ท้ายทอย ต้นคอและบ่า โดยเมื่อฉีดเข้าไปแล้วโบท็อกซ์จะไปทำหน้าที่ยับยั้งปลายประสาท Acetyl Choline ซึ่งเป็นตัวกลางที่ทำให้เกิดอาการปวดไมเกรน ทำให้กล้ามเนื้อที่หดเกร็งเกิดการคลายตัว และจะทำให้อาการปวดหัวไมเกรนลดลงในที่สุด

วิธีรักษาอาการเส้นคอจึงจนปวดหัวทางการแพทย์

โบท็อกซ์รักษาไมเกรนดีอย่างไร

ลดการกินยา อยู่ในนานกว่า ลดความถี่มากกว่า การฉีดโบท็อกซ์รักษาไมเกรนเป็นวิธีการบรรเทาอาการปวดไมเกรนที่มีความปลอดภัย เพราะเป็นวิธีที่ใช้กันอย่างแพร่หลายทั่วโลก โดยในประเทศไทยนั้นการฉีดโบท็อกซ์เพื่อลดอาการไมเกรนได้รับการรับรองผลจากองค์กรอาหารและยา แต่มีข้อแม้ว่าจะต้องทำโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญทุกขั้นตอน ตั้งแต่การวินิจฉัยไปจนถึงการฉีด การฉีดโบท็อกซ์แก้ปวดสามารถช่วยลดอาการปวดศีรษะได้จริง อีกทั้งยังช่วยลดการทานยาลดไมเกรนซึ่งอาจส่งผลไม่ดีต่อตับไต และเมื่อฉีดแล้วสามารถอยู่ได้นานกว่าการทานยา ที่ต้องทานอยู่บ่อยๆ

โบท็อกซ์รักษาไมเกรน

ข้อสรุป

โดยการฉีดโบท็อกซ์ หรือ NAD+ เพื่อรักษาไมเกรนจำเป็นจะต้องฉีดโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญและมีประสบการณ์ รู้ลึกเกี่ยวกับกายวิภาค เพื่อทำการวินิจฉัยและรักษาได้อย่างตรงจุด เพราะการฉีดโบท็อกซ์ลดไมเกรนต่างกับการฉีดโบท็อกซ์แบบทั่วไป หากใครมีปัญหาเกี่ยวกับอาการไมเกรน ไม่อยากทานยาลดไมเกรน และสนใจจะรักษาด้วยวิธีอื่นๆ เช่น การฉีดโบท็อกซ์ หรือ NAD+ ก็สามารถปรึกษาแพทย์เพื่อประเมิณอาการเบื้องต้นได้ที่ BTX Migraine Center ศูนย์รักษาไมเกรนเฉพาะทางที่ปลอดภัยและทันสมัย ซึ่งเรามีทีมแพทย์ที่มีประสบการณ์คอยวินิจฉัยและให้คำปรึกษาอย่างตรงจุด
หากพบว่าตนเองหรือคนใกล้ตัวมีอาการวิงเวียนศีรษะ บ้านหมุน คลื่นไส้ หรืออาเจียนควรปฏิบัติตามแนวทางการรักษา ยิ่งถ้ามีอาการเวียนหัวรุนแรง อาจจะต้องปรึกษาแพทย์ เพื่อวินิจฉัยหาสาเหตุที่แท้จริง และทำการรักษาได้อย่างตรงจุด
หากใครกำลังมองหาที่รักษาก็สามารถแอดไลน์ @ayaclinic หรือโทรเบอร์ 090–970-0447 เพื่อปรึกษาหรือขอคำแนะนำ และจองคิวฉีดโบท็อกไมเกรน เพื่อลดอาการไมเกรน เวียนหัวและปวดหัวรูปแบบต่าง ๆ กับทางแพทย์ผู้เชี่ยวชาญของ BTX Migraine Center ศูนย์รักษาไมเกรนเฉพาะทางที่ปลอดภัยและทันสมัยได้ทันที

เอกสารอ้างอิง :
Critical analysis of the use of onabotulinumtoxinA (botulinum toxin type A) in migraine
https://pdfs.semanticscholar.org/68b1/131fec0dfc227ddf5a291384059b7e517502.pdf?_ga=2.221469912.1910126796.1615368643-1089673905.1608626583