3 โรคอันตราย อาการคล้ายออฟฟิศซินโดรม ปล่อยไว้เรื้อรังแน่
อาการปวดคอ บ่า ไหล่ เป็นปัญหาสุขภาพยอดฮิตที่พบได้บ่อย โดยเฉพาะในกลุ่มคนทำงาน ที่จะต้องนั่งทำงานเป็นเวลานานหลายชั่วโมง ส่งผลให้รู้สึกปวด คอ บ่า ไหล่ เรื้อรัง และทำให้หลายคนสงสัยว่า อาการเหล่านี้คือ “ออฟฟิศซินโดรม” หรือไม่ และควรทำอย่างไรเพื่อให้อาการเหล่านี้หายไป หรือถ้าหากไม่ใช่อาการออฟฟิศซินโดรม จะเป็นโรคอื่นร้ายแรงหรือไม่
สารบัญบทความ
- อาการปวดคอ บ่า ไหล่เกิดจากอะไร
- ปวด คอ บ่า ไหล่ นอกจากออฟฟิศซินโดรม เป็นโรคอะไรได้อีกบ้าง
- ออฟฟิศซินโดรม คืออะไร
- อาการแบบไหนเข้าข่ายออฟฟิศซินโดรม
- อาการแบบไหนเข้าค่ายโรคที่เกี่ยวกับหมอนกระดูกคอ
- แนวทางการรักษาออฟฟิศซินโดรม
- แนวทางการรักษาโรคที่เกี่ยวกับหมอนกระดูกคอ
- การป้องกันการเกิดออฟฟิศซินโดรมและโรคเกี่ยวกับหมอนรองกระดูกคอ
- ข้อสรุป
อาการปวดคอ บ่า ไหล่เกิดจากอะไร
อาการปวดคอ บ่า ไหล่ เป็นปัญหาสุขภาพที่ส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวัน และสร้างความรำคาญให้กับเราเป็นอย่างมาก ที่สำคัญอาจรุนแรงถึงขั้นกลายเป็นอาการปวด คอ บ่า ไหล่ เรื้อรังได้ ซึ่งสาเหตุของอาการปวดคอ บ่า ไหล่ ก็มีอยู่หลายสาเหตุด้วยกัน ได้แก่
- พฤติกรรมการใช้ชีวิต เช่น การนั่งทำงานหน้าจอคอมพิวเตอร์เป็นเวลานาน การก้มหน้าเล่นมือถือ การนอนในท่าที่ไม่เหมาะสม การยกของหนัก การทำงานหนัก
- ความเครียด เพราะความเครียดส่งผลต่อร่างกายโดยกระตุ้นให้กล้ามเนื้อตึงตัว โดยเฉพาะบริเวณคอ บ่า ไหล่ จึงเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ทำให้เราปวดแบบไม่รู้ตัว
- โรคและภาวะทางร่างกาย เช่น หมอนรองกระดูกทับเส้นประสาท ข้อเสื่อม กระดูกคอเสื่อม พังผืดบริเวณคอ รวมถึงออฟฟิศซินโดรมด้วย
ปวด คอ บ่า ไหล่ นอกจากออฟฟิศซินโดรม เป็นโรคอะไรได้อีกบ้าง
หลายคนที่มีอาการปวดคอ บ่า ไหล่ หรือบริเวณท้ายทอยแบบเรื้อรัง อาจจะคิดว่าเป็นออฟฟิศซินโดรม แต่นอกเหนือจากออฟฟิศซินโดรมแล้ว ยังมีภาวะอื่น ๆ อีกที่ส่งผลให้รู้สึกปวดคอ บ่า และไหล่ได้ โดยเบื้องต้นจะมีอยู่ด้วยกัน 3 โรค ได้แก่
หมอนรองกระดูกทับเส้นประสาท
หมอนรองกระดูกทับเส้นประสาท (Herniated disc) เป็นภาวะที่หมอนรองกระดูกสันหลัง (intervertebral disc) เคลื่อนออกจากตำแหน่งปกติไปกดทับเส้นประสาท ทำให้เส้นประสาทเกิดการอักเสบ หมอนรองกระดูกทับเส้นประสาท อาการ ปวด ชา และอ่อนแรง ในบริเวณที่ถูกกดทับ มักเกิดขึ้นที่บริเวณคอหรือหลังส่วนล่าง ซึ่งเป็นจุดที่มีการเคลื่อนไหวมาก โดยส่วนมากมักเกิดจากการนั่งหรือนอนผิดท่า การเคลื่อนไหวเร็วเกินไป รวมถึงเกิดจากอุบัติเหตุได้ด้วยเช่นกัน
หมอนรองกระดูกปลิ้น
หมอนรองกระดูกปลิ้น จะมีลักษณะอาการคล้ายกับหมอนรองกระดูกทับเส้นประสาท ซึ่งเกิดจากหมอนรองกระดูกที่อยู่ระหว่างกระดูกทั้ง 2 ข้อปลิ้นออกมา แต่ยังไม่ทับเส้นประสาท จะทำให้รู้สึกปวด คอ บ่า ไหล่ หรือปวดหลังช่วงล่าง รวมถึงยังมีอาการอื่น ๆ ร่วมด้วย เช่น รู้สึกชาแขน ขา ปวดร้าวลงแขน ปวดบริเวณก้น หรือสะโพก ยกของหรือก้มแล้วรู้สึกปวด รวมถึงยังทำให้ระบบขับถ่ายมีปัญหาด้วย
กระดูกสันหลังคด
กระดูกสันหลังคด (Scoliosis) คือ ภาวะความผิดปกติของกระดูกสันหลังที่มีลักษณะโค้งงอผิดรูปไปทางด้านข้าง โดยปกติแล้ว กระดูกสันหลังของคนเราจะมีลักษณะตรงและยาวไปตามแนวแกนกลางลำตัว บริเวณหลังส่วนบนจะโค้งเว้าเข้าหาตัวเล็กน้อย บริเวณหลังส่วนล่างจะโค้งเว้าออกจากตัวเล็กน้อย เช่นเดียวกับคอ แต่ในผู้ป่วยที่มีกระดูกสันหลังคด กระดูกสันหลังจะมีลักษณะโค้งงอไปทางด้านข้างอย่างชัดเจน ซึ่งอาจบิดหมุนเป็นเกลียวไปด้วย ส่งผลให้ร่างกายเสียสมดุล ไหล่ไม่เท่ากัน สะโพกเอียง และหน้าอกผิดรูป อีกทั้งยังอาจส่งผลต่อการทำงานของระบบต่าง ๆ ในร่างกายอีกด้วย
ออฟฟิศซินโดรม คืออะไร
ออฟฟิศซินโดรม (Office Syndrome) เป็นกลุ่มอาการที่เกิดขึ้นจากการทำงานในท่าทางที่ไม่เหมาะสมเป็นเวลานาน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในการนั่งทำงานหน้าคอมพิวเตอร์ และมักเกิดขึ้นกับกลุ่มคนวัยทำงานจึงทำให้เรียกว่าออฟฟิศซินโดรม อาการนี้จะส่งผลให้เกิดอาการปวดเมื่อยตามร่างกาย โดยเฉพาะบริเวณ คอ บ่า ไหล่ หลัง และข้อมือ รวมไปถึงจอประสาทตาด้วยเช่นกัน
อาการแบบไหนเข้าข่ายออฟฟิศซินโดรม
ออฟฟิศซินโดรม ถือเป็นอีกหนึ่งภาวะที่ส่งผลต่อร่างกายของเราในระยะยาว อีกทั้งยังส่งผลต่อประสิทธิภาพในการทำงาน หากใครที่ต้องนั่งทำงานเป็นเวลานานและกังวลว่าจะเป็นออฟฟิศซินโดรมหรือโรคอื่น ๆ ตามมา จะต้องทราบถึงอาการเบื้องต้นเสียก่อน ซึ่งอาการที่เรียกได้ว่าเข้าข่ายออฟฟิศซินโดรม ได้แก่
- ปวดบริเวณคอ บ่า ไหล่ เป็นอาการที่พบได้มากที่สุด เกิดจากการนั่งทำงานหน้าคอมพิวเตอร์เป็นเวลานานในท่าที่ไม่ถูกต้อง
- ปวดหลังส่วนล่าง เกิดจากการนั่งทำงานบนเก้าอี้ที่ไม่รองรับสรีระของร่างกาย
- ปวดข้อมือ นิ้วมือ เกิดจากการใช้งานคีย์บอร์ดและเมาส์เป็นเวลานาน
- ปวดตา ตาพร่า มองเห็นภาพซ้อน เกิดจากการจ้องหน้าจอคอมพิวเตอร์เป็นเวลานาน
- ปวดศีรษะ เกิดจากความเครียด การนั่งทำงานในท่าที่ไม่ถูกต้อง และการพักผ่อนไม่เพียงพอ
- ชาตามมือ ตามเท้า เกิดจากการกดทับเส้นประสาทบริเวณแขน ข้อมือ และขา
- อ่อนเพลีย ไม่มีแรงทำงาน เกิดจากการนั่งทำงานเป็นเวลานาน การพักผ่อนไม่เพียงพอ และความเครียด
และนอกจากอาการทางร่างกายแล้ว ออฟฟิศซินโดรมยังส่งผลต่อสุขภาพจิตด้วย เช่น รู้สึกเครียด วิตกกังวล ซึมเศร้า
อาการแบบไหนเข้าค่ายโรคที่เกี่ยวกับหมอนกระดูกคอ
หมอนรองกระดูกทับเส้นประสาท อาการ จะมีความหลากหลาย ขึ้นอยู่กับตำแหน่งและความรุนแรงของการกดทับ โดยทั่วไป อาจสังเกตได้จากอาการดังต่อไปนี้
- อาการปวด เป็นอาการที่พบได้บ่อยที่สุด โดยจะมีลักษณะปวดร้าวจากบริเวณคอ บ่า ไหล่ หลัง เอว หรือสะโพกลงไปตามแนวเส้นประสาท อาจมีอาการชา อ่อนแรงร่วมด้วย
- อาการชา เกิดจากการกดทับที่เส้นประสาท ทำให้เส้นประสาทไม่สามารถส่งสัญญาณความรู้สึกไปยังบริเวณที่ได้รับการเลี้ยงดูจากเส้นประสาทนั้น ๆ ได้อย่างเต็มที่
- อาการอ่อนแรง เกิดจากการกดทับเส้นประสาท ทำให้การควบคุมกล้ามเนื้อบริเวณนั้นบกพร่อง ส่งผลให้มีอาการอ่อนแรง
- อาการกล้ามเนื้อกระตุกบริเวณที่ได้รับผลกระทบจากการกดทับเส้นประสาท
- อาการปวดร้าว ซึ่งจะร้าวไปตามแนวเส้นประสาทที่ถูกกดทับ เช่น ร้าวลงแขน หรือขา
นอกจากนี้ ในบางรายอาจมีอาการอื่น ๆ ร่วมด้วย เช่น อาการปวดหัว อาการวิงเวียนศีรษะ หรืออาการคลื่นไส้ อาเจียน
แนวทางการรักษาออฟฟิศซินโดรม
แนวทางการรักษาออฟฟิศซินโดรมในปัจจุบันนั้นมีอยู่ด้วยกันหลายวิธี การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมของตนเอง การรักษาด้วยตัวเอง และการรักษากับแพทย์เฉพาะทาง รวมถึงการรักษาผ่านแพทย์ทางเลือก ได้แก่
การปรับพฤติกรรมและการรักษาด้วยตัวเอง
- ปรับท่านั่งทำงาน นั่งหลังตรง เท้าราบกับพื้น ศอกวางบนโต๊ะ ระดับสายตาตรงกับจอคอมพิวเตอร์
- พักสายตาเป็นประจำทุก ๆ 30 นาทีหลังจากทำงาน ควรพักสายตามองไปไกล ๆ ประมาณ 10 วินาที
- ยืดเหยียดร่างกายสม่ำเสมอ โดยลุกขึ้นยืนยืดเหยียดร่างกายทุก ๆ 1 ชั่วโมง โดยเฉพาะบริเวณคอ บ่า ไหล่ และหลัง
- ออกกำลังกายสัปดาห์ละ 3 – 5 วัน หรือ ออกกำลังกายแบบเบา ๆ อย่างน้อย 15 – 30 นาทีต่อวัน เพื่อช่วยเพิ่มความแข็งแรงให้กล้ามเนื้อ ลดความตึงเครียดและคลายความกล้ามเนื้อได้ดียิ่งขึ้น
- ทำจิตใจให้แจ่มใส และขจัดความเครียดของตัวเองอย่างเหมาะสม
การรักษาทางการแพทย์
- การฝังเข็ม เป็นการรักษาแบบแพทย์แผนจีน โดยการนำเข็มแทงไปที่จุดต่าง ๆ ของร่างกาย เพื่อที่จะรับปรับสมดุลให้ร่างกายและฟื้นฟูกล้ามเนื้อให้แข็งแรง
- การทำกายภาพบำบัด ช่วยให้ร่างกายสามารถปรับโครงสร้างได้อย่างสมบูรณ์ เพิ่มความยืดหยุ่น สร้างความแข็งแรงให้แก่กล้ามเนื้อ
- การฉีดโบท็อกซ์รักษาออฟฟิศซินโดรม เป็นอีกวิธีที่สามารถใช้ได้เช่นกัน ตัวยาจะใช้ระยะเวลาประมาณ 4-5 วันจึงจะออกฤทธิ์ ผลลัพธ์อยู่ได้ประมาณ 3-4 เดือน หากคนไข้ตอบสนองต่อตัวยาดีอาจอยู่ได้นานกว่านั้น และสามารถกลับมาฉีดอีกครั้งเมื่อโบท็อกซ์หมดฤทธิ์ ช่วยรักษาอาการปวดคอ บ่า ไหล่ จากออฟฟิศซินโดรมได้อย่างมีประสิทธิภาพ
- การรักษาด้วยโปรแกรมฉีดสารคลายกล้ามเนื้อรักษาออฟฟิศซินโดรม ที่เป็นการฉีดตัวยาเข้าที่บริเวณกล้ามเนื้อของผู้รักษา เพื่อที่จะรักษาอาการปวดกล้ามเนื้อจุดต่าง ๆ ลดความตึงของกล้ามเนื้อ บรรเทาอาการปวดตึง อาการอักเสบ สามารถเห็นผลได้จริงและทันทีหลังจากเข้ารับการฉีด อีกทั้งยังเป็นทางเลือกด้านการรักษาที่มีผลข้างเคียงน้อยอีกด้วย
แนวทางการรักษาโรคที่เกี่ยวกับหมอนกระดูกคอ
การรักษาโรคหมอนรองกระดูกคอขึ้นอยู่กับอาการ ความรุนแรง และปัจจัยอื่นๆ โดยปกติแล้วสามารถแบ่งวิธีการรักษาได้ 2 วิธีคือ การรักษาแบบไม่ผ่าตัด และการผ่าตัด ดังนี้
การรักษาแบบไม่ผ่าตัด
เป็นการรักษาเพื่อบรรเทาอาการ และป้องกันการบาดเจ็บเพิ่มเติม รวมถึงส่งเสริมการฟื้นฟูร่างกายให้สามารถเคลื่อนไหวได้อย่างสะดวกมากขึ้น ซึ่งวิธีการรักษา ได้แก่
- การปรับเปลี่ยนพฤติกรรม ปรับเปลี่ยนท่านอน ท่านั่ง และการยกของ
- การประคบร้อน/เย็น เพื่อช่วยบรรเทาอาการปวดหมอนรองกระดูก
- การใช้ยาแก้ปวด ยาลดอักเสบ ยาคลายกล้ามเนื้อ
- การทำกายภาพบำบัด ยืดกล้ามเนื้อ เสริมสร้างความแข็งแรง
- การฉีดยาสเตียรอยด์ เพื่อบรรเทาอาการปวดและอักเสบรุนแรง
การรักษาแบบผ่าตัด
การผ่าตัดจำเป็นในกรณีที่มีอาการรุนแรง ไม่ตอบสนองต่อการรักษาแบบไม่ผ่าตัด มีอาการทางระบบประสาท เช่น อ่อนแรง กล้ามเนื้อลีบ รวมถึงมีภาวะแทรกซ้อน เช่น หมอนรองกระดูกทับเส้นประสาทอย่างรุนแรง
การป้องกันการเกิดออฟฟิศซินโดรมและโรคเกี่ยวกับหมอนรองกระดูกคอ
จะเห็นได้เลยว่า ไม่ว่าจะอาการออฟฟิศซินโดรม หมอนรองกระดูกทับเส้นประสาท หรือ กระดูกคอเสื่อม ต่างก็เป็นอาการที่ส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิตและการทำงานอย่างมาก ดังนั้นจึงต้องมีวิธีป้องกันอย่างเหมาะสม โดยมีวิธีป้องกันง่าย ๆ 6 ข้อ ที่ช่วยให้สามารถทำงานได้อย่างเต็มที่และยังมีสุขภาพที่ดีอีกด้วย
- ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการนั่งทำงาน
นั่งหลังตรง พิงพนักพิง ไหล่ผ่อนคลาย ระยะห่างระหว่างจอกับใบหน้า ควรอยู่ที่ประมาณ 20-24 นิ้ว วางเท้าทั้งสองข้างราบกับพื้น และควรลุกขึ้นเดินหรือยืดเหยียดร่างกาย ทุก ๆ 30-60 นาที
- ปรับสภาพแวดล้อมการทำงาน
เลือกเก้าอี้ที่นั่งสบาย รองรับสรีระได้ดี ปรับความสูงของโต๊ะทำงานให้เหมาะสมกับความสูงของตัว ปรับแสงสว่างให้สบายตา ไม่สว่างหรือมืดจนเกินไป และหมั่นทำความสะอาดโต๊ะทำงานและอุปกรณ์ต่าง ๆ อย่างสม่ำเสมอ
- ออกกำลังกายสม่ำเสมอ
ควรออกกำลังกายอย่างน้อย 30 นาทีต่อวัน โดยเลือกกิจกรรมที่เหมาะสมกับสภาพร่างกาย เช่น วิ่ง ปั่นจักรยาน ว่ายน้ำ แบบไม่หักโหมจนเกินไป การออกกำลังกาย จะช่วยเสริมสร้างความแข็งแรงให้กล้ามเนื้อ ซึ่งช่วยป้องกันการเกิดออฟฟิศซินโดรมและโรคหมอนรองกระดูกคอได้
- ยืดเหยียดร่างกาย
ควรยืดเหยียดร่างกายเป็นประจำ โดยเฉพาะบริเวณหลัง ไหล่ ต้นคอ การยืดเหยียด จะช่วยลดอาการปวดเมื่อย และเพิ่มความยืดหยุ่นให้กล้ามเนื้อได้
- พักผ่อนให้เพียงพอ
นอนหลับพักผ่อนอย่างน้อย 7-8 ชั่วโมงต่อคืน นอนบนที่นอนที่ไม่แข็งหรืออ่อนจนเกินไป หมอนควรมีความสูงที่พอเหมาะ การนอนหลับพักผ่อนอย่างเพียงพอช่วยให้ร่างกายได้ฟื้นฟู และป้องกันการเกิดโรคต่าง ๆ ได้ดี
- บริหารกล้ามเนื้อต้นคอ
โดยการหมุนคอช้า ๆ ไปทางซ้ายและทางขวา ประมาณ 10-15 ครั้ง ก้มเงยคอช้าๆ ประมาณ 10-15 ครั้ง หรือบริหารกล้ามเนื้อต้นคอโดยการใช้มือประคองศีรษะไว้ ค่อย ๆ เงยหน้าขึ้นช้า ๆ ค้างไว้ 5-10 วินาที แล้วทำซ้ำ 5-10 ครั้ง
ข้อสรุป
อาการปวด คอ บ่า ไหล่ เรื้อรัง ถือเป็นสัญญาณเตือนของโรคอันตรายที่ส่งผลต่อสุขภาพของเราโดยตรง ไม่ว่าจะเป็นออฟฟิศซินโดรม หมอนรองกระดูกทับเส้นประสาท กระดูกคอเสื่อม หรือกระดูกสันหลังคด หากปล่อยทิ้งไว้ก็จะเกิดการเรื้อรังและรักษาได้ยาก ซึ่งส่งผลเสียในอนาคตอย่างแน่นอน
หากท่านสนใจรับการรักษาอาการปวดคอ บ่า ไหล่ ออฟฟิศซินโดรม สามารถติดต่อเข้ามาได้ที่ BTX Migraine Center ศูนย์รักษาไมเกรนและออฟฟิศซินโดรม โดยการฉีดโบทูลินั่ม ท็อกซิน หรือโบท็อกซ์ ให้การรักษาโดยแพทย์ระบบประสาทและสมองเฉพาะทาง อีกทั้งยังมีบริการส่งตัวเพื่อทำการ MRI โดยตรง มีการอ่านผลสแกนกระดูกบริเวณต้นคอโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ จึงมั่นใจได้ว่าจะสามารถรักษาอาการปวดได้อย่างตรงจุด
สามารถแอดไลน์ @ayaclinic หรือโทรเบอร์ 090–970-0447 เพื่อปรึกษา ขอคำแนะนำ หรือจองคิวการรักษาในรูปแบบต่าง ๆ กับทางแพทย์ผู้เชี่ยวชาญของ BTX Migraine Center ศูนย์รักษาไมเกรนเฉพาะทางที่ปลอดภัยและทันสมัยได้ทันที