ปวดหัวเรื้อรัง เสี่ยงเกิดโรคแแทรกซ้อนอะไรบ้าง

ปวดหัวไมเกรนเรื้อรัง

โรคไมเกรน ไม่ใช่เรื่องเล็กน้อยที่ควรมองข้าม เพราะอาการของไมเกรนนั้นจะมีอาการปวดหัวที่รุนแรงและเกิดเป็นครั้งคราวอย่างสม่ำเสมอ อาการปวดหัวไมเกรนมักจะมาพร้อมกับอาการอื่น ๆ เช่น ความคุ้มกันของร่างกายลดลง ความคล่องตัวลดลง และอาการทางเดินอาหารผิดปกติ เช่น คลื่นไส้ อาเจียน และผอมลง ส่งผลให้เป็นไมเกรนเรื้อรังได้

นอกจากนี้ยังมีการวิจัยและพบว่าโรคไมเกรนสามารถเพิ่มความเสี่ยงให้เกิดโรคภัยไข้เจ็บต่าง ๆ ได้ ปวดไมเกรนเรื้อรังเสี่ยงเกิดโรคอะไรบ้าง เช่น โรคหัวใจและหลอดเลือด โรคเส้นเลือดสมอง ความดันโลหิตสูง โรคเบาหวาน และภาวะซึมเศร้า เป็นต้น อาจเกิดจากความเครียดและการกดดันทางเครื่องครัวเนื่องจากอาการปวดไมเกรนที่เกิดขึ้น

สารบัญบทความ

อาการไมเกรนเป็นอย่างไร

โรคไมเกรน มักเกิดเป็นอาการปวดศีรษะที่มีลักษณะปวดแบบตุ๊บ ๆ และอาจมีระยะเวลาปวดเป็นระยะหรือจังหวะ อาการปวดศีรษะมักเป็นความรุนแรงปานกลางถึงรุนแรงมาก และอาจมีอาการอื่นเกิดขึ้นร่วมด้วย เช่น คลื่นไส้และอาเจียน อาการเหล่านี้ส่วนใหญ่จะมีอาการเบื้องต้นที่แสดงอาการเตือนล่วงหน้าก่อนที่จะเกิดอาการปวดศีรษะประมาณ 10-30 นาที อาการเบื้องต้นเหล่านี้อาจเป็นการมองเห็นแสงวูบวาบ ไฟระยิบระยับ เห็นภาพเบลอ และอาจมีระยะเวลาที่ร่างกายต้องการพักผ่อนหลังจากอาการเบื้องต้นก่อนปวดศีรษะด้วย

อาการปวดหัวไมเกรน

สาเหตุของการเกิดไมเกรนเรื้อรัง

  1. สารเคมีในสมองเซโรโทนิน (Serotonin) เซโรโทนิน (Serotonin) เป็นฮอร์โมนและสารสื่อประสาทที่เชื่อมโยงการทำงานของระบบอวัยวะต่าง ๆ ภายในร่างกาย ยกตัวอย่างเช่น อารมณ์ ความรู้สึก การนอนหลับ หรือการย่อยอาหาร เมื่อร่างกายมีปริมาณเซโรโทนินที่เหมาะสม สิ่งที่เกิดขึ้นคือการสุขภาพที่ดี มีความสุขทั้งร่างกายและจิตใจ แต่หากเซโรโทนินมีปริมาณที่มากหรือน้อยผิดปกติ เมื่อนั้นความผิดปกติทางอารมณ์จะเกิดขึ้น 
  2. แสง สี เสียง และกลิ่นต่างๆเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ส่งผลกระทบและกระตุ้นไมเกรน นั่นคือ แสง สี เสียง และกลิ่น ที่มีความรุนแรงกว่าปกติ เช่น แสงไฟสว่าง แสงแดดจ้า เสียงดังรบกวนเส้นประสาท หรือกลิ่นที่รุนแรงจนปวดหัว
  3. ภาวะความเครียดสะสม การเครียด ส่งผลให้เกิดอาการปวดหัว ยิ่งถ้าหากเครียดสะสมด้วยแล้วก็จะยิ่งส่งผลให้อาการไมเกรนเรื้อรังทวีความรุนแรงเพิ่มขึ้นไปอีก รวมไปถึงการพักผ่อนไม่เพียงพอ และการอดนอนก็สามารถส่งผลได้
  4. ไลฟ์สไตล์ ไลฟ์สไตล์หรือการดำเนินชีวิตประจำวันนั้นส่งผลกระทบกับอาการไมเกรนเรื้อรังได้ เช่น การนั่งหน้าคอมพิวเตอร์ หรือใช้มือถือ ก้มหน้านาน ๆ จนกล้ามเนื้อเกิดพังผืดขึ้น การรับประทานอาหารที่มีส่วนผสมของไนไตรท์และคาเฟอีนมากเกินไป

การรักษาปวดหัวไมเกรน

ยาแก้ปวด ช่วยบรรเทาอาการ และรักษาไมเกรนเมื่ออาการปวดกำเริบ เช่น

  • แอสไพริน (Aspirin): เป็นยาที่ใช้ในการบรรเทาอาการปวดศีรษะเบื้องต้น สามารถใช้ในรูปแบบเม็ดเป็นยาตัวเลือกในบางกรณีของไมเกรน
  • ไอบูโพรเฟน (Ibuprofen): เป็นยาต้านการอักเสบและยาแก้ปวดที่ใช้ในการบรรเทาอาการปวดหัวไมเกรนเบื้องต้น
  • ทริปแทนส์ (Triptans): เป็นกลุ่มยาที่ใช้ในการบรรเทาอาการไมเกรนอย่างมีประสิทธิภาพ โดยทำงานโดยการยับยั้งการขยายของหลอดเลือดในสมอง
  • ไดไฮโดรเออร์โกตามีน (Dihydroergotamine): เป็นยาที่ใช้ในกรณีไมเกรนรุนแรง มีประสิทธิภาพในการบรรเทาอาการไมเกรนแต่ต้องให้ด้วยทางสายเลือด (เช่น การฉีด)ลาสมิดิตัน (Lasmiditan): เป็นยาที่ใช้ในการบรรเทาอาการไมเกรนที่มาพร้อมกับอาการคลื่นไส้และอาเจียน
  • ยาโอปิออยด์ (Opioid medications): เป็นยาแก้ปวดที่ใช้ในกรณีไมเกรนรุนแรง แต่จะต้องระมัดระวังเนื่องจากมีความเสี่ยงต่อการเกิดการติดยา
  • ยาต้านอาการคลื่นไส้ (Anti-nausea drugs): บางครับนมีอาการคลื่นไส้และอาเจียนร่วมกับอาการไมเกรน สามารถใช้ยาต้านอาการคลื่นไส้เพื่อช่วยบรรเทาอาการเหล่านี้ได้

ยาป้องกันอาการปวด ช่วยป้องกันไม่ให้อาการปวดกำเริบ เช่น

  • ยาลดความดันโลหิต: บางยาลดความดันโลหิต (antihypertensive medications) เช่น เบต้าบล็อกเกอร์ (beta blockers), ยาอัลฟาโบกคลอร์ (alpha-blockers) เป็นต้น สามารถใช้ในการป้องกันไมเกรนเรื้อรังได้
  • ยากล่อมประสาท: บางยากลุ่มนี้เช่น อามิตริปทีลีน (Amitriptyline), นอร์ทริปทีลีน (Nortriptyline) เป็นต้น สามารถใช้ในการป้องกันอาการไมเกรนเรื้อรังได้
  • ยากันชัก: บางยากลุ่มนี้ เช่น Topiramate, Valproic acid เป็นต้น สามารถใช้ในการป้องกันไมเกรนเรื้อรังได้
  • ยาต้านสาร CGRP: กลุ่มยาใหม่ที่เป็นตัวยับยั้งสาร CGRP (Calcitonin Gene-Related Peptide) ที่มีบทบาทในการเกิดอาการไมเกรน สามารถใช้ในการป้องกันไมเกรนเรื้อรังได้
  • ยากลุ่มโมโนโคลนอลแอนติบอดี (Monoclonal Antibody): ได้รับการอนุมัติในการใช้ในการป้องกันไมเกรนเรื้อรัง
  • การฉีดโบท็อกซ์: การฉีดโบท็อกซ์ในบางจุดบนศีรษะ เช่น จมูก หรือหู่วงจมูก เป็นทางเลือกหนึ่งในการป้องกันอาการไมเกรนเรื้อรัง

โรคที่มาพร้อมไมเกรนเรื้อรัง

อาการปวดไมเกรนนั้นไม่ใช่เรื่องไกลตัว ยิ่งถ้าหากมีอาการปวดหัวเรื้อรังด้วยแล้วจะยิ่งส่งผลกระทบให้เกิดโรคร้ายต่างๆ ที่อาจตามมา ดังนั้นมาดูกันเลยว่าปวดไมเกรนเรื้อรังเสี่ยงเกิดโรคอะไรบ้าง

  1. โรคหลอดเลือดสมอง คนที่เป็นโรคปวดศีรษะไมเกรน โดยเฉพาะอย่างยิ่งชนิดที่มีอาการเตือนจะมีความเสี่ยงในการเกิดเส้นเลือดสมองตีบและแตกมากกว่าคนทั่วไป ดังนั้นจึงต้องมีการดูแลรักษาเรื่องปวดศีรษะไมเกรนให้ดี มีการใช้ยาแก้ปวด รวมทั้งยาป้องกันอย่างถูกต้องและเหมาะสม
  2. โรคใบหน้าเบี้ยวครึ่งซีก (Facial Paralysis) โรคใบหน้าเบี้ยวครึ่งซีก คือ ภาวะที่กล้ามเนื้อใบหน้าข้างใดข้างหนึ่งอ่อนแรงหรือเกิดอัมพาตชั่วขณะ โดยมีสาเหตุมาจากเส้นประสาทสมองคู่ที่ 7 เกิดการอักเสบ ซึ่งอยู่ตรงใบหน้าแต่ละข้างที่ทำหน้าที่รองรับการเคลื่อนไหวของกล้ามเนื้อใบหน้า การปวดไมเกรนขั้นรุนแรง จึงเป็นการส่งผลกระทบกับเส้นประสาททำให้เสี่ยงเป็นโรคใบหน้าเบี้ยวครึ่งซีกได้
  3. โรคซึมเศร้า ซึมเศร้าเป็นโรคที่พบได้บ่อยถึง 40% เลยในคนไมเกรน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเป็นไมเกรนเรื้อรังจะมีความเสี่ยงเพิ่มขึ้นไปอีก 2 เท่าเลยทีเดียว หรือในคนไข้บางคนอาจจะมีอาการซึมเศร้ามาก่อนไมเกรนก็เป็นได้ เนื่องจาก ทั้งสองโรคนี้มีความเหมือนกันเกี่ยวเนื่องกับสารเคมีในสมองอย่าง ซีโรโทนินนั่นเอง
  4. ปัญหาสุขภาพหัวใจ ผู้ป่วยโรคไมเกรนนั้นมีความเสี่ยงโรคหัวใจสูงขึ้นกว่าคนทั่วไป ยิ่งถ้าหากเป็นคนที่สูบบุหรี่ ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และใช้ยาคุมกำเนิดด้วยแล้วละก็ จะยิ่งกระตุ้นให้เกิดความเสี่ยงมากขึ้น นอกจากนี้การใช้ยา Triptans ในการรักษาโรคไมเกรนก็อาจจะเพิ่มความเสี่ยงปัญหาเกี่ยวกับระบบหลอดเลือดหัวใจได้เช่นกัน เพราะยาชนิดนี้จะเข้าไปจำกัดการไหลเวียนของเลือดในสมองรวมทั้งหัวใจ 
  5. โรคปวดกล้ามเนื้อเรื้อรัง ผู้ป่วยโรคไมเกรนกว่าครึ่งมักจะมีอาการปวดกล้ามเนื้อเรื้อรัง  โดยมีการวิจัยในวารสารวิชาการ Headache พบว่าอาการทั้งสองก็มีต้นตอของอาการคล้ายคลึงกัน ดังนั้นผู้เป็นโรคไมเกรนอาจจะเกิดอาการปวดกล้ามเนื้อเรื้อรังได้ทุกเมื่อ

โรคแทรกซ้อนจากไมเกรน

ปวดหัวไมเกรนขนาดไหนต้องพบแพทย์

อาการปวดหัวที่เป็นสัญญาณเตือนร้ายแรง ควรรีบไปพบแพทย์และรักษาไมเกรนทันที ได้แก่

  1. ปวดหัวกะทันหันโดยเฉพาะตอนตื่นนอน: อาการปวดหัวที่เกิดโดยไม่มีสาเหตุที่ชัดเจนหรือเปลี่ยนแปลงแปรปรวนในเวลาเร็ว ๆ อาจเป็นสัญญาณเตือนถึงอาการปวดหัวที่ร้ายแรงเช่นกล้ามเนื้อหัวไหล่ติดกัน (tension headache) หรืออาการไมเกรนที่รุนแรงขึ้น
  2. ปวดหัวรุนแรงผิดปกติและอาการแย่ลงเรื่อย ๆ: ปวดหัวที่มีความรุนแรงเพิ่มขึ้นต่อเนื่องไปเรื่อย ๆ หรือมีอาการที่แย่ลงเรื่อย ๆ อาจเป็นสัญญาณเตือนถึงอาการปวดหัวที่เกี่ยวกับสภาวะที่รุนแรงกว่าที่คุณเคยประสบมาก่อน เช่น การเปลี่ยนแปลงของเส้นประสาทหรือสภาวะเสี่ยงในสุขภาพ เช่น โรคเลือด โรคอัลไซเมอร์ เป็นต้น
  3. ปวดหัวเพิ่มขึ้นเมื่อไอหรือเคลื่อนไหวศีรษะ: อาการปวดหัวที่เพิ่มขึ้นหรือเปลี่ยนแปลงเมื่อมีการเคลื่อนไหวหรือทำกิจกรรมต่าง ๆ เช่น ไอ หอบ อาจเป็นสัญญาณเตือนถึงภาวะที่เป็นไปได้ของปัญหาทางระบบประสาท เช่น กล้ามเนื้อหัวใจตีบร้าว (cardiac cephalalgia) หรือมีสาเหตุทางเลือดเช่น การตีบเข่าเสื่อม (temporal arteritis)
  4. ปวดหัวร่วมกับมีไข้ คอแข็ง สับสน ความจำลดลง หรือมีอาการทางระบบประสาท เช่น มีปัญหาในการมองเห็น พูดไม่ชัด อ่อนแรง ชา หรือชัก: อาการเหล่านี้อาจเป็นเครื่องหมายของภาวะเรื้อรังที่ร้ายแรงกว่า และอาจเกี่ยวข้องกับสภาวะฉุกเฉินทางสุขภาพ เช่น อัมพาต อุบัติเหตุสมอง หรือการติดเชื้อที่รุนแรง
  5. ปวดหัวและตาแดง เจ็บปวดที่ตา: อาการปวดหัวที่เกี่ยวกับตาอาจเป็นเครื่องหมายของปัญหาทางตา เช่น อาการเส้นขอดเส้นตา (optic neuritis) หรือการติดเชื้อในตา
  6. ปวดหัวหลังจากโดนกระแทกที่หัว: หากคุณปวดหัวหลังจากการกระแทกที่หัว อาจเป็นสัญญาณเตือนถึงการบาดเจ็บทางสมองหรือกระดูกสันหลัง
  7. อาการปวดหัวที่เพิ่งเคยเป็นหลังจากอายุ 50 ปี: ถ้าคุณมีอาการปวดหัวที่ไม่เคยเป็นมาก่อนและเกิดขึ้นหลังจากอายุ 50 ปี อาจเป็นเครื่องหมายของภาวะเสี่ยงทางสุขภาพ เช่น ปัญหาสุขภาพหลายชนิดที่มักเกิดในผู้หญิงวัยทอง
  8. บุคลิกภาพเปลี่ยนแปลงไปหรือสุขภาพจิตแย่ลง: การเปลี่ยนแปลงของบุคลิกภาพหรือสุขภาพจิตอาจเป็นสัญญาณเตือนถึงปัญหาทางสุขภาพที่ร้ายแรง เช่น ภาวะซึมเศร้า โรคสมองเสื่อม หรือโรคสมาธิสั้น
  9. อาการปวดหัวในผู้ป่วยมะเร็งหรือภูมิคุ้มกันบกพร่อง: ผู้ที่มีปัญหาเรื่องมะเร็งหรือภูมิคุ้มกันบกพร่อง อาจมีอาการปวดหัวที่เป็นสัญญาณเตือนถึงภาวะที่รุนแรงกว่า หรืออาจเกี่ยวข้องกับภาวะแทรกซ้อนจากการรักษามะเร็ง
  10. อาการปวดแบบฉับพลัน: อาการปวดแบบนี้จะเกิดขึ้นภายในเสี้ยววินาที แต่จะมีความรุนแรงจนทำให้ล้มลง หรือมองเห็นภาพไม่ชัด

การรักษาไมเกรนเรื้อรัง

ข้อสรุป

ตามที่กล่าวไปข้างต้นผู้อ่านได้ทราบแล้วว่า ปวดไมเกรนเรื้อรังเสี่ยงเกิดโรคอะไรบ้าง ฉะนั้น อาการปวดหัวเรื้อรังไม่ควรปล่อยทิ้งไว้ เพราะอาจทำให้เกิดโรคแทรกซ้อนตามมา  หากคุณมีอาการปวดหัวที่เป็นสัญญาณเตือนร้ายแรงดังกล่าว สามารถมาปรึกษาแพทย์ที่ BTX MIGRAINE CENTER  ศูนย์รักษาไมเกรนโดยแพทย์เฉพาะทาง เพื่อทำการวินิจฉัยและการรักษาไมเกรนที่เหมาะสม เพราะอาการเหล่านี้อาจเป็นสัญญาณของภาวะที่รุนแรงและจำเป็นต้องได้รับการวินิจฉัยและการรักษาที่เหมาะสมโดยอาจารย์แพทย์ผู้เชี่ยวชาญ

แอดไลน์