ฉีดสารคลายกล้ามเนื้อ รักษาไมเกรนเรื้อรัง ครั้งแรกต้องเตรียมตัวอย่างไรบ้าง ? อันตรายไหม ราคาเท่าไหร่

โบท็อกไมเกรน

โปรแกรมฉีดสารคลายกล้ามเนื้อ เป็นทางเลือกสำหรับการรักษาอาการปวดไมเกรนที่กำลังเป็นที่สนใจและแนะนำอย่างแพร่หลาย เนื่องจากผลลัพธ์ด้านการรักษาที่สามารถเห็นผลได้จริง ช่วยลดอาการปวดหัวเรื้อรังได้อย่างตรงจุด

อย่างไรก็ตาม ก่อนที่จะเข้ารับการรักษาโปรแกรมฉีดสารคลายกล้ามเนื้อ การได้เตรียมความพร้อมและศึกษาข้อมูลก็เป็นเรื่องที่สำคัญอย่างมาก ดังนั้น เพื่อเป็นแนวทางประกอบการตัดสินใจให้แก่คุณ เราได้รวมทุกเรื่องราวที่จะช่วยให้คุณได้เข้าใจอย่างละเอียด เพื่อที่จะสามารถนำไปใช้เป็นข้อมูลสำหรับการรักษาได้เป็นอย่างดี

โปรแกรมฉีดสารคลายกล้ามเนื้อ

ก่อนอื่นจะอธิบายลักษณะอาการของไมเกรนส่วนใหญที่พบคือ ปวดหัวข้างขวา ข้างซ้าย ปวดโดยรอบศีรษะ บริเวณใบหน้า ตลอดจนปวดหัวท้ายทอย ซึ่งจะมีอาการปวดตุบๆ คล้ายกับจังหวะเต้นของหัวใจ บางคนอาจจะมีอาการตาพร่ามัว เห็นแสงวูบวาบ ไวต่อสิ่งเร้า เช่น เสียงดัง กลิ่นแรง แสงจ้า หรือมีอาการไมเกรนขึ้นตา

ซึ่งถึงแม้ว่าบางคนจะพยายามปรับเปลี่ยนพฤติกรรม ใช้วิธีแก้ปวดหัวไมเกรนเบื้องต้น หรือกินยา แต่อาการก็ยังไม่ดีขึ้น ดังนั้น การฉีดสารคลายกล้ามเนื้อรักษาไมเกรนจึงเป็นหนึ่งในทางเลือกการรักษาไมเกรนและลดการอาการปวดหัวจากความเครียดได้อย่างปลอดภัย ไม่มีผลต่อร่างกาย

โปรแกรมฉีดสารคลายกล้ามเนื้อ คือ ฉีดตัวยาบริเวณใบหน้าระหว่างคิ้ว ท้ายทอย ต้นคอ หน้าผาก และบ่าประมาณ 31 จุด เพื่อช่วยลดอาการปวด

โดยตัวสารในตัวยาจะเข้าไปยับยั้งปลายประสาท ซึ่งเป็นตัวกลางในการส่งสัญญาณความเจ็บปวดไปยังสมองส่วนที่เชื่อมโยงกับกล้ามเนื้อ กลไกนี้เองที่จะช่วยลดอาการกล้ามเนื้อเกร็งตัว ลดความรุนแรง และความถี่ในการเกิดอาการได้มากถึง 60-70% ในระยะ 4-6 เดือนหลังจากฉีดโบรักษาไมเกรน

สาเหตุไมเกรน

ไมเกรน (Migraine) เป็นโรคทางระบบประสาทประเภทหนึ่ง ที่เกิดจากระดับสารเคมีภายในสมองมีความผิดปกติแบบชั่วคราว ความผิดปกติที่เกิดขึ้นส่งผลให้ก้านสมองของผู้ป่วยได้รับการกระตุ้นและส่งผลให้หลอดเลือดบริเวณเยื่อหุ้มสมองได้บีบรัดพร้อมคลายออกมาในรูปแบบที่มากกว่าปกติ

ส่งผลทำให้ผู้ป่วยรู้สึกปวดหัวข้างเดียว ปวดหัวตุบๆ หรือในบางรายก็ปวดหัวทั้งสองข้าง และมีอาการที่รุนแรงแตกต่างกันออกไป ตั้งแต่ปวดหัวเล็กน้อย ปานกลางไปจนถึงอาการรุนแรงที่ส่งผลต่อการดำเนินชีวิตนั่นเอง

ปัจจัยที่ทำให้เกิดอาการไมเกรน

สำหรับปัจจัยที่ทำให้เกิดอาการไมเกรนนั้นมาจากหลายปัจจัย ได้แก่

  • การนอนหลับพักผ่อนไม่เพียง อดนอน นอนหลับไม่สนิท
  • เครื่องดื่มคาเฟอีนและแอลกอฮอล์ รวมถึงการรับประทานอาหารที่กระตุ้นการปวดไมเกรน
  • ความเครียด อาการวิตกกังวล
  • เสียงที่ดังมากจนเกินไป เสียงรบกวน
  • ความร้อน สภาพอากาศที่มีความร้อนจัด
  • แสงสว่าง แสงแดด ที่มีระดับความจ้ามากเกินไป
  • หักโหมออกกำลังกาย การออกแรงมากจนเกินไป
  • กลิ่นที่ไม่พึงประสงค์ กลิ่นเหม็น กลิ่นฉุน
  • การใช้สายตาที่มากจนเกินไป การเพ่งหน้าจอคอมพิวเตอร์หรือโทรศัพท์เป็นระยะเวลานาน
  • การดื่มน้ำน้อย ภาวะขาดน้ำ ดื่มน้ำไม่เพียงพอต่อความต้องการของร่างกาย
  • การทำงาน ยืนหรือนั่งในท่าที่ไม่ถูกต้องและเหมาะสม
  • ฮอร์โมนเพศหญิงที่มีการเปลี่ยนแปลง เช่น ประจำเดือน เป็นต้น

เรียกได้ว่าปัจจัยเสี่ยงของการปวดหัวไมเกรนนั้นสามารถพบได้บ่อยในปัจจุบัน ทำให้มีผู้ป่วยเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง มีคนสนใจเกี่ยวกับฉีดโปรแกรมฉีดสารคลายกล้ามเนื้อรักษาไมเกรนมากขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งความรุนแรงของอาการปวด ก็จะแตกต่างกันออกไปตามสภาพร่างกายของแต่ละคนว่าจะสามารถรองรับกับความรุนแรงได้มากน้อยแค่ไหน

ซึ่งแต่ละคนจะสามารถรับระดับความรุนแรงได้แตกต่างกันออกไป มีทั้งผู้ที่ทนไหวโดยไม่ต้องทานยา, ผู้ที่ทนไม่ไหวจนต้องพบแพทย์ และ ผู้ที่ปวดหัวอย่างหนักจนไม่สามารถทำงานหรือไปเรียนได้ตามปกติ เป็นต้น

รูปแบบของไมเกรน

สำหรับรูปแบบของไมเกรน เราสามารถแบ่งประเภทหลักได้ 2 แบบ ได้แก่ ไมเกรนแบบที่ไม่มีอาการแจ้งเตือน (Migraine without Aura) และ ไมเกรนแบบที่มีอาการแจ้งเตือน (Migraine with Aura) โดยมีรายละเอียดของแต่ละชนิด ดังต่อไปนี้

1. ไมเกรนแบบที่ไม่มีอาการแจ้งเตือน

ไมเกรนแบบที่ไม่มีอาการแจ้งเตือน (Migraine without Aura) จะเป็นไมเกรนที่สามารถพบได้บ่อยมากกว่าอีกหนึ่งชนิด คือ การปวดหัวโดยที่คุณไม่มีสัญญาณแจ้งเตือนมาก่อน

โดยจะมีอาการปวดหัวข้างเดียว เป็นลักษณะตุบๆ ความรุนแรงอยู่ในระดับปานกลางไปจนถึงรุนแรงและจะทวีความรุนแรงเพิ่มขึ้นถ้าหากมีการเคลื่อนไหวร่างกาย และไม่สามารถหายได้ อาการจะไม่ทุเลาจนกว่าจะได้รับประทานยา ซึ่งอาการปวดหัวแบบไม่แจ้งเตือนจะเกิดขึ้นภายในระยะเวลา 4 – 72 ชั่วโมง

2. ไมเกรนแบบที่มีอาการแจ้งเตือน

ไมเกรนแบบที่มีอาการแจ้งเตือน (Migraine with Auraจ) จะเป็นไมเกรนที่สามารถพบได้น้อยกว่าแบบแรก โดยจะมีสัญญาณที่เตือนมาอย่างน้อยอาการใดอาการหนึ่ง เช่น อาการนำทางความรู้สึก, อาการนำทางตา, อาการนำทางพูด, อาการนำอ่อนแรง และอาการนำทางก้านสมอง ซึ่งสัญญาณเตือนที่เกิดขึ้นจะนำขึ้นมาอย่างน้อย 5 – 10 นาที ไปจนถึง 1 ชั่วโมงขึ้นไปก่อนอาการจริงจะมา

นอกจากไมเกรนที่มีอาการแจ้งเตือนและไม่มีอาการแจ้งเตือนแล้ว ยังมีไมเกรนแบบอื่นๆ เพิ่มเติมด้วย เช่น ไมเกรนตา, ไมเกรนเฉียบพลัน, ไมเกรนเรื้อรัง, ไมเกรนที่มีอาการแจ้งเตือนแต่ไม่ปวดหัว และ ไมเกรนช่วงประจำเดือน

สิ่งที่น่าตกใจไม่น้อยเกี่ยวกับโรคนี้ก็คือ ไมเกรนเป็นโรคเรื้อรังที่ผู้ป่วยไม่สามารถรักษาหายขาดได้ เมื่อป่วยเป็นไมเกรนแล้วจะเป็นไปต่อเนื่อง อีกทั้งยังสามารถพบได้ตั้งแต่วัยเด็ก วัยทำงาน ตลอดจนในวัยผู้สูงอายุ ที่เรียกได้ว่าเป็นโรคอันตรายใกล้ตัวที่หลายคนอาจข้ามถึงความรุนแรงที่เกิดขึ้น

อาการปวดไมเกรนที่ควรเข้ารับการรักษา

ฉีดโบท็อกแก้ปวด

โปรแกรมฉีดสารคลายกล้ามเนื้อ เป็นหนึ่งในวิธีการรักษาที่ได้รับความนิยมและสามารถเห็นผลลัพธ์ได้จริง อย่างไรก็ตาม อาการปวดไมเกรนจะมีความรุนแรงที่แตกต่างกันออกไปตามแต่ละบุคคล ซึ่งมีปัจจัยและความทนทานของร่างกายเป็นสำคัญ แล้วอาการปวดหัวไมเกรนแบบไหนที่ควรเข้ารับรักษาและรีบพบแพทย์อย่างเร่งด่วน มาเช็คกัน

  • ปวดหัวรุนแรง ปวดหัวมาก
  • ปวดหัวเฉียบพลัน อาการปวดเกิดขึ้นแบบไม่ทันตั้งตัวบ่อยครั้ง
  • ปวดหัวพร้อมกับมีไข้ หนาวสั่น
  • มีอาการมองเห็นภาพซ้อน อ่อนแรง สับสน มึนงง
  • มีอาการชา ความรู้สึกชาตามจุดต่างๆ
  • พูดจาติดขัด ไม่สามารถสื่อสารได้ตามปกติ
  • ปวดหัวเรื้อรังและรุนแรงมากขึ้นเมื่อมีการเคลื่อนไหว การไอ การออกแรงหรือเปลี่ยนอิริยาบถ
  • ในกรณีผู้ที่มีอายุมากกว่า 50 ปี ผู้สูงอายุ และมีอาการปวดหัวแบบที่ไม่เคยเผชิญมาก่อน

วิธีรักษาไมเกรนมีอะไรบ้าง

สำหรับการรักษาไมเกรนทั่วไป เริ่มต้นแพทย์จะมีการตรวจพร้อมวินิจฉัยจากอาการ ประวัติของผู้ป่วย รวมถึงการตรวจสภาพร่างกาย เช่น การทำ CT SCAN (Computerized Tomography Scan) และ MRI (Magnetic Resonance Imaging) โดยการรักษาของอาการไมเกรน ปกติจะแบ่งออกเป็น 3 รูปแบบ ได้แก่

1. การรักษาไมเกรนด้วยการผ่าตัด

ถึงแม้ว่าไมเกรนจะดูเป็นอาการปวดที่ไม่รุนแรงหรือไม่จำเป็นต้องผ่าตัด และยังไม่สามารถรักษาได้ แต่ในปัจจุบัน การผ่าตัดรักษาไมเกรนได้เข้ามาเป็นทางเลือกสำหรับการลดอาการปวดได้ดียิ่งขึ้น เป็นการผ่าตัดนำเนื้อเยื่อที่เป็นต้นเหตุของอาการไมเกรนตามคำวินิจฉัยของแพทย์ออกบางส่วนนั่นเอง

2. การรักษาโรคไมเกรนแบบทั่วไป

สำหรับการรักษาโรคไมเกรนแบบทั่วไป ส่วนใหญ่แล้วผู้ป่วยจะทานยาแก้ปวดไมเกรน ซึ่งจะมีชนิดยาแตกต่างกันออก แต่ละตัวยาจะมีผลข้างเคียงแตกต่างกันเช่นเดียวกัน อย่างไรก็ตาม อาการปวดดังกล่าวจะต้องรับยาที่ผ่านการปรึกษาหรือขอคำแนะนำโดยเภสัชกรก่อนการทานยา รวมถึงการวินิจฉัยโดยตรงจากแพทย์

นอกเหนือจากนี้อาการปวดไมเกรนยังสามารถที่จะรักษาได้ด้วยการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมในการดำเนินชีวิต หลีกเลี่ยงปัจจัยในการกระตุ้นอาการไมเกรน การนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ การหมั่นออกกำลังกายอย่างพอดีและเหมาะสม เป็นต้น

3. การรักษาไมเกรนด้วยโปรแกรมฉีดสารคลายกล้ามเนื้อ

การฉีดสารคลายกล้ามเนื้อช่วยรักษาไมเกรน เป็นทางเลือกที่กำลังเป็นที่นิยมอย่างมาก เนื่องจากสามารถรักษาอาการปวดหัวเรื้อรังได้อย่างรวดเร็วและเห็นผลได้จริง โดยจะเป็นการฉีดสารที่ตัวยาที่นอกจากจะมีคุณสมบัติในการยกกระชับใบหน้า เป็นตัวช่วยด้านการเสริมความงาม ยังมีประสิทธิภาพในการลดอาการไมเกรน ช่วยรักษาอาการปวดหัวเรื้อรังได้อีกด้วย

ฉีดสารคลายกล้ามเนื้อคืออะไร

ฉีดโบท็อกรักษาไมเกรน
โปรแกรมฉีดสารคลายกล้ามเนื้อรักษาไมเกรน ที่ BTX Migraine Center

การฉีดสารคลายกล้ามเนื้อ เป็นหนึ่งในวิธีการรักษาอาการไมเกรนที่กำลังได้รับความสนใจจากผู้คนในประเทศไทย ที่ต้องการทางเลือกใหม่สำหรับการรักษาอาการปวดได้อย่างเห็นผล สามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพและป้องกันไมเกรนได้ในระยะยาว

โดยเป็นการนำตัวยา ที่เป็นหนึ่งเทคโนโลยีด้านความงามที่หลายคนคุ้นเคยและรู้จักกันเป็นอย่างดีมาใช้เป็นส่วนประกอบสำคัญสำหรับการรักษาไมเกรน ดึงคุณสมบัติของตัวยามาเพื่อรักษาผู้ป่วยได้อย่างเห็นผลภายในระยะเวลาที่รวดเร็ว

การฉีดสารคลายกล้ามเนื้อรักษาไมเกรน ลดอาการไมเกรน คืออะไร? เป็นข้อสงสัยที่หลายๆ คนมักจะเกิดคำถาม เพราะความเคยชินที่เรามักจะรู้จักในฐานะของเทคโนโลยีเสริมความงาม ตัวช่วยยกกระชับใบหน้าและลดริ้วรอย รวมถึงคุณสมบัติที่โดดเด่นในการเพิ่มความสวย ปรับเค้าโครงรูปหน้าให้เรียวและสมบูรณ์แบบ

ซึ่งการฉีดสารคลายกล้ามเนื้อจะเป็นการฉีดตัวยา สำหรับการลดอาการปวดหัวข้างเดียว ปวดหัวไมเกรน ปวดหัวเรื้อรัง เป็นต้น

กล่าวได้ว่าปัจจุบัน การฉีดสารคลายกล้ามเนื้อ ไม่ได้จำกัดแค่เพียงการเสริมความงามเท่านั้น แต่เป็นอีกหนึ่งเทคโนโลยีทางการแพทย์ ที่แพทย์นำมาช่วยลดอาการปวดไมเกรน อาการปวดหัวเรื้อรัง ปวดหัวจากความเครียด รวมถึงยังสามารถช่วยในการรักษาโรคทางระบบสมองและประสาทได้อีกด้วย

ซึ่งต้องบอกเลยว่าการฉีดสารคลายกล้ามเนื้อในการรักษาไมเกรน ได้ผ่านการตรวจสอบและรับรองอย่างเป็นทางจาก U.S FDA Approved องค์การอาหารและยาแห่งสหรัฐอเมริกา เมื่อปี 2010 ได้รับการันตีอย่างเป็นทางการแล้วว่าสามารถที่จะช่วยลดอาการปวดหัว รักษาไมเกรนและอาการอื่นๆ ตามประสาทและสมองได้จริง

มาจนถึงในปี 2022 ตัวยาก็กลายเป็นที่รู้จักและถูกนำมาใช้ทางการแพทย์ต่อเนื่อง เป็นที่นิยมอย่างแพร่หลายไปทั่วโลก เช่นเดียวกับในประเทศไทยที่มีการนำมาฉีดเพื่อรักษาอาการไมเกรน พร้อมได้รับการรับรองอย่างเป็นทางการจากองค์การอาหารและยาของประเทศไทยอีกด้วย

ทำความรู้จักสารคลายกล้ามเนื้อรักษาไมเกรน

แล้วตัวยาคลายกล้ามเนื้อคืออะไรกันแน่? สารคลายกล้ามเนื้อ เป็นโปรตีนที่มาจากการสกัดของเชื้อแบคทีเรียที่มีชื่อเฉพาะ โดยโปรตีนดังกล่าวได้รับการตรวจสอบและวิจัย ผ่านการรับรองมาอย่างยาวนานกว่า 100 ปี มีคุณสมบัติในการช่วยให้กล้ามเนื้อสามารถคลายตัวและยังสามารถที่จะรักษาอาการต่างๆ ได้เป็นอย่างดี

ปรึกษาแพทย์รักษาไมเกรน

โดยในปี 1895 ได้มีการนำมาใช้ในการรักษาทางการแพทย์ ซึ่งจะมีการนำสารไปสกัดให้อยู่ในรูปแบบของยาฉีด ซึ่งหนึ่งการรักษาโรคนั้นก็ การรักษาไมเกรน การรักษาอาการปวดหัวเรื้อรังอยู่ด้วยเช่นกัน

นอกจากการนำตัวยามาใช้สำหรับการรักษาทางการแพทย์ รักษาโรคต่างๆ ที่ได้รับการยอมรับและรับรองมาอย่างแพร่หลายแล้วตัวยาก็ยังถูกนำมาใช้ในการเสริมความงามแบบที่เรารู้จักกันดี ที่จะมีคุณสมบัติในการลดริ้วรอย การยกกระชับใบหน้า ปรับรูปหน้า ลดริ้วรอยและรอยเหี่ยวย่นต่างๆ นั่นเอง

ฉีดสารคลายกล้ามเนื้อช่วยรักษาไมเกรนได้อย่างไร

การฉีดสารคลายกล้ามเนื้อ เป็นทางเลือกใหม่สำหรับการรักษาและป้องกันอาการปวดหัวเรื้อรังและอาการไมเกรนได้เป็นอย่างดี อย่างไรก็ตาม หลายๆ คนก็สงสัยไม่น้อยว่าตัวยาที่ใช้ในการเพิ่มความสวยให้กับผู้คน เสริมความงาม ปรับรูปหน้า กระชับและลดริ้วรอย จะสามารถลดอาการปวดไมเกรนได้จริงหรือไม่?

ซึ่งก็ต้องบอกเลยว่าตัวยาสามารถที่จะรักษาอาการปวดหัวได้จริงอย่างแน่นอน เป็นวิธีการรักษาที่ได้รับการยอมรับอย่างเป็นทางการและแพร่หลายจากทั่วโลก โดยจะมีหลักการคือการนำตัวยา มาฉีดเพื่อทำให้กล้ามเนื้อมีความผ่อนคลายตัว

ซึ่งหลังจากฉีดไปแล้วจะส่งผลตัวสารเข้าไปยังช่วยยับยั้งบริเวณปลายประสาทที่จะเป็นตัวส่งอาการ สัญญาณความปวดต่างๆ ไปยังสมอง และนั่นก็ช่วยให้ผู้ป่วยสามารถมีอาการที่ทุเลาลง การฉีดจะช่วยให้อาการปวดหัวไมเกรน ปวดหัวเรื้อรังลดระดับความรุนแรงลงได้นั่นเอง

สำหรับวิธีการฉีดตัวยานี้ ทางแพทย์จะฉีดตัวยาเพื่อแก้ปวดไปยังจุดต่างๆ บริเวณ บ่า, ต้นคอ, หน้าผาก, คิ้ว โดยจะมีการฉีดที่บริเวณรอบศีรษะ 31 จุด

ซึ่งสามารถเห็นผลได้ตั้งแต่ครั้งแรกที่ฉีด ภายในระยะเวลา 3 – 5 วัน และสามารถช่วยรักษาอาการปวดให้บรรเทาลง มีผลยาวนานถึง 3 เดือน โดยจากผลการวิจัยพบว่า สามารถที่จะลดอาการปวดได้สูงสุดถึง 70% เลยทีเดียว

ใครที่ควรเข้ารับการฉีดสารคลายกล้ามเนื้อรักษาไมเกรน

ฉีดโบท็อกช่วยไมเกรน
โปรแกรมฉีดสารคลายกล้ามเนื้อสามารถช่วยรักษาไมเกรนได้

หลังจากได้อ่านรายละเอียดต่างๆ เกี่ยวกับตัวยานี้ เชื่อว่าจะต้องเกิดความสนใจ หรือใครที่กำลังตั้งใจอยากไปฉีดเพื่อรักษาอาการไมเกรนอยู่แล้ว ก็จะเกิดคำถามว่า แล้วใครที่ควรเข้ารับการฉีดเพื่อรักษาไมเกรน ตัวคุณอยู่ในกลุ่มที่สามารถฉีดได้หรือไม่ เพื่อเป็นแนวทางสำหรับการตัดสินใจก่อนเข้ารับรักษา เราได้รวบรวมมาแนะนำว่าใครบ้างที่ควรเข้ารับการฉีดรักษาไมเกรน

  • ผู้ที่มีป่วยเป็นโรคไมเกรนทุกระดับ
  • ผู้ที่ปวดหัวอย่างรุนแรงและต่อเนื่อง
  • ผู้ที่ปวดหัวไมเกรนบ่อยครั้ง
  • ผู้ที่ปวดหัวเรื้อรังเป็นระยะนาน
  • ผู้ที่ไม่สามารถรักษาด้วยการทานยาได้ ทานยาแล้วไม่หาย
  • ผู้ที่ต้องทานยาแก้ปวดติดต่อกันเป็นระยะเวลานาน
  • ผู้ที่มีอาการออฟฟิศซินโดรม
  • ผู้ที่ได้รักษาไมเกรนด้วยวิธีอื่นๆ แล้วไม่เห็นผล
  • ผู้ที่ได้รับปวดหัวจากการรับประทานยาแก้ปวดที่มากจนเกินไป
  • ได้รับผลกระทบในการดำเนินชีวิตจากการปวดหัวที่รุนแรง เช่น ต้องหยุดเรียน ต้องหยุดงาน เป็นต้น

ใครที่ไม่ควรฉีดสารคลายกล้ามเนื้อในการรักษาไมเกรน

ถึงแม้ว่าการฉีดสารคลายกล้ามเนื้อในการรักษาไมเกรนจะได้รับความสนใจอย่างมากในปัจจุบัน แต่การรักษาก็จำเป็นจะต้องศึกษาให้ดีก่อนการตัดสินใจฉีดเพื่อความปลอดภัยของผู้รักษา ซึ่งนอกจากจะทำความเข้าใจว่าการรักษาไมเกรนด้วย ตัวยาแล้ว เหมาะกับใครแล้ว ก็จำเป็นจะต้องศึกษาด้วยว่าใครที่ไม่ควรฉีด ซึ่งเราได้ลิสต์มาเพื่อเป็นสิ่งที่ควรระวังก่อนการตัดสินใจรักษา

  • ผู้ที่มีภาวะกล้ามเนื้ออ่อนแรง
  • ผู้ที่ปัญหาด้านระบบทางเดินหายใจ
  • ผู้ที่มีมีปัญหาด้านกล้ามเนื้อการกลืน
  • ผู้ที่มีภาวะการติดเชื้อทางเดินปัสสาวะ
  • ผู้ที่มีอาการติดเชื้อบริเวณที่ต้องฉีด

อย่างไรก็ตาม การเข้ารับการรักษาไมเกรนด้วยการฉีดสารคลายกล้ามเนื้อ จำเป็นที่จะต้องปรึกษาและขอคำแนะนำจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ โดยเฉพาะถ้าหากคุณอยู่ในภาวะข้างต้นที่อาจจะมีความเสี่ยงในระหว่างการฉีดและเข้ารับการรักษา นอกจากนี้แนะนำว่าควรแจ้งกับแพทย์อย่างละเอียดถึงข้อมูลที่จำเป็น ได้แก่

  1. กำหนดการผ่าตัดในอนาคตหรือที่กำลังจะเข้ารับการผ่าตัด
  2. ผลข้างเคียงของการฉีดสารคลายกล้ามเนื้อเสริมความงามที่เคยผ่านการฉีด
  3. เคยผ่านการผ่าตัดที่บริเวณหน้าและจุดต่างๆ รอบศีรษะ
  4. ภาวะเลือดหยุดยาก มีความเสี่ยงเกี่ยวกับอาการช้ำได้ง่าย
  5. อยู่ในระหว่างตั้งครรภ์และให้นมบุตร

ข้อดี – ข้อจำกัดของโปรแกรมฉีดสารคลายกล้ามเนื้อ

ข้อดีของโปรแกรมฉีดสารคลายกล้ามเนื้อ

ข้อดีของการฉีดโบท็อกซ์ไมเกรน

โปรแกรมฉีดสารคลายกล้ามเนื้อมีข้อดีอย่างไร ทำไมถึงเป็นที่นิยมมากในปัจจุบัน เราได้ลิสต์ประโยชน์ที่ทำให้การฉีดเพื่อรักษาไมเกรนได้รับการแนะนำมากขึ้นเรื่อยๆ มาให้คุณได้นำไปประกอบการตัดสินใจกัน

  • สามารถเห็นได้ผลได้รวดเร็วภายในระยะเวลาแค่เพียง 3 – 5 วัน
  • สามารถเห็นผลในระยะยาว 4 – 6 เดือน
  • สามารถเห็นผลตั้งแต่ครั้งแรกที่ฉีด ไม่จำเป็นต้องฉีดหลายรอบจึงจะเห็นผล
  • ช่วยลดความรุนแรงของอาการปวดหัวไมเกรนได้ดี
  • ช่วยลดความถี่ของอาการปวดหัวไมเกรนได้มากกว่า 70%
  • ตัวยาผ่านการรับรองจากองค์กรอาหารและยาของสหรัฐอเมริกา มีมาตรฐานและผ่านการวิจัยถึงผลลัพธ์ที่จริงและมีคุณภาพ
  • ช่วยป้องกันไม่ให้มีอาการไมเกรน ป้องกันอาการปวดหัวได้
  • ลดอาการทานยาที่มากเกินไป การฉีดตัวยาสามารถลดอาการปวดหัวได้อย่างรวดเร็วโดยไม่ต้องทานยา
  • ช่วยรักษาอาการปวดหัวเรื้อรัง ไมเกรนเรื้อรังได้อย่างเห็นผล ถึงแม้จะป่วยมาอย่างยาวนานก็สามารถหายได้
  • การรักษาไมเกรนด้วยสารคลายกล้ามเนื้อมีผลข้างเคียงน้อย

ข้อจำกัดของโปรแกรมฉีดสารคลายกล้ามเนื้อ

แน่นอนว่าเมื่อมีข้อดีของการฉีด ก็จำเป็นจะต้องมีการพิจารณาข้อจำกัดร่วมด้วย สำหรับข้อจำกัดที่สามารถเห็นได้ชัดเกี่ยวกับการฉีดรักษาไมเกรน คือ ผลการรักษาจะอยู่ได้ที่ 3 – 4 เดือน ซึ่งอาจจะต้องมีการฉีดต่อเนื่องเพื่อรักษาและป้องกันได้อย่างทันท่วงที

อย่างไรก็ตาม ในผู้ป่วยหลายคนก็ค่อนข้างพึงพอใจกับระยะเวลาการรักษาที่สามารถอยู่ได้นานสูงสุดถึง 6 เดือน ถึงกระนั้น การฉีดจำเป็นที่จะต้องมีการเว้นระยะการฉีด ไม่ควรฉีดติดต่อกันเป็นระยะเวลานาน เพราะอาจจะเกิดผลข้างเคียงได้ รวมถึงอาการดื้อยาได้

โปรแกรมฉีดสารคลายกล้ามเนื้อมีผลข้างเคียงหรือไม่

Botulinum toxin ไมเกรน
โปรแกรมฉีดสารคลายกล้ามเนื้อ รักษาไมเกรนโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ

ถ้าหากฉีดสารคลายกล้ามเนื้อแก้ไมเกรนจะมีผลข้างเคียงอะไรหรือเปล่า? โดยการฉีดสารคลายกล้ามเนื้อรักษาอาการไมเกรนมีผลข้างเคียงค่อนข้างน้อย สามารถมั่นใจได้ว่าจะไม่เกิดอันตรายอย่างแน่นอน

อย่างไรก็ตาม ก็จำเป็นที่จะต้องระมัดระวังเกี่ยวกับการฉีดตัวยาว่าสารที่ฉีดนั้นเป็นของแท้หรือไม่ รวมถึงการเข้ารับการรักษากับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญและมีประสบการณ์ ก็จะสามารถมั่นใจได้ว่าปลอดภัยและลดปัญหาต่างๆ ได้เป็นอย่างดี

ถ้าหากคุณยังคงมีอาการปวดหัวไมเกรนที่รุนแรงต่อเนื่องหลังจากฉีด รวมถึงอาการผิดปกติเพิ่มเติม แนะนำว่าควรที่จะรีบเข้าพบแพทย์ทันที

ฉีดสารคลายกล้ามเนื้อ อันตรายไหม

โปรแกรมฉีดสารคลายกล้ามเนื้อนั้นปลอดภัย เนื่องจากได้รับการรับรองจากองค์การอาหารและยาแห่งสหรัฐอเมริกาและองค์การอาหารและยาของไทย ทำให้มั่นใจได้ว่าจะไม่ส่งผลอันตรายต่อร่างกาย แต่ในบางรายหากฉีดตัวยาไปแล้วหรืออาการปวดหัวข้างซ้าย ข้างขวา ทั้งสองข้าง หรือปวดหัวเรื้อรังจะลดลงจริง แต่จะมีผลข้างเคียงเล็กน้อย ดังนี้

  • อาการบวมแดง มีจุดรอยช้ำหรือรอยนูนจากเข็ม อาการจะหายไปใน 1-2 วัน
  • อาการบวมแดงอันเกิดจากการแพ้ เจ็บบริเวณที่ฉีด หรือการติดเชื้อ

แต่กรณีดังกล่าวจะมีโอกาสเกิดขึ้นได้น้อย หากใช้ตัวยาของแท้ ฉีดถูกตำแหน่ง และอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ

นอกจากนี้หากจะฉีดแก้ปวดอาจจะระมัดระวังเรื่องระยะเวลา โดยควรเว้นระยะห่างจากการฉีด อย่างน้อย 3 เดือน เพื่อป้องกันอาการดื้อยา

ขั้นตอนการฉีดสารคลายกล้ามเนื้อ

ขั้นตอนการฉีด ใช้เวลาไม่นานและไม่ยุ่งยาก วิธีการปลอดภัย ยิ่งถ้าหากคุณเลือกใช้บริการกับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ โรงพยาบาลหรือคลินิกเฉพาะที่มีความชำนาญ ก็จะช่วยให้สามารถเข้าสู่ขั้นตอนต่างๆ ได้อย่างง่ายดาย ปลอดภัยมากยิ่งขึ้น

ขั้นตอนฉีดโบท็อกไมเกรน
4 ขั้นตอนการฉีดโปรแกรมฉีดสารคลายกล้ามเนื้อโดยแพทย์เฉพาะทาง

ซึ่งขั้นตอนการฉีดโปรแกรมฉีดสารคลายกล้ามเนื้อ เพื่อรักษาอาการปวดไมเกรน มีดังต่อไปนี้

  1. พบแพทย์เพื่อปรึกษาเกี่ยวกับการฉีดตัวยา แจ้งรายละเอียดและคำวินิจฉัยในการรักษาจากแพทย์เฉพาะทาง
  2. เตรียมตัวเข้ารักษาการฉีด พร้อมศึกษาเกี่ยวกับข้อควรปฏิบัติตัวก่อนและหลังการฉีดให้ดี
  3. เมื่อเข้าสู่ขั้นตอนการฉีด แพทย์จะเลือกฉีดตัวยาในปริมาณที่เหมาะสมพร้อมฉีดเข้าไปยังบริเวณจุดต่างๆ รอบศีรษะ 31 จุด
  4. เมื่อฉีดครบถ้วน จะสามารถเห็นผลลัพธ์ที่ชัดเจนได้ภายในวันที่ 3 – 5 ของการฉีด

การดูแลตัวเองหลังฉีด

วิธีดูแลตัวเองหลังฉีดโบท็อกไมเกรน

เพื่อให้การฉีดตัวยานั้น เห็นผลลัพธ์ได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ สิ่งสำคัญที่ผู้รักษาจะต้องเตรียมตัวและศึกษาให้ดีคือการดูแลตนเองหลังการฉีด โดยเราได้รวมข้อควรปฏิบัติเพื่อการระมัดระวังที่ดียิ่งขึ้นมาแนะนำ

  • หลีกเลี่ยงการดื่มเครื่องดื่มคาเฟอีนและอาหารที่มีผลกระตุ้นการเกิดอาการไมเกรน
  • หลีกเลี่ยงสถานที่ที่กระตุ้นการเกิดไมเกรน สภาพแวดล้อมที่มีคนพลุกพล่านและแออัดเกินไป พื้นที่ที่มีเสียงดัง แสงแดดหรือแสงที่จ้ามากจนเกินไป
  • ให้เวลากับการพักผ่อนอย่างเต็มที่ นอนหลับให้เพียงพอและไม่ควรนอนดึกหรืออดนอน
  • ผ่อนคลายความตึงเครียด ลดความวิตกกังวล
  • สังเกตอาการผิดปกติหลังการฉีด และพบแพทย์ทันที
  • หมั่นออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอและเหมาะสมไม่หักโหมมากจนเกินไป

โปรแกรมฉีดสารคลายกล้ามเนื้อกี่วันเห็นผล

สำหรับระยะเวลาการฉีดไมเกรน คุณสามารถที่จะเห็นการเปลี่ยนแปลงได้ภายในวันแรกที่ฉีด แต่จะเห็นผลลัพธ์ที่ชัดเจนและสมบูรณ์ที่สุดภายใน 3 – 5 วัน และจะอยู่ได้นานถึง 4 – 6 เดือน ก่อนที่ตัวสารจะค่อยๆ จางหายไปเอง

ซึ่งการฉีดใหม่อีกครั้งหรือครั้งต่อๆ ไป แนะนำให้คุณปรึกษากับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญหรือแพทย์ผู้รักษาประจำตัวเพื่อจัดสรรเวลาที่เหมาะสมในการฉีด เพื่อป้องกันการดื้อยาและผลข้างเคียงจากการฉีดติดต่อกันมากจนเกินไป

โปรแกรมฉีดสารคลายกล้ามเนื้อรักษาไมเกรนราคาเท่าไหร่

สิ่งที่ขาดไม่ได้สำหรับโปรแกรมฉีดสารคลายกล้ามเนื้อ ก็คือเรื่องของราคา ที่หลายๆ คนอาจจะคิดว่า ราคาแพง หรือต้องใช้งบประมาณเป็นหลักแสน แต่ต้องบอกเลยว่าปัจจุบันที่ BTX Migraine Center มีหลายแพ็คเกจ หลายรูปแบบให้ตัดสินใจเลือกฉีด

การฉีดตัวยามีราคาหลากหลายขึ้นอยู่กับประเภท และขึ้นอยู่กับลักษณะการรักษา โดยรักษาออฟฟิศซินโดรมราคาอยู่ที่ 9,900 บาท/คอร์ส ส่วนราคา รักษาไมเกรน ราคาอยู่ที่ 14,900 บาท

ทั้งนี้ การฉีดเพื่อรักษาไมเกรนหรือออฟฟิศซินโดรมมีราคาสูงกว่าการใช้ในด้านความงาม ก็เป็นเพราะว่าการรักษาค่อนข้างละเอียดอ่อน แม่นยำ และมีประสิทธิภาพ และใช้ปริมาณของตัวยาที่ต่างกันโดยจะต้องใช้ทีมแพทย์เฉพาะทางในการรักษาเท่านั้น

รักษาไมเกรนราคาเท่าไร

อย่างไรก็ดี การฉีดรักษาไมเกรนจะเริ่มเห็นผลในระยะเวลา 1 สัปดาห์ หลังฉีดครบ 1 คอร์ส โดยฉีดตามจุดต่างๆ 31 จุด อย่างถูกวิธีตามคำแนะนำและภายใต้การดูแลของแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ จากนั้นผลลัพธ์จะคงอยู่ภายใน 3-4 เดือน ซึ่งหากเปรียบเทียบค่าใช้จ่ายในการรักษา ถือว่าเป็นการลงทุนรักษาที่คุ้มค่ากับผลลัพธ์ที่ตามมา ทั้งนี้ หากใครต้องการฉีดซ้ำ ก็เว้นระยะอย่างน้อย 3 เดือนเป็นต้นไป

หลายๆ คนอาจจะสงสัยว่ารักษาไมเกรนที่ไหนดีให้คุ้มค่าคุ้มราคาและปลอดภัย คำตอบคือ ควรเลือกรักษากับศูนย์รักษาหรือสถาบันที่มีมาตรฐาน ผ่านการรับรอง มีการนำเข้าตัวยาอย่างถูกต้อง คุณภาพเป็นของแท้ รวมถึงมีแพทย์ผู้เชี่ยวชาญดูแลตลอดการรักษาก็จะช่วยลดอาการปวดหัวไมเกรนได้ง่ายๆ

รักษาไมเกรนที่ไหนดี

เมื่อพิจารณาถึงหลักการเลือกฉีดโปรแกรมฉีดสารคลายกล้ามเนื้อรักษาไมเกรนที่ไหนดี เป็นสิ่งที่สำคัญอย่างมาก เพื่อให้คุณสามารถรักษาอาการไมเกรนได้อย่างเห็นผล ปลอดภัย และได้รับการดูแลที่ดีที่สุด ดังนั้น การรักษาไมเกรน จึงจำเป็นที่จะต้องเลือกอย่างละเอียด โดยมีคำแนะนำเกี่ยวกับการเลือกสถานที่ ดังต่อไปนี้

  1. สถานพยาบาลมีความน่าเชื่อถือ มีคุณภาพ ได้มาตรฐาน
  2. มีแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางในการรักษาและให้คำแนะนำ
  3. สถานพยาบาลสะอาด พื้นที่ต่างๆ เป็นระเบียบเรียบร้อยและถูกสุขอนามัย
  4. อุปกรณ์ครบครัน เครื่องมือทันสมัยและมีประสิทธิภาพ
  5. เจ้าหน้าที่มีความเชี่ยวชาญและใส่ใจในด้านการบริการเป็นอย่างดี
  6. คลินิกเดินทางได้อย่างสะดวก เดินทางได้คล่องและง่าย
  7. ตัวยาเป็นของแท้และมีคุณภาพ
  8. ราคาคุ้มค่า สมเหตุสมผล สอดคล้องกับคุณภาพ
  9. บริการดีทั้งก่อนและหลังการรักษา มีการติดตามเกี่ยวกับผลลัพธ์การรักษา

ฉีดโปรแกรมฉีดสารคลายกล้ามเนื้อที่ BTX Migraine Center

ถ้าหากใครกำลังมองหาว่าจะรักษาไมเกรนที่ไหนดี? หนึ่งในตัวเลือกที่ต้องแนะนำเลยก็คือ BTX Migraine Center ศูนย์รักษาไมเกรนโดยแพทย์เฉพาะทาง ที่มีแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทาง เจ้าหน้าที่ผู้ชำนาญ ให้คำปรึกษา และอุปกรณ์ทันสมัยด้วยเทคโนโลยีใหม่ล่าสุดสำหรับการรักษา

โบท็อกไมเกรน BTX Migraine Center
โปรแกรมฉีดสารคลายกล้ามเนื้อที่ศูนย์รักษาไมเกรน BTX Migraine Center

โดย BTX Migraine Center เป็นศูนย์รักษาไมเกรนโดยแพทย์เฉพาะทาง ที่รู้จักกันดีและได้รับความนิยมอย่างแพร่หลาย เป็นศูนย์การรักษาที่นำเสนอทางเลือกใหม่ในการรักษาไมเกรนที่คุณสามารถเห็นผลได้อย่างรวดเร็วด้วยตัวยาที่มีคุณภาพ ของแท้และผ่านการตรวจสอบ คลินิกมีความสะอาด เครื่องมือปลอดภัย อีกทั้งยังตั้งอยู่ในทำเลที่เดินทางสะดวก มีการติดตามเกี่ยวกับผลลัพธ์การรักษาและการแนะนำจากแพทย์เฉพาะทางอย่างละเอียดเพื่อช่วยให้เกิดผลลัพธ์ที่ดีที่สุดของผู้รักษา

คำถามที่พบบ่อย

สิ่งที่ผู้เข้ารับการฉีดโปรแกรมฉีดสารคลายกล้ามเนื้อจะต้องเตรียมตัวให้ดีคือการศึกษาและทำความเข้าใจเกี่ยวกับคำถามที่สงสัยให้มากที่สุด เพื่อให้คุณสามารถรักษาอาการไมเกรนได้อย่างปลอดภัย และยิ่งเตรียมตัวได้ดีแค่ไหนก็สามารถลดความเสี่ยงและเพิ่มผลลัพธ์ที่ดีในการรักษาได้ยิ่งกว่าเดิม โดยเราได้รวมคำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับการฉีดรักษาไมเกรนมาแนะนำ

ฉีดสารคลายกล้ามเนื้อใช้เวลานานเท่าไหร่

การฉีดสารคลายกล้ามเนื้อรักษาไมเกรน ใช้เวลาต่อจุดประมาณ 5 – 10 นาที โดยใช้เวลาประมาณ 1 – 3 ชั่วโมง ซึ่งในแต่ละคลินิกจะมีความแตกต่างกันเรื่องความเร็วและช่วงเวลา

โปรแกรมฉีดสารคลายกล้ามเนื้อรักษาไมเกรนให้หายขาดได้ไหม

ปกติแล้ว ไมเกรน เป็นโรคที่ไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้ แต่คุณสามารถที่จะช่วยป้องกันการเกิดและลดอาการปวด ไม่ให้แสดงอาการขึ้นมาได้ ซึ่งการฉีดตัวยาอย่างเหมาะสมและถูกต้อง จะช่วยรักษาอาการไมเกรนได้ดีและต่อเนื่อง ลดความรุนแรงและอาการปวดได้มากกว่า 70%

ฉีดโบท็อกไมเกรนที่ไหนดี

ข้อสรุป

โปรแกรมฉีดสารคลายกล้ามเนื้อ เป็นทางเลือกใหม่ด้านการรักษาไมเกรนที่สามารถตอบโจทย์ได้เป็นอย่างดี คุณจะสามารถรักษาอาการปวดได้อย่างรวดเร็วและเห็นผลได้ชัดเจนตั้งแต่ครั้งแรกที่ใช้

ถ้าหากใครกำลังสนใจอยากเข้ารับการรักษาเพื่อป้องกัน ลดอาการปวดหัวไมเกรนทุกระดับ แนะนำ BTX Migraine Center ศูนย์รักษาไมเกรนโดยแพทย์เฉพาะทาง ที่มีแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านในการทำดูแล เจ้าหน้าที่ผู้ชำนาญและการบริการที่ใส่ใจทั้งก่อนและหลัง อุปกรณ์ทันสมัย ใหม่และปลอดภัย

สามารถให้คำปรึกษาในเรื่องปวดหัวไมเกรนแก่คุณได้เป็นอย่างดี สำหรับใครที่สนใจสามารถติดต่อสอบถาม ขอคำแนะนำและนัดเข้ารับการรักษาได้ที่เบอร์ 090–970-0447 หรือทักมาปรึกษาได้ทางไลน์ @ayaclinic ได้ฟรี ไม่มีค่าใช้จ่าย

เอกสารอ้างอิง

Silberstein SD. Preventive migraine treatment. Continuum (Minneap Minn) 2015;21(4):973-https://pubmed.ncbi.nlm.nih.gov/26252584/

Becker WJ. Acute Migraine Treatment. Continuum (Minneap Minn) 2015;21(4)953-72. https://www.ncbi.nlm.nih.gov/pmc/articles/PMC4640499/

อ. นพ. รังสรรค์ ชัยเสวิกุล. (2553) โรคไมเกรน. สืบค้นเมื่อ 8 มิถุนายน 2565 จาก
https://www.si.mahidol.ac.th/siriraj_online/thai_version/Health_detail.asp?id=105