Shock wave รักษาไมเกรน เทคโนโลยีใหม่ใช้ในการรักษาอาการปวดเรื้อรัง
ผู้ป่วยไมเกรนนอกจากจะเกิดจากความผิดปกติของสมองจนทำให้เกิดอาการปวดหัวไมเกรนแล้ว ส่วนใหญ่ยังมีอาการปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ บริเวณคอ บ่า ไหล่ ทั้งสองข้างมีอาการเกร็ง โดยอาการเหล่านี้อาจเกิดจากออฟฟิศซินโดรม จนทำให้เกิดเป็นอาการไมเกรนได้ อาการปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ มีอาการตึงบริเวณ คอ บ่า ไหล่สามารถรักษาได้ด้วย Shock wave โดยคลื่นกระแทกนี้จะกระตุ้นให้เกิดการคลายตัวของกล้ามเนื้อ ทำให้ผู้ป่วยเกิดความรู้สึกผ่อนคลาย และหายจากอาการเกร็งของกล้ามเนื้อดังกล่าว
สารบัญบทความ
- Shock waveคืออะไร
- Shock wave รักษาไมเกรนได้อย่างไร
- ไมเกรนแบบไหนเหมาะกับการ Shock wave
- การวินิจฉัยการรับบริการ Shock waveรักษาไมเกรน
- ขั้นตอนของการเข้ารับบริการShock waveรักษาไมเกรน
- ข้อดีของShock waveรักษาไมเกรน
- ข้อต้องห้ามของการShock waveรักษาไมเกรน
- ข้อเสียของการทำShock waveรักษาไมเกรน
- การรักษาไมเกรนด้วยวิธีทางเลือก
- ข้อสรุป
Shock wave คืออะไร
Shock wave คือ การส่งผ่านคลื่นกระแทก เข้าไปในบริเวณที่มีอาการปวด จากนั้นบริเวณที่ส่งผ่านคลื่นกระแทกเข้าไปจะกระตุ้นให้ร่างกายเกิดกระบวนการซ่อมสร้างเนื้อเยื่อใหม่ เนื่องจาก Shock wave เป็นตัวกระตุ้นให้ร่างกายเกิดการบาดเจ็บใหม่ เป็นการรักษาทางเลือกใหม่เพื่อรักษาภาวะเจ็บป่วยเรื้อรัง ไม่ว่าจะเป็นการรักษาอาการไมเกรน อาการออฟฟิศซินโดรม การปวดเรื้อรังของกล้ามเนื้อ ภาวะข้ออักเสบ ช่วยคลายกล้ามเนื้อ ลดอาการปวดกล้ามเนื้อ เป็นต้น
Shock wave รักษาไมเกรนได้อย่างไร
หลายคนอาจเกิดคำถามว่า Shock wave สามารถรักษาไมเกรนได้อย่างไร นั่นก็เพราะ อาการปวดหัวไมเกรนเกิดจากความผิดปกติของระดับสารเคมีในสมองชั่วขณะ ทำให้ก้านสมองถูกกระตุ้น หลอดเลือดในเยื่อหุ้มสมองเกิดการบีบและคลายตัวมากกว่าผิดปกติ ส่งผลให้เกิดอาการปวดหัวตุ๊บๆ ผู้ป่วยไมเกรนนอกจากจะมีอาการปวดหัวไมเกรนแล้ว ส่วนใหญ่ยังมีอาการปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ บริเวณคอ บ่า ไหล่ ทั้งสองข้างมีอาการเกร็ง Shock wave เป็นการส่งผ่านคลื่นกระแทกเข้าไปในบริเวณที่มีอาการปวดโดยตรง โดย Shock wave จะเข้าไปกระตุ้นกล้ามเนื้อที่กระจุกกันอยู่ให้เกิดการคลายตัว จากนั้นผู้ป่วยจะรู้สึกผ่อนคลาย ลดอาการปวดเมื่อย เกร็ง คอ บ่า ไหล่ อีกทั้งยังช่วยลดอาการปวดศีรษะได้ด้วย
ไมเกรนแบบไหนเหมาะกับการ Shock wave
ไมเกรนสามารถแบ่งได้ 2 ประเภท ดังนี้
- ไมเกรนกลุ่มที่มีอาการเตือน หรือ ไมเกรนในกลุ่มที่มีอาการออร่า คือ ไมเกรนที่มีอาการแจ้งเตือน อาจจะมีการมองเห็นแบบผิดปกติ เช่น เห็นไฟสีขาวเป็นเส้นๆ เห็นเป็นแสงระยิบระยับ เห็นภาพเบลอ หรือในบางรายอาจมองไม่เห็นชั่วขณะ มีอาการชาตามบริเวณต่าง ๆ รู้สึกมึน เวียนหัว ไม่สามารถบังคับหรือทรงตัวได้ เดินเซ มีอาการพูดไม่ได้ชั่วขณะ นึกคำที่จะพูดไม่ได้ หรืออาจไม่เข้าใจคำพูดของคนอื่น มีเสียงดังในหู ได้ยินเสียงวิ้งๆในหู หรืออาจไม่ได้ยินชั่วขณะ และอาจมีอาการแขนขาอ่อนแรงที่ด้านใดด้ายหนึ่งของร่างกาย ซึ่งอาการแจ้งเตือนเหล่านี้อาจเกิดขึ้นพร้อมกับการปวดหัวไมเกรน หรือเกิดขึ้นก่อนการปวดหัวก็ได้
- ไมเกรนกลุ่มที่ไม่มีอาการเตือน เป็นไมเกรนชนิดที่มีแค่อาการปวดหัว ไม่มีสัญญาณแจ้งเตือนหรืออาการอื่นๆ ร่วมด้วย โดยจะมีอาการปวดหัวเป็นเวลานาน ตั้งแต่ 4-72 ชั่วโมงขึ้นไป อาจปวดหัวด้านซ้าย ปวดหัวด้านขวา หรืออาการที่เรียกว่าปวดหัวข้างเดียว จะเป็นอาการปวดตุ๊บๆ
นอกจากนี้แล้วยังมีไมเกรนที่เกิดจากออฟฟิศซินโดรมอีกด้วย อาการของออฟฟิศซินโดรมคืออาการปวด คอ บ่า ไหล่ ปวดเมื่อยตามกล้ามเนื้อ ไปจนถึงอาการเกี่ยวกับตา เช่น ตาล้า มองเห็นแสงเป็นเส้นๆ ตามัว ตาบอดชั่วขณะ และอาการปวดหัว โดยอาการออฟฟิศซินโดรมเป็นอาการที่ไม่รุนแรง อาศัยการนวดบริเวณที่ปวดก็สามารถช่วยให้ดีขึ้นได้ แต่เมื่อเวลาผ่านไปสักระยะอาการก็จะกลับมาอีก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในผู้ป่วยที่ปล่อยทิ้งไว้ไม่ทำการรักษา ก็จะทำให้เกิดภาวะไมเกรนได้ โดยอาการไมเกรนที่เกิดจากออฟฟิศซินโดรมเป็นไมเกรนที่เหมาะสำหรับการรักษาด้วย Shock wave มากที่สุด เนื่องจากเป็นอาการที่มีอาการเหนื่อยล้า ปวด คอ บ่า ไหล่ ปวดเมื่อยตามกล้ามเนื้อ การรักษาด้วย Shock wave จะเข้าไปช่วยกระตุ้นให้กล้ามเนื้อที่กระจุกกันอยู่ให้เกิดการคลายตัว จากนั้นผู้ป่วยจะรู้สึกผ่อนคลาย ลดอาการปวดเมื่อย เกร็ง คอ บ่า ไหล่ อีกทั้งยังช่วยลดอาการปวดศีรษะได้ด้วย
การวินิจฉัยการรับบริการ Shock wave รักษาไมเกรน
ผู้ป่วยแต่ละรายจะได้รับการประเมิน เพื่อให้การวินิจฉัยโรค วินิจฉัยอาการปวดเบื้องต้น
การตรวจเพิ่มเติมในบางรายเพื่อการวินิจฉัยแยกโรค เช่น อาจเป็นอาการตึงของกระดูกทั่วไป หรืออาการไมเกรนที่เกิดจากออฟฟิศซินโดรม
วินิจฉัยถึงความรุนแรงของอาการของผู้ป่วยแต่ละราย
วางแผนการรักษากับแพทย์ที่ดูแล เพื่อให้ได้รับการรักษาที่เหมาะสม เพื่อให้การรักษาออกมามีประสิทธิภาพสูงสุด โดยจะวินิจฉัยตามเคสของผู้ป่วยแต่ละราย เพื่อลดความเสี่ยงและภาวะแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้นในผู้ป่วยแต่ละรายจากการรับการรักษา Shock wave
ขั้นตอนของการเข้ารับบริการ Shock wave รักษาไมเกรน
- นอนพักผ่อนให้เพียงพอ อย่างน้อย 6-8 ชั่วโมงต่อวัน
- ผ่อนคลาย ลดความตึงเครียด หรือความเกร็งตัวของกล้ามเนื้อ
- การทำการรักษาด้วย Shock wave ไม่จำเป็นต้องงดน้ำ งดอาหารก่อนเข้ารับการรักษา
- วัดความดันโลหิต และคุมความดันโลหิตให้เป็นปกติ
- หากมีโรคประจำตัว ประวัติการแพ้ยา ยาที่รับประทานอยู่เป็นประจำ ให้แจ้งแพทย์ที่ทำการรักษา
- หากกำลังอยู่ในภาวะตั้งครรภ์ ภาวะกระดูกบาง ฯลฯ ให้แจ้งแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญที่ทำการรักษา เนื่องจากภาวะดังกล่าวอาจส่งผลสำคัญต่อการรักษา
- ผู้ที่เข้ารักษาด้วย Shock wave ต้องเป็นผู้ที่มีอายุ 18 ปี ขึ้นไป
ข้อดีของShock waveรักษาไมเกรน
- กระตุ้นระบบไหลเวียนเลือด ให้เลือดไหลเวียนได้ดี การทำงานของระบบในร่างกายก็เป็นไปได้อย่างปกติ ไม่เกิดปัญหาอาการปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ หรืออาการปวดหัว
- กระตุ้นให้เกิดการบาดเจ็บใหม่ เพื่อให้เนื้อเยื่อเริ่มกระบวนการซ่อมแซมตนเอง
- Shock wave โดยคลื่นกระแทกนี้จะกระตุ้นให้เกิดการคลายตัวของกล้ามเนื้อ ทำให้ผู้ป่วยเกิดความรู้สึกผ่อนคลาย และหายจากอาการเกร็งของกล้ามเนื้อดังกล่าว
- ช่วยสร้างคอลลาเจน ซึ่งคอลลาเจนช่วยเสริมสร้างมวลกระดูก ทำให้ข้อต่อแข็งแรง แถมยังป้องกันการเกิดเส้นเลือดขอดด้วย
- Shock wave ยับยั้งกระบวนการที่ก่อให้เกิดการอักเสบ
- ช่วยคลายกล้ามเนื้อ ลดอาการปวดกล้ามเนื้อ
- รักษาอาการปวดกล้ามเนื้อที่เรื้อรังจากออฟฟิศซินโดรมและไมเกรนได้
ข้อต้องห้ามของการShock wave รักษาไมเกรน
- ผู้ที่ยังอยู่ในวัยเด็ก หรือผู้ที่มีอายุต่ำกว่า 18 ปี ผู้ที่เข้ารักษาด้วย Shock wave ต้องเป็นผู้ที่มีอายุ 18 ปี ขึ้นไป
- ผู้ที่อยู่ในช่วงของการตั้งครรภ์
- ผู้ที่มีปัญหาเกี่ยวกับโรคผิวหนัง
- ผู้ที่ผิวหนังมีบาดแผลหรือมีอาการเจ็บในบริเวณที่ต้องเข้ารับการรักษา
- ผู้ป่วยโรคมะเร็งต่างๆ
- ผู้ที่อยู่ในภาวะลิ่มเลือดอุดตัน เส้นเลือดอุดตัน เลือดแข็งตัวช้า
- ผู้ที่อยู่ในระหว่างใช้เครื่องกระตุ้นหัวใจ
- ผู้ที่มีการฉีดยาสเตียรอยด์มาภายใน 6 สัปดาห์
ข้อเสียของการทำShock wave รักษาไมเกรน
- มีอาการปวดกล้ามเนื้อหลังการทำคลื่นกระแทกเสร็จช่วงแรกๆ
- กล้ามเนื้อเกิดอาการบวม ขึ้นผื่นแดง
- ห้อเลือด เกิดจุดเลือดออก หรือเกิดก้อนเลือด บริเวณที่ทำการรักษา
- Shock wave รักษาไมเกรน อาจไม่ได้ผลเท่าไหร่นัก หากฉีดแล้วผู้ป่วยยังไม่ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมในการใช้ชีวิตที่เสี่ยงต่ออาการปวดไมเกรน เช่น การหักโหมในการทำงานจนเกิดอาการออฟฟิศซินโดรม เป็นต้น
- ราคาแพงกว่าการรักษาทั่วไป Shock wave รักษาไมเกรน มีราคาค่อนข้างสูงกว่าการรักษาทั่วไป เช่น การทานยา การกายภาพบำบัด เป็นต้น ซึ่งอาจทำให้ผู้ป่วยหลายคนเข้าไม่ถึงการรักษาทางเลือกนี้
การรักษาไมเกรนด้วยวิธีทางเลือก
การใช้วิธีออกกำลังกาย บรรเทาอาการไมเกรน โดยอาจเป็นการบริหารร่างกายง่ายๆ ด้วยตัวเอง ที่จะช่วยให้อาการไมเกรนบรรเทาลงในทันที หรือแม้แต่การออกกำลังกายในที่ที่มีอากาศถ่ายเท หรือมีสิ่งแวดล้อมสีเขียว เช่น การจ๊อกกิ้งเบาๆ หรือการแอโรบิคในสวนสาธารณะ เพราะนอกจากการออกกำลังกายจะช่วยให้ร่างกายมีภูมิคุ้มกันที่แข็งแรง ไม่เจ็บป่วยง่ายแล้ว สิ่งแวดล้อมสีเขียวยังช่วยผ่อนคลายความเครียดได้อีกด้วย
- การนวดกดจุด
วิธีการคือนวดกดจุดด้วยตัวเองอย่างเบาๆ ในบริเวณที่มีอาการปวดศีรษะ เพราะจะทำให้อาการปวดค่อยๆ เบาลงอย่างเห็นได้ชัด โดยวิธีนี้จะใช้ในกรณีผู้ป่วยที่มีอาการไม่รุนแรง - การฝังเข็ม การฝังเข็มเพื่อบรรเทาอาการไมเกรน เป็นการวิเคราะห์สมดุลภายในของร่างกาย จากนั้นจะทำการฝังเข็มเพื่อปรับสมดุลภายในร่างกาย ให้ร่างกายเกิดความสดชื่น ลดอาการเครียด ช่วยให้การนอนหลับมีคุณภาพมากยิ่งขึ้น เมื่อเกิดสิ่งเหล่านี้กับร่างกายก็จะช่วยให้อาการไมเกรนทุเลาลง
- โบท็อกซ์รักษาไมเกรน
เป็นการฉีดโบท็อกซ์ที่มีชื่อว่า Botulinum toxin ไมเกรน โดยจะฉีดบริเวณต่างๆ เช่น ช่วงระหว่างคิ้ว หน้าผาก บริเวณใบหน้า ท้ายทอย ต้นคอและบ่า โดยเมื่อฉีดเข้าไปแล้วโบท็อกซ์จะไปทำหน้าที่ยับยั้งปลายประสาท Acetyl Choline ซึ่งเป็นตัวกลางที่ทำให้เกิดอาการปวดไมเกรน ทำให้กล้ามเนื้อที่หดเกร็งเกิดการคลายตัว และจะทำให้อาการปวดหัวไมเกรนลดลงในที่สุด - Shock wave คือ การส่งผ่านคลื่นกระแทก เข้าไปในบริเวณที่มีอาการปวด จากนั้นบริเวณที่ส่งผ่านคลื่นกระแทกเข้าไปจะกระตุ้นให้ร่างกายเกิดกระบวนการซ่อมสร้างเนื้อเยื่อใหม่ เนื่องจาก Shock wave เป็นตัวกระตุ้นให้ร่างกายเกิดการบาดเจ็บใหม่ เป็นการรักษาทางเลือกใหม่เพื่อรักษาภาวะเจ็บป่วยเรื้อรัง ไม่ว่าจะเป็นการรักษาอาการไมเกรน อาการออฟฟิศซินโดรม การปวดเรื้อรังของกล้ามเนื้อ ภาวะข้ออักเสบ เป็นต้น
ข้อสรุป
อาการไมเกรนที่เป็นผลข้างเคียงจากออฟฟิศซินโดรมอาจทำให้การใช้ชีวิตประจำวันเป็นไปอย่างไม่ปกติ หากใครมีอาการดังกล่าวควรปรึกษาแพทย์เพื่อไม่ให้เกิดเป็นอาการเจ็บป่วยเรื้อรังจนเกิดผลเสียที่ร้ายแรง
หากพบว่าตนเองหรือคนใกล้ตัวมีอาการวิงเวียนศีรษะ บ้านหมุน คลื่นไส้ หรืออาเจียนควรปฏิบัติตามแนวทางการรักษา ยิ่งถ้ามีอาการเวียนหัวรุนแรง อาจจะต้องปรึกษาแพทย์ เพื่อวินิจฉัยหาสาเหตุที่แท้จริง และทำการรักษาได้อย่างตรงจุด
ซึ่งหากใครกำลังมองหาที่รักษาก็สามารถแอดไลน์ @ayaclinic หรือโทรเบอร์ 090–970-0447 เพื่อปรึกษา ขอคำแนะนำ หรือจองคิวฉีดโบท็อกไมเกรน เพื่อลดอาการไมเกรน เวียนหัวและปวดหัวรูปแบบต่าง ๆ กับทางแพทย์ผู้เชี่ยวชาญของ BTX Migraine Center ศูนย์รักษาไมเกรนเฉพาะทางที่ปลอดภัยและทันสมัยได้ทันที
เอกสารอ้างอิง
Critical analysis of the use of onabotulinumtoxinA (botulinum toxin type A) in migraine