ปวดคอบ่าไหล่ร้าวขึ้นศีรษะ สาเหตุ ความเครียด และวิธีรักษาไมเกรน
อาการปวดคอบ่าไหล่ร้าวขึ้นศีรษะเป็นหนึ่งในความทรมานที่หลายคนเจออยู่บ่อยๆ โดยเฉพาะคนที่ต้องนั่งทำงานหน้าคอมพิวเตอร์นานๆ หรือใช้สมาร์ทโฟนจนเผลอหลังค่อม คอเกร็ง กว่าจะรู้ตัวก็มีอาการปวดตึงที่คอและบ่าแล้วลามขึ้นไปจนถึงศีรษะ กลายเป็นอาการคล้ายไมเกรนที่ทำให้เสียสมาธิและรบกวนชีวิตประจำวัน อีกทั้งอาการเหล่านี้ยังสัมพันธ์กับความเครียด การนอนหลับ รวมถึงพฤติกรรมเล็กๆ น้อยๆ ในชีวิตประจำวันที่เราอาจมองข้าม หากปล่อยไว้นานอาจนำไปสู่อาการปวดเรื้อรังหรือปวดไมเกรนได้
สารบัญบทความ
- สาเหตุของอาการปวดคอบ่าไหล่ร้าวขึ้นศีรษะ
- การวินิจฉัยอาการปวดคอบ่าไหล่ร้าวขึ้นศีรษะ
- วิธีรักษาและบรรเทาอาการ
- โบท็อกซ์ออฟฟิศซินโดรม ใช้อย่างไรและปลอดภัยไหม
- การดูแลตัวเองเพื่อป้องกันอาการซ้ำ
- ข้อสรุป
สาเหตุของอาการปวดคอบ่าไหล่ร้าวขึ้นศีรษะ
อาการปวดคอบ่าไหล่ร้าวขึ้นศีรษะไม่ได้เกิดจากการใช้งานร่างกายที่หนักเพียงอย่างเดียว แต่ยังมีหลายปัจจัยที่ซ่อนอยู่ในพฤติกรรมและภาวะทางอารมณ์ของเรา การเข้าใจสาเหตุเหล่านี้จะช่วยให้สามารถแก้ปัญหาได้ตรงจุดมากขึ้น
ความเครียดและกล้ามเนื้อเกร็ง
เมื่อร่างกายเผชิญกับความเครียด ไม่ว่าจะเป็นเรื่องงาน ความกังวล หรือการพักผ่อนไม่เพียงพอ ระบบประสาทจะส่งสัญญาณทำให้กล้ามเนื้อตึงตัวโดยอัตโนมัติ คอและบ่าเป็นจุดที่รับแรงกดดันนี้มากที่สุด หากกล้ามเนื้อเกร็งอยู่นานๆ ก็จะเกิด Trigger Point ปวดคอ หรือจุดกดเจ็บที่แผ่ร้าวขึ้นไปจนถึงศีรษะ ทำให้รู้สึกปวดคอไหล่บ่า ร้าวหัวคล้ายไมเกรนได้
Office Syndrome และท่าทางการทำงาน
พฤติกรรมการนั่งทำงานหน้าคอมพิวเตอร์เป็นเวลานาน หรือนั่งก้มเล่นมือถือโดยไม่ได้ปรับท่าทางที่ถูกต้องถือเป็นตัวการสำคัญที่ทำให้ปวดคอบ่าไหล่ เพราะกล้ามเนื้อถูกใช้งานในท่าเดิมซ้ำๆ โดยยืดเหยียด การนั่งผิดท่าอาจทำให้กล้ามเนื้อคอ บ่า และไหล่รับแรงกดเกินความจำเป็น ก่อให้เกิดอาการลามขึ้นไปจนกลายเป็นปวดคอบ่าไหล่ร้าวขึ้นศีรษะ
การเชื่อมโยงกับไมเกรน
อาการปวดคอบ่าไหล่ร้าวขึ้นศีรษะกับไมเกรนมีความเชื่อมโยงกันอย่างมาก เพราะความตึงเครียดและ Trigger Point ที่สะสมในกล้ามเนื้อคอและบ่า สามารถเป็นตัวกระตุ้นให้เกิดไมเกรนได้ง่ายขึ้น ผู้ที่มีอาการปวดคอบ่าไหล่บ่อยครั้งจึงมักจะมีอาการปวดไมเกรนร่วมด้วย โดยเฉพาะเวลาที่พักผ่อนน้อยหรือเจอปัจจัยกระตุ้นอื่นๆ
การวินิจฉัยอาการปวดคอบ่าไหล่ร้าวขึ้นศีรษะ
การปวดคอบ่าไหล่ร้าวขึ้นศีรษะอาจมีลักษณะคล้ายอาการอื่นๆ เช่น ปวดศีรษะธรรมดา ปวดจากความเครียด หรือไมเกรน ทำให้หลายคนสับสนว่าแท้จริงแล้วร่างกายกำลังเผชิญกับภาวะใด การทำความเข้าใจอาการเบื้องต้นและเข้ารับการตรวจจากแพทย์จึงเป็นก้าวสำคัญในการหาทางออกที่ตรงจุด
อาการที่สังเกตได้
ผู้ที่มีอาการปวดคอบ่าไหล่จะเริ่มจากความรู้สึกตึงหรือหนักๆ บริเวณต้นคอและบ่า จากนั้นความปวดจะแผ่ร้าวขึ้นไปที่ศีรษะ โดยอาการที่พบบ่อย เช่น
- ปวดตึงบริเวณท้ายทอยหรือขมับ
- มีจุดกดเจ็บบริเวณคอและบ่า
- ปวดศีรษะร่วมกับตาพร่า เวียนศีรษะ หรือรู้สึกอ่อนเพลีย
- อาการปวดมักกำเริบเวลานั่งทำงานนานหรือเครียดสะสม
การตรวจร่างกายและประเมินแพทย์
แม้ว่าเราจะพอสังเกตอาการได้เอง แต่การวินิจฉัยที่แม่นยำควรอาศัยการตรวจจากแพทย์ โดยแพทย์จะซักประวัติของเราอย่างละเอียด นอกจากนี้ยังมีการตรวจร่างกาย เช่น การกดหาจุด Trigger Point หรือทดสอบการเคลื่อนไหวของคอและไหล่เพื่อแยกว่าปวดจากกล้ามเนื้อเกร็ง ปัญหาข้อต่อกระดูก หรือภาวะไมเกรนร่วมกัน
วิธีรักษาและบรรเทาอาการ
วิธีรักษาปวดคอ บ่า ไหล่ จนร้าวขึ้นศีรษะหลักๆ แล้วมีอยู่ด้วยกัน 2 วิธี วิธีแรกคือการรักษาแบบไม่ใช้ยา และอีกวิธีคือการใช้ยาและการรักษาไมเกรนร่วม ซึ่งให้ผลลัพธ์แตกต่างกันดังนี้
การรักษาแบบไม่ใช้ยา
วิธีนี้เหมาะสำหรับผู้ที่มีอาการเริ่มต้นหรืออยากลดการใช้ยาแก้ปวด โดยเน้นการปรับพฤติกรรมและเสริมด้วยเทคนิคต่างๆ เช่น
- การยืดกล้ามเนื้อและออกกำลังกายเบาๆ เพื่อคลายความตึงของคอและบ่า
- การนวดหรือกดจุด Trigger Point ช่วยกระตุ้นการไหลเวียนเลือด ลดการเกร็งตัวของกล้ามเนื้อ
- การจัดท่านั่งและสภาพแวดล้อมการทำงาน เช่น ปรับเก้าอี้ จอคอม หรือใช้หมอนรองคอ
- การประคบร้อน-เย็นสลับกัน
การใช้ยาและการรักษาไมเกรนร่วม
หากอาการปวดคอบ่าไหล่เริ่มรุนแรงหรือมีไมเกรนร่วมด้วย แพทย์อาจพิจารณาใช้การรักษาด้วยยาแก้ปวด ยาคลายกล้ามเนื้อ หรือยาสำหรับรักษาไมเกรนโดยเฉพาะ นอกจากนี้ยังมีทางเลือกที่ได้รับความสนใจมากขึ้นในปัจจุบัน เช่น โบท็อกซ์ไมเกรน การฝังเข็ม หรือการใช้ปากกาฉีดไมเกรนที่ช่วยลดการเกร็งตัวของกล้ามเนื้อและบรรเทาอาการปวดศีรษะที่เกี่ยวเนื่องกับไมเกรน
โบท็อกซ์ออฟฟิศซินโดรม ใช้อย่างไรและปลอดภัยไหม
สำหรับคนที่มีอาการปวดคอบ่าไหล่เรื้อรังจากออฟฟิศซินโดรม หรือแม้แต่ปวดคอบ่าไหล่ร้าวขึ้นศีรษะจนกระทบกับการใช้ชีวิต การฉีดโบท็อกซ์ไมเกรนเป็นอีกหนึ่งแนวทางการรักษาที่ได้รับการยอมรับและเห็นผลลัพธ์ได้ชัดเจน โดยกระบวนการฉีดและบทบาทของโบท็อกซ์รักษาไมเกรนมีดังนี้
กลไกการทำงาน
โบท็อกซ์ทำงานโดยการยับยั้งการส่งสัญญาณประสาทที่ทำให้กล้ามเนื้อหดเกร็ง เมื่อฉีดในตำแหน่งที่เหมาะสม กล้ามเนื้อคอและบ่าที่ตึงตัวจะคลายลง ส่งผลให้อาการปวดลดลงรวมถึงช่วยลดความถี่และความรุนแรงของอาการปวดศีรษะจากไมเกรนด้วย
วิธีฉีด
แพทย์จะทำการประเมินจุดที่มีความตึงหรือ Trigger Point ก่อน จากนั้นจะฉีดโบท็อกซ์ในปริมาณที่เหมาะสมเข้าสู่กล้ามเนื้อบริเวณคอ บ่า และไหล่ การทำหัตถการใช้เวลาไม่นาน โดยทั่วไปไม่เกิน 30 นาทีและไม่จำเป็นต้องพักฟื้น สามารถกลับไปใช้ชีวิตประจำวันได้ตามปกติ
ข้อดีและข้อเสีย
ข้อดี
- บรรเทาอาการปวดได้ตรงจุด เห็นผลลัพธ์จริง
- ช่วยลดความถี่ของไมเกรน
- ฟื้นตัวเร็ว หลังฉีดสามารถกลับไปใช้ชีวิตได้ตามปกติ
- ไม่ต้องผ่าตัด
ข้อเสีย
- ผลลัพธ์อยู่ได้เพียงชั่วคราว ต้องฉีดซ้ำทุก 3-6 เดือน
- อาจมีอาการข้างเคียงเล็กน้อย เช่น ปวด บวม หรือช้ำบริเวณที่ฉีด

ใครควรฉีดรักษา
โบท็อกซ์เหมาะกับผู้ที่มีอาการปวดคอบ่าไหล่จากออฟฟิศซินโดรมที่รักษาด้วยวิธีทั่วไปแล้วไม่ดีขึ้น หรือผู้ที่มีอาการปวดร่วมกับไมเกรนเรื้อรัง แต่การตัดสินใจควรอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อความปลอดภัยและประสิทธิภาพสูงสุด
การดูแลตัวเองเพื่อป้องกันอาการซ้ำ
อาการปวดคอบ่าไหล่ร้าวขึ้นศีรษะสามารถกลับมาเป็นซ้ำได้ง่าย หากยังคงทำพฤติกรรมเดิมๆ อยู่ ดังนั้นการดูแลตัวเองอย่างถูกวิธีจึงเป็นกุญแจสำคัญในการลดความเสี่ยง และช่วยป้องกันไมเกรนจากคอไหล่ตึงได้ในระยะยาว
- ปรับท่านั่งทำงาน เลือกเก้าอี้และโต๊ะที่เหมาะสม ระดับจอคอมพิวเตอร์ควรอยู่ในแนวสายตาเพื่อลดแรงกดที่คอและบ่า
- พักเบรกทุกๆ 1 ชั่วโมง ควรลุกขึ้นยืดเส้นหรือเปลี่ยนอิริยาบถเพื่อคลายกล้ามเนื้อ
- ออกกำลังกายเบาๆ เช่น โยคะ หรือการยืดกล้ามเนื้อคอ บ่า ไหล่ เพื่อป้องกันการเกร็งสะสม
- ฝึกหายใจลึกๆ นั่งสมาธิ หรือหากิจกรรมที่ช่วยให้ผ่อนคลาย
- พักผ่อนให้เพียงพอ ควรนอนอย่างน้อยวันละ 7-8 ชั่วโมงและเข้านอนให้ตรงเวลา

ข้อสรุป
อาการปวดคอบ่าไหล่ร้าวขึ้นศีรษะเป็นสัญญาณที่ร่างกายกำลังบอกว่าเรากำลังมีความตึงเครียดสะสม หากละเลยอาจลุกลามจนกลายเป็นภาวะเรื้อรังหรือกระตุ้นไมเกรนให้กำเริบ ซึ่งการดูแลตัวเองเบื้องต้นช่วยบรรเทาได้ แต่การเข้ารับการวินิจฉัยและการรักษาที่เหมาะสมจะช่วยให้แก้ปัญหาได้ตรงจุดมากกว่า
สำหรับใครที่มีอาการปวดบ่อยๆ จนรบกวนการใช้ชีวิต หรือสนใจการรักษาเฉพาะทางอย่างโบท็อกซ์ไมเกรน BTX Migraine Center คือศูนย์ที่เน้นการดูแลผู้ป่วยไมเกรนและอาการปวดเรื้อรังโดยเฉพาะ ที่นี่มีเครื่องมือและเทคโนโลยีทางการแพทย์ที่ทันสมัย ช่วยให้การวินิจฉัยแม่นยำ และวางแผนการรักษาให้เหมาะกับอาการของแต่ละคนได้อย่างมีประสิทธิภาพ หากต้องการคำปรึกษาโดยตรงกับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ สามารถแอดไลน์ @ayaclinic หรือโทร 090-970-0447 เพื่อจองคิวและรับการดูแลอย่างมืออาชีพได้ทันที
