Traptox คืออะไร ช่วยลดปวดคอ บ่า ไหล่ และไมเกรนได้จริงหรือ ?
Traptox คือการฉีดโบท็อกซ์เข้าสู่กล้ามเนื้อทราพีเซียสที่หลายคนรู้จักกันว่าเป็นจุดรวมของอาการปวดคอบ่าไหล่จากภาวะออฟฟิศซินโดรม ซึ่งนอกจากจะถูกพูดถึงในด้านการปรับรูปคอและไหล่ให้ดูสมส่วนแล้วยังสามารถช่วยลดอาการปวดเรื้อรังได้ด้วย แต่จะช่วยอย่างไร เห็นผลไหม มีข้อดีและข้อเสียอย่างไร บทความนี้จะพาไปทำความเข้าใจให้มากขึ้นว่า Traptox คืออะไร พร้อมไขข้อสงสัยว่าการรักษานี้ตอบโจทย์สุขภาพและบุคลิกภาพของเราได้อย่างไรบ้าง
สารบัญบทความ
- Traptox คืออะไร
- Traptox ช่วยเรื่องอะไร
- วิธีการรักษาด้วย Traptox
- ใครเหมาะกับ Traptox
- ข้อดีและข้อเสียในการรักษา
- การดูแลตัวเองควบคู่กับ Traptox
- ข้อสรุป
Traptox คืออะไร
Traptox คือการฉีดโบท็อกซ์เข้าไปที่กล้ามเนื้อทราพีเซียส (Trapezius muscle) ซึ่งเป็นกล้ามเนื้อมัดใหญ่บริเวณต้นคอและไหล่ จุดที่มักเกิดอาการเกร็งจากการทำงานนั่งหน้าคอมนานๆ หรือจากพฤติกรรมที่ใช้กล้ามเนื้อส่วนนี้มากเกินไปจนเกิดอาการออฟฟิศซินโดรม การรักษาด้วย Traptox จึงถูกพูดถึงทั้งในมุมของการช่วยรักษาออฟฟิศซินโดรม ไปจนถึงการปรับบุคลิกให้ช่วงคอดูยาวขึ้น ไหล่ลาดลง ทำให้ภาพลักษณ์โดยรวมดูดีขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ
หลักการทำงาน
หลักการทำงานของ Traptox คือการใช้โบท็อกซ์คลายการทำงานของกล้ามเนื้อทราพีเซียสที่หดเกร็งอยู่ตลอดเวลา เมื่อกล้ามเนื้อคลายตัวลง ความตึงสะสมที่ทำให้เกิดอาการปวดคอบ่าไหล่จึงลดลงตามไปด้วย นอกจากนี้ยังส่งผลให้สรีระบริเวณคอและไหล่เปลี่ยนไปในทิศทางที่สมดุลมากขึ้น ซึ่งเป็นเหตุผลที่หลายคนมองว่า Traptox ไม่เพียงช่วยเรื่องอาการปวดจากออฟฟิศซินโดรมแต่ยังช่วยปรับบุคลิกภาพได้อีกด้วย
Traptox ช่วยเรื่องอะไร
หลายคนอาจสงสัยว่า Traptox ช่วยเรื่องอะไรได้บ้าง นอกจากเรื่องความสวยงามของสรีระแล้วการฉีดโบท็อกซ์บริเวณกล้ามเนื้อทราพีเซียสยังถูกนำมาใช้เพื่อบรรเทาอาการปวดเรื้อรังที่พบได้บ่อยในวัยทำงาน ไม่ว่าจะเป็น Traptox ปวดคอบ่าไหล่ ไมเกรนที่เกิดจากความตึงของกล้ามเนื้อ หรือการปรับสมดุลชีวิตประจำวันให้ง่ายขึ้นกว่าเดิม ลองมาดูกันว่าผลลัพธ์ที่หลายคนพูดถึงมีอะไรบ้าง

บรรเทาอาการปวดคอ บ่า ไหล่
อาการปวดจากออฟฟิศซินโดรมเกิดจากกล้ามเนื้อทราพีเซียสที่ตึงเกินไปจนเกิด Trigger Point หรือจุดกดเจ็บ การทำ Traptox จึงช่วยคลายความตึง ทำให้รู้สึกเบาสบายขึ้น ลดการกดรั้งที่สะสมมานาน และช่วยให้การเคลื่อนไหวของร่างกายเป็นธรรมชาติมากขึ้น
ลดความถี่และความรุนแรงของไมเกรน
ความตึงสะสมบริเวณคอและบ่ามีความเชื่อมโยงกับไมเกรนในหลายกรณี เมื่อ Traptox ช่วยคลายกล้ามเนื้อ ลดแรงกดทับและความเกร็ง อาการไมเกรนจึงมีแนวโน้มเกิดน้อยลงหรือมีความรุนแรงลดลง ทำให้ผู้ที่เคยมีอาการหนักๆ รู้สึกใช้ชีวิตได้สะดวกขึ้น
ปรับปรุงคุณภาพชีวิต
เมื่ออาการปวดคอบ่าไหล่และไมเกรนลดลง สิ่งที่ตามมาคือคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการนอนหลับที่สบายขึ้น สมาธิในการทำงานที่ดีขึ้น รวมถึงบุคลิกภาพที่ดูมั่นใจขึ้นเพราะสรีระคอและไหล่ดูสมส่วน
วิธีการรักษาด้วย Traptox
สำหรับใครที่เริ่มสนใจการทำ Traptox สิ่งที่ควรรู้คือกระบวนการรักษาออฟฟิศซินโดรมมีขั้นตอนที่ชัดเจนและปลอดภัยเพื่อลดอาการปวดจากออฟฟิศซินโดรมโดยเฉพาะ รวมถึงความรู้สึกปวดตึงจาก Trigger Point ในกล้ามเนื้อทราพีเซียส การเข้าใจวิธีการทำงานและผลลัพธ์ที่คาดหวังได้จะช่วยให้ตัดสินใจได้อย่างมั่นใจยิ่งขึ้น
ขั้นตอนการฉีด
การรักษาเริ่มจากแพทย์ตรวจประเมินกล้ามเนื้อและจุดที่รู้สึกตึง จากนั้นจะใช้โบท็อกซ์ฉีดเข้าไปยังบริเวณทราพีเซียสโดยตรง กระบวนการใช้เวลาไม่นาน เพียงไม่กี่นาที และไม่จำเป็นต้องพักฟื้น ผู้ป่วยส่วนใหญ่สามารถกลับไปใช้ชีวิตประจำวันได้ตามปกติทันที

ระยะเวลาเห็นผลและความถี่
หลังทำ Traptox โดยทั่วไปจะเริ่มเห็นผลลัพธ์ภายใน 1-2 สัปดาห์ ทั้งในการคลายความตึงของกล้ามเนื้อและการลดอาการปวด ระยะเวลาที่ผลลัพธ์คงอยู่แตกต่างกันไป แต่โดยเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 3-6 เดือน ขึ้นอยู่กับสภาพร่างกายและพฤติกรรมการใช้งานกล้ามเนื้อ ผู้ที่ต้องการผลต่อเนื่องอาจเลือกฉีดซ้ำตามคำแนะนำของแพทย์ได้
ความปลอดภัย
Traptox จัดเป็นหัตถการที่ค่อนข้างปลอดภัยเมื่อทำโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ เนื่องจากใช้สารโบท็อกซ์ที่ได้รับการรับรองและฉีดเฉพาะในจุดที่เหมาะสม ความเสี่ยงผลและข้างเคียงจึงมีน้อย ส่วนใหญ่เป็นเพียงอาการช้ำเล็กน้อยหรือรู้สึกตึงๆ ซึ่งมักจะหายไปได้เอง การเลือกสถานพยาบาลที่มีมาตรฐานจึงเป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยให้การรักษาเป็นไปอย่างมั่นใจและปลอดภัยสูงสุด
ใครเหมาะกับ Traptox
Traptox จะเหมาะสำหรับกลุ่มที่มีปัญหาเกี่ยวกับคอ บ่า ไหล่ หรืออยากปรับบุคลิกภาพให้สมส่วนขึ้นมากเป็นพิเศษ หากคุณอยู่ในกลุ่มเหล่านี้อาจพิจารณา Traptox เป็นหนึ่งในทางเลือกของการดูแลตัวเองก็ได้ค่ะ โดยส่วนมากคนที่เหมาะแก่การทำ Traptox ได้แก่
- คนทำงานออฟฟิศที่มีอาการปวดคอบ่าไหล่จากการนั่งหน้าคอมนานๆ หรือมีอาการออฟฟิศซินโดรม
- ผู้ที่มีอาการปวดจากกล้ามเนื้อทราพีเซียสตึงเกร็งและมี Trigger Point ทำให้รู้สึกหนักคอหรือปวดศีรษะบ่อย
- ผู้ที่มีไมเกรนซ้ำๆ และแพทย์วินิจฉัยว่าเกี่ยวข้องกับความตึงของกล้ามเนื้อคอและบ่า
- คนที่ต้องการปรับบุคลิกภาพ เช่น อยากให้ช่วงคอดูยาวขึ้น ไหล่ลาดลง หรือสรีระดูสมดุลมากขึ้น
ข้อดีและข้อเสียในการรักษา
Traptox มีทั้งข้อดีและข้อจำกัดที่ควรรู้ก่อนตัดสินใจ เพื่อให้สามารถชั่งน้ำหนักได้อย่างรอบคอบว่าการทำ Traptox เหมาะกับตัวเองหรือไม่ ส่วนข้อดีและข้อเสียจะมีอะไรบ้างนั้นเรามาดูกันค่ะ
ข้อดี
- ช่วยคลายกล้ามเนื้อที่ตึง ลดอาการปวดคอบ่าไหล่ที่มักเกิดจากออฟฟิศซินโดรม
- ลดโอกาสเกิดอาการปวดศีรษะหรือไมเกรนที่เกี่ยวเนื่องกับความตึงของกล้ามเนื้อ
- ทำให้สรีระบริเวณคอและไหล่สมดุล ดูยาวและลาดลง ส่งผลให้บุคลิกภาพดีขึ้น
- หัตถการใช้เวลาไม่นาน ไม่ต้องพักฟื้น สามารถกลับไปใช้ชีวิตประจำวันได้ทันที
- ผลลัพธ์คงอยู่ต่อเนื่องหลายเดือน และสามารถทำซ้ำได้ตามความเหมาะสม

ข้อเสีย
- ผลลัพธ์อยู่ได้เพียงชั่วคราว ต้องฉีดซ้ำหากต้องการคงผลลัพธ์ในระยะยาว
- อาจเกิดผลข้างเคียงเล็กน้อย เช่น รอยช้ำ บวม หรือความรู้สึกตึงในช่วงแรก
- หากทำโดยผู้ที่ไม่มีความเชี่ยวชาญอาจเสี่ยงต่อการฉีดผิดตำแหน่ง ส่งผลให้กล้ามเนื้อทำงานไม่สมดุล
- ไม่เหมาะกับผู้ที่มีโรคประจำตัวหรือหญิงตั้งครรภ์ ควรปรึกษาแพทย์ก่อนตัดสินใจ
การดูแลตัวเองควบคู่กับ Traptox
ผลลัพธ์จากการทำ Traptox จะยั่งยืนและเห็นชัดขึ้นหากมีการดูแลตัวเองควบคู่ไปด้วย การปรับพฤติกรรมเล็กๆ น้อยๆ ในชีวิตประจำวันสามารถช่วยลดความตึงของกล้ามเนื้อและเสริมประสิทธิภาพของการรักษาได้อย่างมาก
- ปรับท่านั่งทำงานให้หลังตรง ไม่ห่อไหล่ ปรับเก้าอี้และโต๊ะให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม
- พักสายตาและขยับร่างกายทุก 1 ชั่วโมง ยืดคอ หมุนไหล่ เพื่อลดการเกร็งสะสมของกล้ามเนื้อ
- ออกกำลังกายสม่ำเสมอเพื่อเสริมสร้างความแข็งแรงของกล้ามเนื้อรอบคอและไหล่
- นวดผ่อนคลายหรือใช้ความร้อนประคบบริเวณที่มีอาการตึง เพื่อช่วยกระตุ้นการไหลเวียนของเลือด
- พักผ่อนให้เพียงพอ เพราะการนอนหลับที่มีคุณภาพช่วยฟื้นฟูกล้ามเนื้อและลดความเสี่ยงของไมเกรนได้
ข้อสรุป
หลังจากที่ได้รู้ไปแล้วว่า Traptox คืออะไร จะเห็นได้ว่าการรักษาด้วยทางเลือกนี้ช่วยบรรเทาอาการปวดคอบ่าไหล่และลดความถี่ของไมเกรนที่รบกวนชีวิตประจำวันได้ด้วย อย่างไรก็ตาม เพื่อให้การดูแลสุขภาพเป็นไปอย่างครบวงจร ควรมีการประเมินและวางแผนการรักษาโดยผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางเท่านั้นค่ะ
ที่ BTX Migraine Center คุณจะได้รับการดูแลอย่างตรงจุด ด้วยเทคโนโลยีทางการแพทย์ที่ทันสมัย ช่วยให้การวินิจฉัยแม่นยำและสามารถวางแผนการรักษาได้เหมาะกับอาการของแต่ละคน ไม่ว่าจะเป็นไมเกรนเรื้อรังหรืออาการปวดจากกล้ามเนื้อ หากสนใจสามารถติดต่อแอดไลน์ @ayaclinic หรือโทร 090-970-0447 เพื่อปรึกษาและจองคิวกับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญได้โดยตรง
