การใช้ตัวยาไมเกรน แตกต่างกับการใช้รักษาความงามอย่างไรบ้าง
โบท็อกไมเกรนต่างจากโบท็อกความงามอย่างสิ้นเชิง ตั้งแต่เรื่องของปริมาณยาที่ใช้ ขั้นตอนการผสมตัวยา เทคนิคการฉีด เนื่องจากการฉีดโบท็อกไมเกรนเป็นการฉีดเพื่อรักษาอาการเจ็บป่วย จึงจำเป็นจะต้องฉีดโดยแพทย์ที่มีประสบการณ์ เชี่ยวชาญในเรื่องกายวิภาคหรือแพทย์เฉพาะทางในเรื่องระบบประสาทและสมอง เพื่อวินิจฉัยอาการและทำการฉีดรักษาไมเกรนได้อย่างตรงจุด และผลการรักษาออกมามีแน้วโน้มที่ดี
สารบัญบทความ
- โบท็อกซ์คืออะไร
- โบท็อกซ์สามารถรักษาไมเกรนได้อย่างไร
- ดูแลตัวเองหลังฉีดโบไมเกรน
- การฉีดโบไมเกรนปลอดภัยหรือไม่
- การรักษาไมเกรนด้วยโบท็อกซ์มีข้อดีอย่างไร
- การรักษาไมเกรนด้วยการฉีดโบมีวิธีการรักษาอย่างไร
- ไมเกรนแบบไหนถึงควรรักษาด้วยโบไมเกรน
- ตำแหน่งการฉีดโบท็อกซ์รักษาไมเกรนแตกต่างกับโบท็อกซ์ด้านความงามอย่างไร
- ข้อจำกัดของการฉีดโบในรักษาไมเกรน
- ระยะการออกฤทธิ์ของฉีดโบรักษาไมเกรน
- ผลลัพท์ของฉีดโบรักษาไมเกรน
- ข้อสรุป
โบท็อกซ์คืออะไร
โบท็อกซ์ คือ สารพิษที่ได้จากแบคทีเรียที่มีชื่อว่า คลอสตริเดียม โบทูลินัม (Clostridium Botulinum) ที่มีด้วยกันถึง 7 ชนิด แต่ชนิดนำมาใช้ในวงการเสริมความงามที่เราคุ้นเคยกัน คือสาร Botulinum toxin type A มีความปลอดภัย ได้รับการรับรองมาตรฐานจาก อย. นอกจากมาใช้ในการลดริ้วรอย ปรับรูปหน้าเรียว และยังสามารถนำมาใช้ในการรักษาโรคต่างๆ เช่น ไมเกรน Office syndrome ได้อีกด้วย
โบท็อกซ์สามารถรักษาไมเกรนได้อย่างไร
การฉีดโบไมเกรน หรือชื่อว่า Botulinum toxin โดยจะฉีดบริเวณต่างๆ เช่น ช่วงระหว่างคิ้ว หน้าผาก บริเวณใบหน้า ท้ายทอย ต้นคอและบ่า เพื่อช่วยลดอาการปวดศีรษะ โดยเมื่อฉีดเข้าไปแล้วตัวยาจะไปทำหน้าที่ยับยั้งปลายประสาท Acetyl Choline ซึ่งเป็นตัวกลางที่ทำให้เกิดอาการปวดไมเกรน ส่งสัญญาณความเจ็บปวดไปยังสมองที่ต่อกับกล้ามเนื้อ ทำให้กล้ามเนื้อที่หดเกร็งเกิดการคลายตัว และจะทำให้อาการปวดหัวไมเกรนบรรเทาอาการปวดลดลง และยังช่วยลดความรุนแรงและความถี่ของอาการปวดศีรษะได้อีกด้วย
ดูแลตัวเองหลังฉีดโบไมเกรน
แม้การฉีดโบไมเกรนจะช่วยบรรเทาอาการปวดได้ แต่เพื่อลดการแสดงอาการของโรค ควรดูแลตัวเองและหลีกเลี่ยงพฤติกรรมที่จะกระตุ้นให้ไมเกรนกำเริบขึ้น ดังนี้
- หลีกเลี่ยงปัจจัยที่กระตุ้นให้ปวดไมเกรน แสงไฟที่สว่างมาก แสงจ้า แสงแดด ไฟกระพริบ อากาศร้อนมาก ๆ อากาศร้อนชื้น
- พฤติกรรมที่เป็นตัวกระตุ้นทำให้เกิดอาการปวด เช่น ก้มหน้า เพ่งหน้าจอคอมพิวเตอร์ มือถือนาน ๆ จนกล้ามเนื้อบริเวณคอตึง ปวดร้าวกระบอกตา
- หลีกเลี่ยงอาหารประเภท ชีส ผงชูรส แอลกอฮอล์ บุหรี่ น้ำตาลเทียม คาเฟอีน (ชา, กาแฟ)
- พักผ่อนให้เพียงพอ ลดความเครียดลง เนื่องจากความเครียดเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้อาการไมเกรนกำเริบ
- ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ ช่วยลดอาการปวดศีรษะไมเกรนให้ลดน้อยลงได้
- รับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่
การฉีดโบไมเกรนปลอดภัยหรือไม่
การฉีดโบไมเกรนได้รับการรับรอง US.FDA องค์การอาหารและยาแห่งสหรัฐอเมริกา ตั้งแต่ปี 2010 ว่าสามารถช่วยลดอาการปวดศีรษะได้จริง และใช้กันอย่างแพร่หลายทั่วโลก และสำหรับประเทศไทยการรักษาไมเกรนด้วยโบท็อกได้รับการรับรองผลรักษาจากองค์การอาหารและยาของไทย รับรองความปลอดภัยและสามารถลดอาการปวดไมเกรนได้จริง ลดความถี่ของอาการไมเกรนได้
การรักษาไมเกรนด้วยโบท็อกซ์มีข้อดีอย่างไร
ลดการกินยา ลดความถี่ของอาการปวดมากกว่า การฉีดโบไมเกรนเป็นวิธีการบรรเทาอาการปวดไมเกรนที่มีความปลอดภัย เพราะเป็นวิธีที่ใช้กันอย่างแพร่หลายทั่วโลก โดยในประเทศไทยนั้นการฉีดโบเพื่อบรรเทาอาการปวดไมเกรนได้ รับการรับรองผลจากองค์กรอาหารและยา แต่มีข้อแม้ว่าจะต้องทำโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญทุกขั้นตอน ตั้งแต่การวินิจฉัยไปจนถึงการฉีด การฉีดสามารถช่วยลดอาการปวดศีรษะได้จริง อีกทั้งยังช่วยลดการทานยาแก้ปวดไมเกรนลดลง ซึ่งอาจส่งผลไม่ดีต่อตับไต และเมื่อฉีดแล้วสามารถอยู่ได้นานกว่าการทานยา ที่ต้องทานอยู่บ่อยๆ
การรักษาไมเกรนด้วยการฉีดโบมีวิธีการรักษาอย่างไร
มีการฉีดที่จุดกดเจ็บหรือทิกเกอร์พ้อยท์ ฉีดบริเวณศีรษะ ท้ายทอย คอบ่า ไหล่ รวมทั้งหมด 31 จุด สาเหตุที่ทำให้เป็นไมเกรน เกิดจากความผิดปกติทางพันธุกรรม สมองมีความไวต่อสิ่งกระตุ้น หรือเกิดการอักเสบของเส้นเลือด เส้นประสาทสมอง มักพบในคนที่อายุ 25-55 ปี และพบในผู้หญิงมากกว่าผู้ชาย
การฉีดโบไมเกรน จะออกฤทธิ์ยับยั้งการทำงานของปลายประสาทที่ทำหน้าที่ส่งสัญญาณความเจ็บปวดไปยังสมอง จึงช่วยบรรเทาและลดความรู้สึกปวดศีรษะได้ เมื่อใช้การฉีดโบท็อกไมเกรนแล้วอาจไม่จำเป็นต้องรับประทานยาแก้ปวดเป็นประจำอีก ปริมาณตัวยาที่ใช้ในการฉีดโบท็อกไมเกรนคือ 200-250 ยูนิต
ไมเกรนแบบไหนถึงควรรักษาด้วยโบไมเกรน
โบไมเกรนเหมาะสำหรับผู้ป่วยที่ ปวดหัวไมเกรนเรื้อรั้ง ไม่สามารถบรรเทาอาการปวดหัวไมเกรนด้วยการทานยาได้
เหมาะสำหรับผู้ที่มีอาการปวดศีรษะอย่างรุนแรง ปวดศีรษะบ่อยๆ ปวดศีรษะเรื้อรัง ปวดแบบที่รับประทานยาแก้ปวดก็ไม่สามารถบรรเทาอาการได้ โดยการรักษาไมเกรนด้วยโบท็อกนั้น แพทย์จะฉีดบริเวณรอบศีรษะ ซึ่งเป็นตำแหน่งที่เหมาะสม และได้รับการวินิจฉัยจากแพทย์แล้ว ทำให้การรักษาด้วยวิธีนี้เห็นผล มีประสิทธิภาพและปลอดภัย ได้ผลกว่าการรับประทานยาแก้ปวดไมเกรน
ตำแหน่งการฉีดโบท็อกซ์ไมเกรนแตกต่างกับโบท็อกซ์ด้านความงามอย่างไร
แม้โบท็อกที่ใช้ในการรักษาไมเกรนนั้นจะเป็นตัวยาชนิดเดียวกันกับที่ใช้ในด้านความงาม แต่ในการรักษาไมเกรนนั้น ตัวยาที่แพทย์ใช้ผสมนั้นจะเป็นตัวยาเฉพาะที่ใช้สำหรับการรักษาไมเกรน นอกจากนี้แพทย์จะฉีดโบรอบๆ ศีรษะจำนวน 31 จุด ซึ่งเป็นตำแหน่งที่เหมาะสมทำให้การรักษาไมเกรนด้วยการฉีดโบเป็นวิธีที่ปลอดภัย หากเข้ารับการรักษากับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ
ข้อจำกัดของการฉีดโบในรักษาไมเกรน
- การฉีดโบไมเกรน อาจไม่ได้ผลเท่าไหร่นัก หากฉีดแล้วผู้ป่วยยังไม่ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมในการใช้ชีวิตที่เสี่ยงต่ออาการปวดไมเกรน เช่น การหักโหมในการทำงานจนเกิดอาการออฟฟิศซินโดรม เป็นต้น
- การไม่ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการรับประทานอาหาร เช่น การทานอาหารรสเค็มจัด การทานคาเฟอีนในปริมาณที่มากเกินไปก็อาจทำให้การฉีดโบท็อกซ์ไมเกรน ไม่ได้ผล
- การฉีดโบรักษาไมเกรน กับแพทย์ที่ไม่เชี่ยวชาญทางด้านกายวิภาคโดยเฉพาะ ก็จะทำให้การฉีดแก้ไมเกรนไม่ช่วยบรรเทาอาการไมเกรน
- อาจเกิดอาการดื้อยาหากฉีดบ่อยเกินไป การฉีดโบไมเกรนไม่ควรฉีดถี่เกินไป โดยควรเว้นระยะ 3 เดือนเป็นอย่างต่ำ เพราะหากฉีดบ่อยเกินไปจะทำให้เกิดอาการดื้อตัวยาได้
- ไม่ดูแลตัวเองหลังการฉีด หลังการฉีดจำเป็นต้องพักผ่อนอย่างเพียงพอ ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ มิเช่นนั้นอาจทำให้ การฉีดโบรักษาไมเกรน เห็นผลไม่ดีเท่าที่ควร
- ฉีดกับคลินิกที่ไม่ได้มาตรฐาน การฉีดโบรักษาไมเกรน ให้เห็นผลจำเป็นต้องเลือกคลินิกที่ได้มาตรฐาน โดยสามารถเสิร์ชหาใบอนุญาตของคลินิกนั้นๆ ได้ผ่านทางเว็บไซต์ต่างๆ เพื่อความแน่ใจได้เลย
- ราคาแพงกว่าการรักษาทั่วไป การฉีดโบรักษาไมเกรน มีราคาค่อนข้างสูงกว่าการรักษาทั่วไป เช่น การทานยา การกายภาพบำบัด เป็นต้น ซึ่งอาจทำให้ผู้ป่วยหลายคนเข้าไม่ถึงการรักษาด้วยนวัตกรรมที่มีประสิทธิภาพนี้
- อาจไม่ได้ผลกับผู้ป่วยที่มีอาการรุนแรง หากผู้ป่วยที่มีอาการปวดไมเกรนอย่างรุนแรงมาก ๆ การฉีดอาจไม่ได้ผล
- อาจใช้ไม่ได้กับผู้ป่วยที่มีโรคอื่นร่วมด้วยการฉีดโบไมเกรน อาจไม่ได้ผลสำหรับผู้ป่วยที่มีโรคอื่นๆ เช่น โรคเครียด โรคซึมเศร้า โรคหัวใจ โรคความดันโลหิตตต่ำ และโรคไต เป็นต้น
- ไม่ควรฉีดโบไมเกรน ให้กับสตรีมีครรภ์หรือคุณแม่ที่กำลังให้นมบุตร เพราะอาจเกิดอันตรายกับทั้งคุณแม่และเด็กในครรภ์ได้
ระยะการออกฤทธิ์ของฉีดโบรักษาไมเกรน
หลังฉีดตัวยาที่ฉีดเข้าไปนั้นจะไม่ออกฤทธิ์ทันที โดยอาจต้องใช้ระยะเวลาประมาณ 3 – 4 วัน และเห็นผลเต็มที่ในสัปดาห์ที่ 2 โดยผลการฉีดจะอยู่ได้นานประมาณ ประมาณ 3-4 เดือน จากนั้นตัวยาจะค่อยๆ หมดฤทธิ์ และสามารถกลับมาฉีดซ้ำได้ตามคำแนะนำของแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ แต่ต้องรับการรักษาโดยแแพทย์เฉพาะทางด้านระบบประสาทและสมองเท่านั้น
ผลลัพท์ของฉีดโบรักษาไมเกรน
คนไข้ที่ต้องการป้องกันอาการปวดหัวด้วยการฉีดโบไมเกรน คือผู้ที่มีอาการปวดศีรษะไมเกรนรุนแรง รู้สึกปวดหัวบ่อย ๆ และไม่สามารถบรรเทาอาการด้วยการทานยาแก้ปวด หรือปวดศีรษะจากการทานยาแก้ปวดมากเกินไป รวมไปถึงผู้ที่มีความกังวลเกี่ยวกับการใช้ยามาก ๆ ซึ่งเสี่ยงต่อภาวะโรคกระเพาะอาหารอักเสบ แผลในกระเพาะอาหาร และความผิดปกติของค่าตับและไต
ข้อสรุป
โดยการฉีดโบไมเกรนในการรักษาอาการไมเกรนจำเป็นจะต้องฉีดโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญและมีประสบการณ์ รู้ลึกเกี่ยวกับกายวิภาค เพื่อทำการวินิจฉัยและรักษาได้อย่างตรงจุด เพราะการฉีดโบท็อกซ์ลดไมเกรนต่างกับการฉีดโบท็อกซ์แบบทั่วไป หากใครมีปัญหาเกี่ยวกับอาการไมเกรน ไม่อยากทานยาลดไมเกรน และสนใจจะรักษาด้วยวิธีอื่นๆ เช่น การฉีดโบท็อกซ์ ก็สามารถปรึกษาแพทย์เพื่อประเมิณอาการเบื้องต้นได้ที่ BTX Migraine Center ศูนย์รักษาไมเกรนเฉพาะทางที่ปลอดภัยและทันสมัย ซึ่งเรามีทีมแพทย์ที่มีประสบการณ์คอยวินิจฉัยและให้คำปรึกษาอย่างตรงจุด
หากพบว่าตนเองหรือคนใกล้ตัวมีอาการวิงเวียนศีรษะ บ้านหมุน คลื่นไส้ หรืออาเจียนควรปฏิบัติตามแนวทางการรักษา ยิ่งถ้ามีอาการเวียนหัวรุนแรง อาจจะต้องปรึกษาแพทย์ เพื่อวินิจฉัยหาสาเหตุที่แท้จริง และทำการรักษาได้อย่างตรงจุด
หากใครกำลังมองหาที่รักษาก็สามารถแอดไลน์ @ayaclinic หรือโทรเบอร์ 090–970-0447 เพื่อปรึกษาหรือขอคำแนะนำ และจองคิวฉีดโบท็อกไมเกรน เพื่อลดอาการไมเกรน เวียนหัวและปวดหัวรูปแบบต่าง ๆ กับทางแพทย์ผู้เชี่ยวชาญของ BTX Migraine Center ศูนย์รักษาไมเกรนเฉพาะทางที่ปลอดภัยและทันสมัยได้ทันที
เอกสารอ้างอิง
Critical analysis of the use of onabotulinumtoxinA (botulinum toxin type A) in migraine
https://pdfs.semanticscholar.org/68b1/131fec0dfc227ddf5a291384059b7e517502.pdf?_ga=2.221469912.1910126796.1615368643-1089673905.1608626583