10 อาหารแนะนำ ลดปวดไมเกรน กินอะไรหาย แบบไม่ต้องพึ่งยา!
อาการปวดหัวที่รบกวนชีวิตประจำวัน ที่ทุกคนรู้จักก็คือ ไมเกรน แต่รู้หรือไม่ว่า ไมเกรน มีสาเหตุมาอาหารการกินด้วยเช่นกัน และในทางตรงข้าม ก็สามารถหายได้ ด้วยการปรับอาการกินด้วย ถ้าปวดหัว กินพาราไม่หาย ลองมาดูกันว่า เราจะลองปรับวิธีการกิน กินอะไรถึงเสี่ยงต่อไม่เกรน และปวดหัวไมเกรนกินอะไรหาย
เลือกอ่านหัวข้อที่สนใจ
- รู้จักโรคไมเกรน
- ไมเกรนกับอาหาร
- ปวดหัวไมเกรน กินอะไรหาย
- 10 อาหารแก้ปวดไมเกรน มีอะไรบ้าง
- อาหารที่ควรเลี่ยงเมื่อปวดหัวไมเกรน
- ทางเลือกอื่นในการรักษาไมเกรน
- รักษาไมเกรนที่ไหนดี
- ข้อสรุป
รู้จักโรคไมเกรน
หลายคนคงรู้จักไมเกรนกันอยู่แล้ว แต่เราจะมารู้จักอาการและปัจจัยให้มากขึ้น เพื่อจะได้เตรียมรับมือทัน และจะได้ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมเพื่อหลีกเลี่ยงปัจจัยกระตุ้นได้
อาการไมเกรนเป็นอย่างไร
- ปวดหัวครึ่งซีก ในลักษณะปวดตุ๊บๆ อาจจะปวดข้างซ้ายหรือขวาข้างเดียว
- บางครั้งก็อาจจะปวดหัวสองข้างพร้อมกัน
- บางครั้ง จะมีการคลื่นไส้ หรืออาเจียนร่วมด้วย
- มีอาการแพ้แสงที่จ้า แพ้เสียงที่ดังอึกทึก
- อาจจะมีอาการออร่า (migraine aura) ที่เห็นแสงผิดเพี้ยนได้
ผู้ที่มีอาการดังกล่าว ควรเข้ารับการตรวจไมเกรน เพื่อวินิจฉัยโรคและเข้ารับการรักษาต่อไป
ปัจจัยกระตุ้นอาการไมเกรน
- มีการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนในร่างกาย เช่น ช่วงรอบเดือน มีการรับประทานยาคุมกำเนิด
ได้รับสิ่งเร้าจากภายนอก เช่น กลิ่นไม่พึงประสงค์ แสงจ้า เสียงดัง อาการร้อน ฝุ่นควันที่รบกวนการได้กลิ่นมากๆ - การพักผ่อนไม่เพียงพอ อดนอนติดต่อกันนาน
- ความเครียดที่รุมเร้าหนัก นอกจากการเครียดจะทำให้พักผ่อนน้อยแล้ว ยังทำให้เส้นเลือดในสมองหดตัวจนตีบตัน ทำให้ปวดหัวจากความเครียด ไปสู่การเป็นไมเกรน และในอนาคตอาจจะรุนแรงถึงขั้นเป็น Stroke ได้
- อาหารบางชนิด ที่กระตุ้นสารสื่อประสาทให้มีอาการปวดหัว ซึ่งสามารถแก้ไขได้ด้วยอาหารที่มีสารระงับการปวดหัวนั่นเอง อาหารกระตุ้นไมเกรนที่ควรเลี่ยงคือ ไวน์แดง ชีส นม ช็อกโกแลต แป้งสาลี เมื่อรู้แล้ว ควรลดแล้วหันมาทานอาหารแก้ปวดหัวไมเกรนดีกว่า
ไมเกรนกับอาหาร
ปวดหัวไมเกรน กินอะไรดี? ก่อนอื่นต้องบอกก่อนว่าการเลือกอาหารการกินเป็นทางเลือกอีกทางหนึ่งที่ช่วยรักษาไมเกรนได้ เหมาะสำหรับคนที่ไม่ชอบทานยา แต่เอ๊ะ… อาหารจะสามารถส่งผลต่ออาการปวดหัวได้จริงหรือ?
ตอบเลยว่า “จริง” เพราะอาหารหลายชนิดมีคุณประโยชน์ที่ช่วยรักษาอาการปวดหัว ทั้งยังทานได้ทุกวัน เป็นประจำแม้ไม่มีอาการปวด โดยไม่ส่งผลเสียต่อร่างกายเหมือนยาด้วย
ปวดหัวไมเกรน กินอะไรหาย
สาเหตุที่ทำให้อาหารสามารถแก้ปวดไมเกรนได้ เนื่องจากมีสารอาหารที่มีประโยชน์ในการระงับสารสื่อประสาท ส่งผลกับการหดตัว ขยายตัวของหลอดเลือด และอาหารบางอย่างยังลดการเกิดภาวะคีโตซิส ซึ่งทำให้การปวดหัวลดลงได้
สารอาหารสำคัญที่สามารถช่วยลดอาการปวดหัวไมเกรนได้ มีดังนี้
1. แมกนีเซียม
สารสำคัญที่ลดอาการปวดหัวได้ดีคือ แมกนีเซียม ไมเกรนตายสนิท เพราะแมกนีเซียมที่ช่วยยับยั้งการหดรัดตัวของหลอดเลือด จึงช่วยป้องกัน และบรรเทาความรุนแรง รวมทั้งลดความถี่ของการเกิดไมเกรนได้
2. กรดไขมันโอเมก้า-3
กรดไขมันโอเมก้า-3 ช่วยลดความดันโลหิต หัวใจทำงานดีขึ้น สูบฉีดเลือดไปเลี้ยงสมองอย่างสมดุล จึงลดอาการปวดไมเกรนได้ดี
3. อาหารจำพวกคีโต
มีการศึกษาค้นพบว่าอาหารคีโตสามารถช่วยบรรเทาความรุนแรงจากไมเกรนได้ เพราะอาหารคีโตจะลดการเกิดภาวะคีโตซิส ควบคุมระบบประสาท ป้องกันการสะสมของกลูตาเมต ซึ่งเป็นสารที่มีบทบาทสำคัญเกี่ยวกับการทำงานของสมอง
10 อาหารแก้ปวดไมเกรน มีอะไรบ้าง
หลายคนคงสงสัยว่าแล้วเราควรกินอะไรให้หายปวดหัวไมเกรน? บทความนี้จะมาแนะนำ 10 อันดับ อาหารแก้ปวดไมเกรนที่มีสารอาหารช่วยบรรเทาอาการปวดหัวได้อย่างดี มีอะไรบ้าง ไปดูกันเลย
1. น้ำขิง
น้ำขิงมีสรรพคุณช่วยบรรเทาอาการทั้งปวดศีรษะ ปวดเมื่อยตามตัว ได้เป็นอย่างดี เพราะน้ำขิง ลดการสร้างสารพรอสตาแกลนดิน ที่ทำให้ปวดและอักเสบ จิบน้ำขิงอุ่นๆ เวลาปวดไมเกรนได้เช่นกัน จัดเป็นเครื่องดื่มไมเกรนชั้นยอดเลย
2. ปลาที่มีกรดไขมันจำเป็นสูง
ปลาที่มีไขมันสูง อย่างเช่น ปลาแซลมอน จะมีโอเมก้า 3 สูง ทำให้ลดการปวดหัวจากไมเกรน ใครที่ชอบปลาแซลมอน ทานบ่อยๆ ก็สามารถรอดพ้นจากการเป็นไมเกรนได้เลย แต่ต้องระวังคอลเลสตอรอลเกินแทน
3. อัลมอนด์
อัลมอนด์ เป็นถั่วที่มีแมกนีเซียมสูง ช่วยป้องกันอาการปวดหัวไมเกรนได้ดีมากๆ โดยไม่มีผลข้างเคียงใดๆ เนื่องจาก แมกนีเซียมในถั่วอัลมอนด์จะช่วยปรับสมดุลความดันโลหิต ช่วยควบคุมการหดตัว คลายตัวของเส้นเลือดให้เป็นปกติ
4. ชาสมุนไพร
ศาสตร์ชาบำบัดที่คนจีนใช้รักษาโรคมาหลายพันปี ช่วยบำบัดทั้งกลิ่น ทั้งรส และสรรพคุณ มีการค้นพบว่า เพราะมีต้านอนุมูลอิสระที่มีส่วนช่วยต้านการอักเสบ ช่วยลดอาการเจ็บปวดที่สมอง ขยายหลอดเลือดเพื่อให้เลือดสามารถไหลเวียนไปเลี้ยงสมองได้ดี
ทางการแพทย์พบว่า การดื่มชาขิงให้ผลลัพธ์ในการบรรเทาอาการปวดหัวได้ใกล้เคียงกับการใช้ยารักษาไมเกรนเลย สมุนไพรรักษาไมเกรน ได้แก่ ใบบัวบก ขิง
5. ผลไม้ตระกูลเบอร์รี่
ผลไม้ตระกูลเบอร์รี่นั้นขึ้นชื่อของความอร่อยและยังมีวิตามินบี 12 สูงมาก อาทิเช่น ราสเบอร์รี่ บลูเบอร์รี่ ราสเบอร์รี่ แครนเบอร์รี่ สตอเบอร์รี่
ซึ่งกลุ่มผลไม้ที่เป็นตระกูลเบอร์รี่นั้นนอกจากมีวิตามินไมเกรนอย่าง บี12 สูงแล้วยังมีทั้งไฟเบอร์และแมกนีเซียมที่ส่งผลต่อการแก้ปวดไมเกรนได้ดีอีกด้วย
6. เมล็ดแฟลกซ์
เมล็ดแฟลกซ์คือธัญพืชขนาดเล็กที่อุดมไปด้วยโปรตีน คนไทยอาจจะไม่ค่อยคุ้นชื่อนัก แต่เมล็ดแฟลกซ์นั้นมีโอเมก้า 3 สูงมาก ซึ่งโอเมก้าจะช่วยลดระดับความเครียดในผู้ป่วยไมเกรนได้ดีมากนอกจากนี้ยังมีวิตามินและแร่ธาตุที่สำคัญต่อร่างกาย
7. โยเกิร์ต
แม้นมจะเป็นอาหารกระตุ้นไมเกรน แต่โยเกิร์ต มี riboflavin สูง ซึ่งเป็นส่วนประกอบของวิตามินบี คอมเพล็กซ์ นอกจากลดการปวดหัวจากไมเกรน ยังช่วยทำให้ยาไมเกรน ออกฤทธิ์รักษาได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้นด้วย
8. บรอคโคลี
บรอคโคลี ผักที่มีประโยชน์และทานง่าย ซึ่งช่วยลดความถี่การเจ็บปวดของไมเกรนลง เพราะมีแมกนีเซียมสูง สารต้านอนุมูลอิสระสูงด้วย
ทั้งยังเป็นผักที่ช่วยรักษาอัลไซเมอร์ ทานบรอคโคลีต้มเป็นประจำ ห่างไกลจากทั้งไมเกรน และอัลไซเมอร์เลยล่ะ
9. ผักโขม
ผักโขม เป็นผักใบเขียวที่มีแมกนีเซียมเยอะมาก ซึ่งถือว่าเป็นราชาของสารอาหารที่จำเป็นต่อคนทั่วไปและผู้ป่วยไมเกรน เนื่องจากผักโขมมีโปรตีนสูงและมีกรดอะมิโนครบทุกชนิด เป็นผักใบเขียวที่มีวิตามินเอ วิตามินบี 6 โฟเลต และแร่ธาตุสำคัญ เช่น แคลเซียม เหล็ก โพแทสเซียม สังกะสี แมกนีเซียม ทองแดงและแมงกานีส
10. ถั่วดำ
ถั่วอีกชนิดที่มีแมกนีเซียมอัดแน่นเต็มเมล็ด แน่นอนว่า ช่วยลดการบีบรัดของเส้นเลือดในสมองได้ดี ทั้งยังสามารถทำเมนูได้หลากหลายทั้งคาวหวาน เป็นวัตถุดิบที่ควรมีติดบ้านของคนเป็นไมเกรนเลย
อาหารที่ควรเลี่ยงเมื่อปวดหัวไมเกรน
เมื่อเกิดอาการไมเกรน บางปัจจัยสามารถเกิดได้จากกลุ่มอาหารบางชนิดที่มีผลต่อการกระตุ้นให้ปวดไมเกรนมากขึ้น ดังนั้นผู้ป่วยจึงจำเป็นต้องทราบ อาหาร ที่ควรเลี่ยงการปวดไมเกรนและควรทำเช็คลิสต์ว่าตนเองนั้นปวดหัวไมเกรนกินอะไรหาย ซึ่งอาหารที่ควรเลี่ยงก็จะมีดังนี้
- อาหารรสชาติจัด เช่น เค็มจัด หวานจัด
- ชีส นม เนย
- กาแฟ
- โมโนโซเดียมกลูตาเมต
- แอลกลอฮอล์
- ของหมักดอง
ทางเลือกอื่นในการรักษาไมเกรน
ในปัจจุบันทางเลือกการรักษาไมเกรนมีความแพร่หลาย ไม่ว่าจะเป็นการใช้วิธีการรักษาโดยธรรมชาติการเลี่ยงปัจจัยการกระตุ้น การออกกำลังกาย ตลอดจนการรักษาโดยทางฉีดโบท็อกรักษาไมเกรน
1. ปรับพฤติกรรมลดไมเกรน
- หลีกเลี่ยงปัจจัยกระตุ้นไมเกรน ถ้ารักษาด้วยวิธีต่างๆ แต่ยังไม่ลด ละ เลิกปัจจัยที่กระตุ้นไมเกรน อาการก็จะกลับมาอยู่ดี วิธีนี้จึงเป็นการแก้ปัญหาไมเกรนอย่างถาวร ควรพยายามหลีกเลี่ยงสิ่งที่กระตุ้นไมเกรนให้กลับมาอีกเด็ดขาด
- ดูแลสุขภาพทั้งร่างกายและจิตใจ ถ้าจิตใจเข้มแข็ง ร่างกายและระบบประสาท สมอง ก็จะสดชื่น กระปรี้กระเปร่าตามไปด้วย ลองไปในการออกกำลังกาย ทานอาหารที่มีประโยชน์ จะทำให้สุขภาพกายและสุขภาพจิตดีขึ้น เครียดน้อยลง สมองโล่งมากขึ้น ไม่เกรนไม่ถามหาอีกด้วย
- เข้ารับการรักษาหากอาการปวดหัวไมเกรนรุนแรง ถ้าหากทำทุกวิธีในการหลีกเลี่ยงไมเกรน ในชีวิตประจำงันแล้ว แต่อาการยังคงไม่ทุเลาเบาบาง ต้องเข้ารับการรักษาและใช้ยาไมเกรน ซึ่งอยู่ในความดูแลโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ
2. นวดกดจุดรักษาไมเกรน
การนวดกดจุด เป็นวิธีที่ช่วยเรื่องการกระตุ้นระบบประสาท ให้ทำงานดี เลือดไหลเวียนดี หลอดเลือดต่างๆบีบตัวและคลายตัวดีขึ้น ทำให้อาการปวดหัวและไมเกรนลดน้อยลงอย่างมาก อาจจะไปหาหมอนวดที่ชำนาญการนวดกดจุด หรืออาจจะลองกดจุดเองง่ายๆที่บ้านเมื่อมีอาการปวดหัว
โดยการมือทั้งสองข้างรองหลังศีรษะ ใช้นิ้วโป้งของทั้งสองมือนวดขมับทั้งสองข้างพร้อมกันเบาๆ จากนั้นเปลี่ยนมาใล้นิ้วโป้งทั้งสองข้าง นวดที่ท้ายทอยตรงต้นคอ
3. ยาแก้ปวดไมเกรน
การทานยาแก้ปวดหัว ถือเป็นวิธีแก้ปวดไมเกรนเบื้องต้น โดยทานเมื่อมีอาการปวดศีรษะ ยากลุ่มนี้สามารถซื้อรับประทานเองได้ตามร้านขายยา โดยจะบรรเทาอาการปวดในทันที
กลุ่มยารักษาและป้องกันไมเกรน เป็นกลุ่มยาไมเกรนที่รักษาการปวดไมเกรนโดยเฉพาะเมื่อมีอาการและยังใช้เพื่อป้องกัน เพื่อไม่ให้อาการกลับมาเป็นอีกด้วย แตาในการใช้ยาประเภทนี้ ควรอยู่ในการดูแลของแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ
อย่างไรก็ตาม การรับประทานยาติดต่อกันเป็นเวลานาน อาจจะส่งผลต่อการทำงานของไต และถ้ารับประทานเกินขนาด จะทำให้เกิดการดื้อยา ทำให้ต้องใช้ยามากขึ้น ซึ่งอาจจะทำให้ไตทำงานผิดปกติจนเป็นอันตรายด้วย
4. ฝังเข็มไมเกรน
การฝังเข็มรักษาไมเกรน คือ การฝังเข็มลงตามจุดต่างๆของร่างกาย ที่เป็นทางเดินไหวเวียนเลือด เพื่อให้เลือดลมไหลเวียนดี ลดอาการเลือดคั่งที่เส้นเลือดสมอง นำไปสู่การลดอาการปวด การอักเสบในร่างกายลงด้วย ซึ่งผลลัพธ์ของการรักษา ขึ้นอยู่กับร่างกายของแต่ละคน แต่การฝังเข็มไมเกรนก็เป็นทางเลือกที่น่าสนใจไม่น้อย
5. ฉีดยาไมเกรน
สำหรับอาการปวดไมเกรนในแต่ละครั้งนั้น มักจะเกิดความรุนแรงและระยะเวลาของอาการปวดไมเกรนที่ต่างกัน โดย มีความรุนแรงตั้งแต่ ปวดตุ๊บๆ ตลอดจนรุนแรง จนไม่สามารถใช้ชีวิตประจำวันได้ ดังนั้น
กลุ่มยาที่ใช้ฉีดบรรเทาระหว่างปวดจะประกอบด้วยการปวด 3 ระดับ
- ปวดระดับไม่รุนแรง อาทิเช่นยา พาราเซตามอล
- ปวดระดับกลาง จะใช้ กลุ่มฉีด NSAIDS
- ปวดระดับรุนแรงยาฉีดที่นิยมใช้คือ มอร์ฟีน เป็นต้น
6. โบท็อกไมเกรน
โบทูลินั่มท็อกซินหรือโบท็อก หลายคนรู้จักดี เพราะโบท็อกใช้ฉีดเพื่อคงความอ่อนเยาว์ ให้ใบหน้าปราศจากริ้วรอย แต่อีกประโยชน์หนึ่งของโบท็อกซ์ที่คนไม่รู้คือ สามารถใช้ฉีดเพื่อรักษาไมเกรนได้ด้วย โดยฉีดรอบศีรษะ 30-40 จุด
โบท็อกไมเกรนแก้ปัญหาคนที่ปวดหัวเรื้อรังมานาน ซึ่งสามารถรักษาความรุนแรงของไมเกรน ได้นาน 4-6 เดือน โดยไม่ต้องรับประทานยาเลย
รักษาไมเกรนที่ไหนดี
ถ้าหากประสบปัญหาเป็นไมเกรน และคิดว่า รักษาไมเกรนที่ไหนดี ทานยาแก้ปวดมาแล้วอาการยังไม่ดีขึ้น ลองปรึกษาแพทย์เฉพาะทางจะดีกว่า แต่ในการจะเลือกแพทย์เฉพาะทางมาดูแล ควรเลือกปรึกษาศูนย์การรักษาที่แพทย์มีความเชี่ยวชาญ และเป็นแพทย์เฉพาะทางด้านระบบประสาทและสมองโดยเฉพาะ เพื่อเข้าใจถึงปัญหาที่แท้จริงของไมเกรน เครื่องมือทางการแพทย์ทันสมัย ปลอดภัย เดินทางสะดวก
รักษาไมเกรนกับแพทย์เฉพาะทางที่ BTX Migraine Center
BTX Migraine Center คือ คลินิกศูนย์รักษาไมเกรน มีแพทย์เฉพาะทางด้านระบบประสาทและสมอง อุปกรณ์ทางการแพทย์ครบครัน ใช้ส่วนประกอบในการรักษาที่มีคุณภาพ ใช้โบทูลินั่มท็อกซินที่ได้รับการรับรองจากอเมริกา เดินทางสะดวก ทำให้กระบวนการรักษาอาการปวดหัว ไม่สร้างความปวดหัวเพิ่มแน่นอน
ข้อสรุป
แม้ไมเกรน จะเป็นภาวะที่รบกวนชีวิตประจำวันอย่างมาก แต่ก็สามารถรักษาและป้องกันได้ นอกจากรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ ช่วยลดความเสี่ยงไมเกรนแล้ว ควรได้รับการดูแลจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้วย
BTX Migraine Center คลินิคเฉพาะทางด้านระบบประสาทและสมอง และดูแลโดยแพทย์เฉพาะทางมีประสบการณ์ในด้านการรักษาโรคไมเกรน หากคุณเป็นอีกคนที่มีปัญหา สามารถปรึกษา ขอคำแนะนำได้ที่ Line ID : @ayaclinic
เอกสารอ้างอิง
Medication overuse headache. (n.d.). https://migrainetrust.org/understand-migraine/types-of-migraine/medication-overuse-headache
Robblee, J. (2019). Silent Migraine: A Guide. https://americanmigrainefoundation.org/resource-library/silent-migraine