อาการหิวบ่อยสัญญาณเตือนของไมเกรนจริงหรือ ?

อาการหิวสัญญาณเตือนของไมเกรน

ใครที่มีอาการหิวบ่อยๆ และมีอาการปวดหัวอยู่บ่อยๆเช่นกัน หรืออาจมีอาการปวดหัวพร้อมๆกันกับอาการหิว สามารถสันนิษฐานได้เลยว่าอาจเกิดจากอาการไมเกรน เนื่องจาก บ่อยครั้งที่คนเรามักกินเยอะขึ้นเวลาที่เราเกิดความเครียด เศร้า หรือวิตกกังวล โดยผลการศึกษาวิจัยหลายชิ้นยืนยันแล้วว่า ความเครียดส่งผลให้คนเราอยากอาหาร กินไม่หยุด หรือกินอาหารที่ไม่มีคุณค่าทางโภชนาการมากขึ้น ดังนั้นไมเกรนจึงเป็นอีกหนึ่งสาเหตุที่ทำให้เกิดอาการหิวบ่อย

สารบัญบทความ

ความหิวเกิดจากอะไร

ความหิวแบ่งออกเป็น 2 ประเภท ได้แก่

  • ความหิวที่เกิดจากธรรมชาติของร่างกาย อันเนื่องมาจากความต้องการของร่างกาย เมื่อร่างกายมีปริมาณพลังงานและปริมาณน้ำตาลลดต่ำลง จนร่างกายเกิดความหิวโดยธรรมชาติ ส่วนใหญ่ความหิวประเภทนี้มักเกิดขึ้นหลังจากทานอาหารไปแล้วอย่างน้อย 6 ชั่วโมง
  • ความหิวที่เกิดจากอารมณ์ หรือความหิวที่เกิดจากความอยาก กล่าวคือ เมื่อมีสิ่งเร้า ไม่ว่าจะเป็น การได้กลิ่นหอมของอาหาร การเห็นภาพอาหาร จนทำให้เกิดความหิว หรือสภาพอารมณ์ เบื่อ เศร้า โกรธ เครียด ก็ทำให้เกิดความหิวได้เช่นกัน ซึ่งอาการเหล่านี้มักเกิดขึ้นในผู้ป่วยโรคอ้วน ผู้ที่มีปัญหาน้ำหนักเกิน หรือแม้แต่ผู้ป่วยโรคไมเกรน

ความหิวทำให้ปวดหัว

ทำไมไมเกรนจึงหิวบ่อย

บ่อยครั้งที่เรามักกินเยอะขึ้นเวลาที่เราเกิดความเครียด เศร้า หรือวิตกกังวล โดยผลการศึกษาวิจัยหลายชิ้นยืนยันแล้วว่า ความเครียดส่งผลให้คนเราอยากอาหาร กินไม่หยุด หรือกินอาหารที่ไม่มีคุณค่าทางโภชนาการมากขึ้น ดังนั้นอาการไมเกรนจึงเป็นสิ่งที่ทำให้เกิดอาการหิวเช่นกัน

หิวบ่อยเกิดจากอะไร

หิวแบบไหนที่เกิดจากโรคไมเกรน

  1. อาการหิวบ่อย บ่อยครั้งที่ผู้ป่วยไมเกรนหรือผู้ป่วยซึมเศร้ามีอาการหิวบ่อย เนื่องจาก ความเครียดส่งผลให้คนเราอยากอาหาร
  2. อาการหิวของหวาน ก่อนที่อาการไมเกรนจะเกิดขึ้น บางคนจะรู้สึกอยากกินอาหารมากเป็นพิเศษ ซึ่งโดยทั่วไปส่วนใหญ่จะเป็นการอยากกินของหวาน โดยเฉพาะช็อกโกแลต
  3. หิวเพราะได้กลิ่นอาหาร แม้เพิ่งทานอาหารไปไม่ถึงชั่วโมง เนื่องจากผู้ป่วยไมเกรนจะมีความไวต่อแสงเสียงและกลิ่น เมื่อมีสิ่งเร้า อย่างกลิ่นของอาหารก็จะทำให้เกิดอาการหิว แม้เพิ่งทานอาหารไปไม่นานก็ตาม
  4. ความหิวที่เกิดจากอาการเครียด เมื่อเครียดจนเกิดอาการหิว นั่นสันนิษฐานได้เลยว่าเสี่ยงอาการไมเกรน
  5. ทานอาหารบางประเภทซ้ำๆ ผู้ป่วยไมเกรนส่วนใหญ่มักจะอยากทานอาหารแบบเดิมซ้ำๆ
  6. อยากทานเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีน เนื่องจากหลายคนที่หายจากอาการปวดหัวโดยการดื่มเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีน ดังนั้นการอยากทานเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีนก็เป็นอีกสาเหตุของไมเกรน
  7. กระหายน้ำมากเป็นพิเศษ เมื่อใดที่เกิดอาการกระหายน้ำมากเป็นพิเศษ ก็สันนิษฐานได้เลยเลยว่าเป็นอาการของไมเกรน
  8. หิวไม่เป็นเวลา ผู้ป่วยไมเกรนส่วนมากจะหิวบ่อย หิวไม่เป็นเวลา หิวเรื่อยๆ จนทำให้ทานอาหารไม่ตรงเวลา และในบางรายเกิดอาการปวดหัวตามมาได้
  9. หิวแบบกะทันหัน ไม่สามารถทนหิวได้ เนื่องจากเมื่อเกิดอาการปวดหัวสมองจะสั่งให้หาสิ่งคลายเครียด โดยสิ่งคลายเครียดบางครั้งก็มาในรูปแบบของอาหาร ทำให้ผู้ที่มีอาการไมเกรนมักหิวแบบต้องหาอะไรทานเดี๋ยวนั้นอยู่บ่อยๆ
  10. ทานแล้วแต่ยังไม่หายหิว เนื่องจากผู้ป่วยที่มีอาการไมเกรนนั้นสมองจะสั่งงานให้หิวอยู่ตลอดเวลา ไม่สามารถควบคุมความอยากอาหารได้

หิหิวแบบไหนที่เกิดจากไมเกรน

วิธีป้องกันอาการหิว

วิธีป้องกันการหิวสามารถทำได้ดังนี้

  1. กินอาหารให้ตรงเวลาในปริมาณที่เหมาะสม เพราะการกินอาหารตรงเวลาจะช่วยให้ร่างกายจัดสรรการใช้พลังงานได้ดีขึ้นและป้องกันอาการหิวได้ รวมถึงการกินอาหารในปริมาณที่เหมาะสมทำให้ร่างกายได้รับพลังงานเพียงพอจะช่วยลดความเสี่ยงของอาการหิวได้
  2. พักผ่อนให้เพียงพอ การพักผ่อนให้เพียงพอสามารถรักษาการทำงานของร่างกายให้ปกติ และลดความเสี่ยงของภาวะระดับน้ำตาลในเลือดต่ำซึ่งส่งผลให้เกิดความหิว
  3. หากิจกรรมอื่นๆ ทำ เมื่อรู้สึกหิวบ่อยเกินไป เช่น อ่านหนังสือ ฟังเพลง ดูหนัง และนั่งสมาธิ ซึ่งกิจกรรมเหล่านี้นอกจากจะเบี่ยงเบนความคิดจากความหิวได้แล้วยังช่วยบรรเทาความเครียด ที่เกิดจากอาการไมเกรนได้อีกด้วย

ความอันตรายจากความหิวเพราะไมเกรน

ความอันตรายจากความหิวเพราะไมเกรน การที่ร่างกายของเรามีระดับน้ำตาลในเลือดต่ำเกินไป จะส่งผลให้รู้สึกปวดศีรษะจนทำให้ไม่สามารถใช้ชีวิตประจำวันได้ ความหิวที่เกิดจากอาการไมเกรนเป็นสาเหตุของการเกิดโรคอื่นๆตามมา เนื่องจากเมื่อเกิดความหิวบ่อย หิวไม่เป็นเวลา หิวเพราะไมเกรนจะทำให้ผู้ป่วยมักทานอาหารไม่เป็นเวลา ทานไม่เลือก และส่วนใหญ่เมื่อผู้ป่วยไมเกรนหิวมักจะเลือกทานของหวาน ดังนั้นความอันตรายจากความหิวเพราะไมเกรน อาจทำให้เกิดโรคเกี่ยวกับความดัน โรคหลอดเลือด หรือโรคอ้วน เป็นต้น

แนวทางการรักษาไมเกรนจากความหิว

แนวทางการรักษาไมเกรนจากความหิวสามารถทำได้ดังนี้

  1. การรักษาโดยใช้ยา เป็นการบรรเทาหรือป้องกันอาการไมเกรน โดยการรับประทานยาใจทันทีที่มีอาการไมเกรน จะช่วยให้ผลของยาป้องกันไมเกรนที่ใช้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
    1. ยาป้องกัน ยาที่ใช้ป้องกันอาการไมเกรน ได้แก่ กลุ่มยาลดความดัน เช่น Propranobol กลุ่มยาต้านอาการซึมเศร้า Amitriptyline กลุ่มยากันชัก Valproate เป็นต้น
    2. ยาแก้ปวดหัวเฉียบพลัน ยาบรรเทาอาการปวดแบบไม่รุนแรง เช่น พาราเซตามอล ยาบรรเทาอาการปวดที่รุนแรง ได้แก่ ยากลุ่ม Triptans เป็นต้น
      ตัวยาข้างต้นจะทำให้อาการปวดไมเกรนดีขึ้นและทำให้อาหารหิวจากไมเกรนลดลง
  1. การรักษาโดยวิธีทางเลือก การวินิจฉัยและรักษาโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ โดยการประเมินตามอาการของผู้ป่วย โดยจะแนะนำวิธีการรักษา เช่น ฝังเข็ม กระตุ้นด้วยคลื่นไฟฟ้า หรือ การฉีดโบท็อกซ์รักษาไมเกรน
    1. ฝังเข็ม การฝังเข็มรักษาอาการไมเกรนเป็นวิธีการรักษาในทรงการแพทย์แผนจีน ซึ่งเป็นศาสตร์ที่ได้รับการยอมรับอย่างแพร่หลาย และมีมานานกว่า 4,000 ปีแล้ว โดยการฝังเข็มจะช่วยให้เลือดลมไหลเวียนได้สะดวก และจะทำให้อาการไมเกรนลดงลง โดยจะฝังเข็มไปตามจุดต่างๆ บริเวณคอ บ่า ไหล่ หน้าผาก ศีรษะ เป็นต้น
    2. กระตุ้นคลื่นไฟฟ้า เป็นการรักษาเพื่อลดและป้องกันอาการปวดศีรษะไมเกรน ซึ่งเป็นการรักษาที่มีความปลอดภัยสูง ไม่เจ็บปวด ไม่เป็นอันตราย ไม่ต้องใช้ยาสลบ ใช้เวลาไม่นานเพียง 30-60 นาทีเท่านั้น ซึ่งผลการรักษาด้วยคลื่นไฟฟ้าเป็นที่น่าพอใจ
    3. ฉีดโบท็อกซ์ การฉีดโบท็อกซ์ไมเกรนหมอจะฉีดโบท็อกซ์บริเวณใบหน้า เช่น หน้าผาก ท้ายทอย ต้นคอ และบ่า เพื่อช่วยลดอาการปวดศีรษะ การฉีดโบท็อกซ์ จะเข้าไปทำให้กล้ามเนื้อที่หดเกร็งอยู่คลายตัวลง ทำให้อาการปวดศีรษะบรรเทาลง

การรักษาโดยวิธีทางเลือกถือเป็นวิธีที่นิยมกันอย่างแพร่หลาย เนื่องจากมีความปลอดภัยสูงและเห็นผล ทำให้ตัดปัญหาไมเกรนจากความหิวได้

วิธีปฎิบัติเมื่ออาการไมเกรนกำเริบ

วิธีปฏิบัติเมื่ออาการไมเกรนกำเริบ สามารถทำได้ดังนี้

  1. การกดจุด การใช้นิ้วหัวแม่มือและนิ้วชี้หรือระหว่างนิ้วหัวแม่มือกับนิ้วชี้ของอีกข้างหนึ่งกดจุดบริเวณที่มีอาการปวดศีรษะ โดยกดจุดประมาณข้างละ 5 นาที สามารถทำให้อาการปวดไมเกรนดีขึ้นชั่วขณะโดยไม่ต้องพึ่งยา แต่วิธีนี้สามารถใช้ได้ผลในผู้ป่วยไมเกรนที่ไม่ดีมีอาการรุนแรง
  2. สูดดมกลิ่นหอม หรือน้ำมันหอมระเหย เชื่อว่าหลายคนมีกลิ่นโปรด ที่เมื่อได้กลิ่นแล้วจะทำให้เกิดความผ่อนคลาย หายจากอาการเครียด โดยเฉพาะกลิ่นลาเวนเดอร์มีผลกับผู้ป่วยไมเกรนเป็นอย่างมาก เนื่องจาก น้ำมันหอมระเหยหรือน้ำหอมกลิ่นลาเวนเดอร์ คืออีกหนึ่งทางเลือกในการบรรเทาความเครียด และอาการปวดศีรษะ โดยการสูดดมน้ำมันหอมระเหยหรือน้ำหอมกลิ่นลาเวนเดอร์สามารถลดความรุนแรงของอาการปวดศีรษะไมเกรนในผู้ป่วยบางรายได้ แต่บางรายก็ไม่ได้ผล
  3. รับประทานขิง การรับประทานขิงสามารถลดอาการปวดไมเกรนได้ถึง 60% เนื่องจากขิงมีฤทธิ์ในการลดกระบวนการอักเสบ ลดอาการปวดในร่างกาย อีกทั้งขิงยังมีสรรพคุณในการแก้คลื่นไส้ อาเจียน เวียนหัว ถือว่าขิงเป็นสมุนไพรที่มีประโยชน์กับผู้ป่วยไมเกรนมาก เนื่องจากอาการดังกล่าวเป็นอาการนำก่อนที่จะมีอาการปวดไมเกรน จึงถือได้ว่าขิงเป็นอีกหนึ่งสมุนไพรทางเลือกสำหรับผู้ป่วยไมเกรน
  4. เล่นโยคะ โยคะสามารถแก้อาการปวดหัวไมเกรนได้เนื่องจากโยคะเป็นศาสตร์ของการออกกำลังกายที่ช่วยทั้งเรื่องกายภาพและจิตใจ หลายคนใช้โยคะสำหรับการฝึกทำสมาธิ กำหนดลมหายใจ โยคะสามารถช่วยลดความเครียด ความวิตกกังวล และภาวะซึมเศร้า ท่าบริหารแก้ปวดไมเกรนของโยคะจึงเป็นสามารถช่วยบรรเทาอาการไมเกรนได้

การนวดกดจุดแก้ปวดไมเกรน

ข้อสรุป

หากใครมีอาการหิวบ่อย หิวไม่เป็นเวลา หิวมากผิดปกติ หิวจนทนไม่ไหว ร่วมกับอาการปวดหัว คลื่นไส้ อาเจียน อ่อนแรง ก็สามารถสันนิษฐานได้เลยว่าอาจเกิดจากอาการไมเกรน
หากพบว่าตนเองหรือคนใกล้ตัวมีอาการวิงเวียนศีรษะ บ้านหมุน คลื่นไส้ หรืออาเจียนควรปฏิบัติตามแนวทางการรักษา ยิ่งถ้ามีอาการเวียนหัวรุนแรง อาจจะต้องปรึกษาแพทย์ เพื่อวินิจฉัยหาสาเหตุที่แท้จริง และทำการรักษาได้อย่างตรงจุด
ซึ่งหากใครกำลังมองหาที่รักษาก็สามารถแอดไลน์ @ayaclinic หรือโทรเบอร์ 090–970-0447 เพื่อปรึกษา ขอคำแนะนำ หรือจองคิวฉีดโบท็อกไมเกรน เพื่อลดอาการไมเกรน เวียนหัวและปวดหัวรูปแบบต่าง ๆ กับทางแพทย์ผู้เชี่ยวชาญของ BTX Migraine Center ศูนย์รักษาไมเกรนเฉพาะทางที่ปลอดภัยและทันสมัยได้ทันที

แอดไลน์

เอกสารอ้างอิง 

https://www.webmd.com/migraines-headaches/migraine-yoga