Red flag sign ปวดหัวรุนแรง สัญญาณอันตรายรีบพบแพทย์

Red flagร่างกายของเรามีกลไกในการส่งสัญญาณเตือนภัยเมื่อมีสิ่งผิดปกติเกิดขึ้นภายใน หรือที่เรียกว่า red flag แม้ว่าบางครั้งเราอาจจะไม่ทันสังเกต หรือละเลยไป แต่การรู้จักสังเกตสัญญาณเหล่านี้ ถือเป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยให้เราได้รับการรักษาอย่างทันท่วงที ก่อนที่อาการจะลุกลามจนสายเกินไป ไม่ว่าจะเป็น น้ำหนักลดโดยไม่ทราบสาเหตุ ไข้สูงนานเกิน 3 วัน เจ็บหน้าอก แน่นหน้าอก เป็นต้น เนื่องจากโรคหลายชนิดมักจะไม่แสดงอาการในช่วงแรก การสังเกตสัญญาณอันตรายเหล่านี้จึงมีความสำคัญอย่างยิ่ง รวมไปถึงอาการเกี่ยวกับระบบประสาทและสมองด้วย หากใครที่มีปัญหาปวดหัวรุนแรง ปวดหัวเฉียบพลัน อาจเป็น red flag ของโรคร้ายบางอย่างได้เช่นกัน

สารบัญบทความ

สัญญาณอันตรายของอาการปวดหัว (Red Flag in Headache)

อาการปวดหัวแบบ Red Flag

อาการปวดหัวสามารถเกิดขึ้นได้กับทุกคน โดยส่วนใหญ่มักเกิดจากความเครียด พักผ่อนไม่เพียงพอ หรือมีไข้ ซึ่งมักไม่ร้ายแรงและหายได้เองภายใน 1-2 วัน แต่อาการปวดหัวที่ไม่เคยเป็นมาก่อน อาจส่งสัญญาณอันตรายเพื่อเตือนเราได้ โดยเบื้องต้นแล้ว อาการที่เป็นสัญญาณเตือนของอาการปวดหัว (Red Flag in Headache) ได้แก่

  • ปวดหัวรุนแรงเฉียบพลัน (Thunderclap Headache) อาการปวดหัวแบบนี้เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว รุนแรง และอาจมาพร้อมกับอาการอื่น ๆ เช่น อาเจียน ชา หรือการทรงตัวผิดปกติ อาจเป็นสัญญาณของภาวะเลือดออกในสมอง เส้นเลือดในสมองโป่งพอง หรือการติดเชื้อในสมอง
  • อาการปวดหัวที่ไม่เคยเป็นมาก่อน หากคุณมีอาการปวดหัวที่รุนแรงที่สุด และไม่เคยเป็นมาก่อน อาจเป็นสัญญาณของอาการปวดศีรษะจากโรคร้ายแรง เช่น เนื้องอกในสมอง
  • อาการปวดหัวที่รุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ หากอาการปวดหัวของคุณรุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ แม้จะได้รับยาแก้ปวดแล้ว อาจเป็นสัญญาณของอาการปวดศีรษะจากโรคร้ายแรงได้
  • อาการปวดหัวร่วมกับอาการทางระบบประสาท หากคุณมีอาการปวดหัวร่วมกับอาการทางระบบประสาท เช่น ชา อ่อนแรง พูดไม่ชัด หรือตาพร่ามัว อาจเป็นสัญญาณของโรคทางระบบประสาท เช่น เส้นเลือดในสมองตีบ
  • อาการปวดหัวที่รุนแรงขึ้นเมื่อเปลี่ยนท่าทาง หากอาการปวดหัวของคุณรุนแรงขึ้นเมื่อเปลี่ยนท่าทาง เช่น ก้มตัว หรือไอ อาจเป็นสัญญาณของอาการปวดศีรษะจากความดันโลหิตสูง
  • อาการปวดหัวที่ไม่ตอบสนองต่อยาแก้ปวด หากคุณมีอาการปวดหัวที่ไม่ตอบสนองต่อยาแก้ปวด อาจเป็นสัญญาณของอาการปวดศีรษะจากโรคร้ายแรง หรืออาจเป็นไมเกรนรุนแรงได้

ประเภทของการปวดหัว

สาเหตุของอาการปวดหัวรุนแรงสามารถแบ่งออกได้เป็น 2 ประเภทใหญ่ ๆ ได้แก่ ปวดหัวปฐมภูมิ และ ปวดหัวทุติยภูมิ ซึ่งมีรายละเอียดดังนี้

ปวดหัวแบบปฐมภูมิ

ปวดหัวแบบปฐมภูมิ เป็นอาการปวดศีรษะที่ไม่จัดอยู่ในประเภทอันตราย และไม่ได้มีสาเหตุมาจากโรคอื่น โดยปกติแล้วอาการปวดหัวแบบปฐมภูมิจะมีอยู่หลายภาวะ ได้แก่ ไมเกรน, อาการปวดหัวคลัสเตอร์, และอาการปวดหัวแบบความเครียดสะสม ซึ่งเป็นอาการปวดหัวที่พบได้บ่อยที่สุด มักจะมีอาการปวดรัดแน่นทั่วทั้งศีรษะ คล้ายกับมีอะไรมาบีบรัด

ปวดหัวแบบทุติยภูมิ

ปวดหัวแบบทุติยภูมิ เป็นอาการปวดหัวที่เกิดจากความผิดปกติของสมองหรือโครงสร้างของกะโหลกศีรษะ ซึ่งมีความอันตรายมากกว่าอาการปวดหัวแบบปฐมภูมิ โดยอาการที่รุนแรงมักเกิดจากโรคใดโรคหนึ่ง ส่งผลให้เกิดอาการปวดหัว เช่น หลอดเลือดในสมองตีบ หรือโรคหลอดเลือดในสมองแตก เป็นต้น

โรคของอาการปวดหัวที่พบบ่อย

Headache

โดยอาการของโรคปวดศีรษะที่พบบ่อย ได้แก่

  • ปวดศีรษะแบบไมเกรน (Migraine headache) : ปวดบริเวณข้างศีรษะเพียงข้างเดียว ปวดหัวตุ้บ ๆ อาจมีอาการคลื่นไส้ อาเจียน ร่วมด้วย ลักษณะการปวดมักทำให้เกิดอาการปวดศีรษะรุนแรงปานกลางถึงรุนแรงมาก
  • ปวดศีรษะแบบคลัสเตอร์ (Cluster headache) : ปวดบริเวณรอบดวงตาหรือขมับ รุนแรงมาก มักมีอาการตาแดง น้ำตาไหล ร่วมด้วย โดยอาการปวดศีรษะมักมีอาการปวดที่รุนแรงจนทำให้ผู้ป่วยกระสับกระส่าย มักเกิดทันที ระยะเวลาที่ปวดประมาณ 15 นาทีถึง 3 ชั่วโมง
  • ปวดศีรษะแบบเทนชั่น (Chronic daily headache) : ป็นโรคปวดศีรษะที่พบได้บ่อยที่สุด มักเกิดกับบุคคลซึ่งมีความเครียด เหนื่อย ทำงานหนัก ลักษณะการปวดมักเป็นแบบแน่นๆ หรือ รัดทั้งสองข้างของศีรษะและต้นคอ

อาการปวดหัวรุนแรงที่มีสาเหตุมาจากโรคอื่น

อาการปวดหัวเป็นอาการที่พบได้บ่อย ซึ่งส่วนใหญ่เป็นอาการปวดที่ไม่รุนแรงและหายเองได้ภายในเวลาไม่นาน แต่บางครั้ง อาการปวดหัวรุนแรงอาจเป็นสัญญาณของโรคที่ร้ายแรงได้ โดยโรคที่พบได้ในผู้ที่มีอาการปวดหัวรุนแรง แบ่งได้เป็น 2 ประเภท ดังนี้  

  • โรคเกี่ยวกับเส้นเลือดในสมอง
  • โรคอื่นๆ
    • เยื่อหุ้มสมองอักเสบ  
    • เนื้องอกในสมอง   
    • ภาวะขาดน้ำ   
    • ภาวะติดเชื้อ  
    • ภาวะน้ำตาลในเลือดสูง
    • ภาวะความดันโลหิตสูง

สัญญาณปวดหัวแบบใดต้องรีบไปพบแพทย์

หากคุณมีอาการปวดหัวรุนแรง ควรรีบไปพบแพทย์ทันที โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากคุณมีอาการดังต่อไปนี้

  • ปวดหัวรุนแรงที่สุดในชีวิต ไม่เคยเป็นมาก่อน ซึ่งอาจเกิดจากเลือดออกในชั้นเยื่อหุ้มสมอง
  • ปวดหัวร่วมกับมีไข้สูง คลื่นไส้ อาเจียน คอแข็งจนก้มไม่ลง หรือมีอาการซึม
  • ปวดหัวร่วมกับอาการชา อ่อนแรง พูดไม่ชัด หรือตาพร่ามัว
  • ปวดหัวรุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ มีลักษณะเป็นการปวดหัวแบบเรื้อรัง
  • ปวดหัวร่วมกับมีหนองไหลออกจากหู ซึ่งอาจเกิดฝีในสมอง
  • มีอาการปวดหัวรุนแรงหลังจากการบาดเจ็บที่ศีรษะ
  • มีอาการปวดหัวรุนแรงร่วมกับการมองเห็นภาพซ้อน
  • มีอาการปวดหัวรุนแรงเป็นประจำ และไม่สามารถควบคุมด้วยยาแก้ปวดทั่วไป

มีอาการปวดหัวรุนแรงจำเป็นต้อง ตรวจเอกซเรย์คอมพิวเตอร์ หรือเอมอาร์ไอสมองไหม ?

CT Scan

การตรวจเอกซเรย์คอมพิวเตอร์ (CT scan) และ เอมอาร์ไอ (MRI) สมอง เป็นการตรวจวินิจฉัยทางรังสีวิทยา ที่ใช้ในการตรวจสอบความผิดปกติในสมอง โดยมีรายละเอียดดังนี้

  • การตรวจเอกซเรย์คอมพิวเตอร์ (CT scan) สมอง

เป็นการตรวจที่รวดเร็ว และสะดวก สามารถตรวจหาความผิดปกติของเนื้อสมอง เลือดออกในสมอง หรือกระดูกกะโหลกศีรษะได้ เหมาะสำหรับผู้ป่วยที่มีอาการปวดหัวรุนแรง กะทันหัน ปวดหัวรุนแรงเฉียบพลัน หรือมีอาการทางระบบประสาท

  • การตรวจ เอมอาร์ไอ (MRI) สมอง

เป็นการตรวจที่ละเอียดกว่า CT scan สามารถตรวจหาความผิดปกติที่ CT scan ตรวจไม่พบ เช่น เนื้องอกในสมอง เส้นเลือดในสมองตีบ หรืออักเสบ เหมาะสำหรับผู้ป่วยที่มีอาการปวดหัวแบบเรื้อรัง หรือมีอาการทางระบบประสาทอื่น ๆ ร่วมด้วย

ดังนั้น หากมีอาการปวดหัวรุนแรง การตรวจเอกซเรย์สมอง เพื่อหาความผิดปกติภายในสมองเพื่อการรักษาที่ถูกต้อง

ข้อสรุป

การดูแลสุขภาพเป็นสิ่งสำคัญ การสังเกตสัญญาณเตือนภัยจากร่างกายของเรา และรีบพบแพทย์เมื่อพบว่ามีอาการผิดปกติ จะช่วยให้เราสามารถรับการรักษาอย่างทันท่วงที และป้องกันไม่ให้โรคร้ายแรงลุกลามจนสายเกินไป หากท่านมีอาการปวดหัวรุนแรง และต้องการตรวจเอมอาร์ไอ (MRI) สามารถติดต่อเข้ามาได้ที่  BTX Migraine Center ศูนย์รักษาไมเกรนและอาการปวดหัวเรื้อรังที่มีเครื่องมือและอุปกรณ์การแพทย์สำหรับการตรวจไมเกรนโดยเฉพาะ หรือผู้ที่กังวลต้องการตรวจเช็กภายในสมอง ทางศูนย์มีบริการส่งคนไข้เพื่อทำการตรวจอย่างละเอียด

สามารถแอดไลน์ @ayaclinic หรือโทรเบอร์  090–970-0447 เพื่อปรึกษา ขอคำแนะนำ หรือจองคิวการรักษาในรูปแบบต่าง ๆ กับทางแพทย์ผู้เชี่ยวชาญของ BTX Migraine Center ศูนย์รักษาไมเกรนเฉพาะทางที่ปลอดภัยและทันสมัยได้ทันที

 

เอกสารอ้างอิง

http://neurothai.org/content.php?id=495