รู้จักยากลุ่ม CGRP ตัวช่วยป้องกันไมเกรนระยะยาวที่ได้ผลจริง

ยาป้องกัน CGRPช่วงหลังๆ มานี้ วงการแพทย์มีการพูดถึงยากลุ่ม CGRP (CGRP monoclonal antibodies) กันมากขึ้น เพราะมันถูกพัฒนามาเพื่อใช้ป้องกันไมเกรนโดยเฉพาะ ไม่ใช่แค่รักษาเวลาปวดเท่านั้น จุดเด่นคือออกฤทธิ์นาน ใช้เดือนละครั้ง และหลายคนที่ลองแล้วบอกว่าชีวิตดีขึ้นจริงแบบเห็นได้ชัด

บทความนี้จะพาไปทำความรู้จักกับยา CGRP แบบเข้าใจง่าย ว่าอะไรทำให้มันกลายเป็นแนวทางการรักษาที่นิยมมากสำหรับคนที่ปวดไมเกรนเรื้อรัง พร้อมวิธีดูแลตัวเองเสริมแบบไลฟ์สไตล์สายเฮลท์ตี้ที่ทำได้ทุกวัน ใครไม่อยากทนกับอาการปวดซ้ำๆ เดิมๆ รีบเซฟด่วน

สารบัญบทความ

CGRP คืออะไร?

CGRP ย่อมาจากชื่อเต็มๆ ว่า Calcitonin Gene-Related Peptide ฟังดูอาจเหมือนศัพท์ลับในห้องแล็บ แต่จริงๆ แล้วมันคือ “โปรตีนสื่อประสาท” ที่อยู่ในร่างกายของเรา ซึ่งมีบทบาทสำคัญกับการเกิดไมเกรน เพราะเวลาเส้นเลือดในสมองขยายตัว CGRP จะถูกปล่อยออกมา แล้วทำให้เกิดการอักเสบ นำไปสู่อาการปวดหัวไมเกรนที่หลายคนคุ้นเคยกันดี พูดง่ายๆ CGRP คือหนึ่งในตัวการหลักที่ทำให้ไมเกรนบุก เพราะมันทำให้เส้นเลือดไวต่อสิ่งกระตุ้นมากขึ้น และขยายตัวจนเกิดอาการปวดตุบๆ นั่นเอง

พอรู้แบบนี้ เลยมีการพัฒนายาต้าน CGRP ขึ้นมา เพื่อล็อกไม่ให้โปรตีนตัวนี้ทำงานเกินเหตุ ซึ่งต่างจากยาแก้ปวดทั่วไปตรงที่ไม่ได้แค่บรรเทาเมื่ออาการมา แต่เป็นการป้องกันไมเกรนตั้งแต่ต้นทางไปเลย

สารCGRPยากลุ่ม CGRP คืออะไร?

ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ยากลุ่ม CGRP กลายเป็นความหวังใหม่ของคนที่ปวดไมเกรนเรื้อรัง เพราะมันไม่ได้แค่ช่วยลดอาการตอนปวด แต่เน้นป้องกันไม่ให้ไมเกรนเกิดขึ้นตั้งแต่แรกเลย ซึ่งถือเป็นแนวทางใหม่ที่ต่างจากการกินยาแก้ปวดซ้ำๆ แบบเดิม

กลุ่ม CGRP มี 2 ประเภทหลักๆ ที่ถูกนำมาใช้ในการรักษาไมเกรนเรื้อรัง ได้แก่ Gepants และ Anti-CGRP mAbs ซึ่งแต่ละแบบมีจุดเด่นต่างกัน มาดูกันเลยว่าแบบไหนทำงานยังไงบ้าง

CGRP Receptor Antagonists (Gepants)

CGRP Receptor Antagonists (Gepants) เป็นยาชนิดเม็ดที่กินเข้าไปแล้วออกฤทธิ์ไปที่ตัวรับสัญญาณของ CGRP ทำหน้าที่เหมือนบล็อกไม่ให้สาร CGRP มาสั่งงาน เมื่อไม่มีสัญญาณส่งต่อ ความเจ็บปวดก็ไม่เกิดขึ้น หรืออย่างน้อยก็ลดระดับลงได้มาก

Gepants เหมาะกับคนที่มีอาการปวดหัวไมเกรนไม่บ่อยหรือมีรอบเดือนละไม่กี่ครั้ง และยังไม่อยากเริ่มฉีดยาอะไรที่จริงจังเกินไป เพราะกลุ่มนี้ใช้แบบกินเฉพาะตอนเริ่มมีอาการ หรือในบางตัวก็สามารถใช้แบบป้องกันทุกวันได้ด้วย ข้อดีคือกินง่าย ไม่ต้องฉีด และบางตัวก็ไม่มีผลต่อหลอดเลือดแบบยากลุ่มเก่าๆ (อย่าง Triptans) ทำให้เหมาะกับคนที่มีโรคประจำตัว เช่น ความดันหรือโรคหัวใจ

CGRP Monoclonal Antibodies (Anti-CGRP mAbs)

CGRP Monoclonal Antibodies (Anti-CGRP mAbs) มาในรูปแบบของยาฉีดป้องกันไมเกรนที่ออกฤทธิ์ยาว โดยมักฉีดเดือนละครั้งหรือสองสามเดือนครั้งแล้วแต่ตัวยา จุดเด่นคือไม่ได้ออกฤทธิ์ทันทีตอนปวด แต่เป็นการกันไว้ก่อน เหมาะกับคนที่มีอาการปวดหัวไมเกรนบ่อยๆ จนใช้ชีวิตลำบาก เช่น ปวดมากกว่า 4 วันต่อเดือน หรือใช้ยาแก้ปวดบ่อยจนเริ่มดื้อยา Anti-CGRP mAbs จะเข้าไปดักจับตัว CGRP หรือ receptor โดยตรง ป้องกันไม่ให้มันทำงานเลยตั้งแต่ต้น ซึ่งช่วยลดความถี่และความรุนแรงของอาการไมเกรนได้ชัดเจน

รักษาด้วยปากกาฉีดพุงกลไกการทำงานของยากลุ่ม CGRP

ก่อนอื่น ลองนึกถึงอาการปวดหัวไมเกรนให้เหมือนระเบิดเวลา ที่มักจะเริ่มจากความไวของเส้นเลือดในสมอง พอเจอปัจจัยกระตุ้น เช่น ความเครียด นอนไม่พอ หรือแสงจ้า ร่างกายก็จะปล่อยสารที่ชื่อว่า CGRP ออกมา สารตัวนี้จะไปทำให้เส้นเลือดขยายตัวมากขึ้น เกิดการอักเสบ และส่งสัญญาณความเจ็บปวดขึ้นสมอง จนเกิดเป็นอาการปวดตุบๆ ซึ่งนั่นก็คือไมเกรน

แล้วยากลุ่ม CGRP ทำงานยังไง?

ยากลุ่ม CGRP จะเข้าไปบล็อกวงจรที่ CGRP ใช้ในการส่งสัญญาณ ไม่ว่าจะเป็นการจับกับตัว CGRP โดยตรงหรือบล็อกที่ตัวรับ (Receptor) ที่ CGRP จะมาเกาะ พอระบบนี้ถูกปิดกั้นก็เหมือนตัดไฟตั้งแต่ต้นลม ไม่ให้กระบวนการจุดชนวนไมเกรนเริ่มทำงาน ผลลัพธ์คือ อาการไมเกรนเกิดน้อยลง ความถี่ในการปวดลดลง และคุณภาพชีวิตก็ดีขึ้นแบบที่หลายคนบอกว่าการฉีดยาไมเกรนเห็นผลกว่าการรักษาด้วยวิธีอื่นๆ 

ข้อดีของการใช้ยากลุ่ม CGRP ป้องกันไมเกรน

หลายคนอาจสงสัยว่ายากลุ่ม CGRP ที่เน้นป้องกันไมเกรนตั้งแต่ต้นทางมันดีกว่ายาแก้ปวดทั่วไปยังไง? มาดูข้อดีแบบชัดๆ กันเลยดีกว่า

  • ลดความถี่ของอาการปวดหัวไมเกรนได้จริง จากที่เคยปวดหัวเดือนละหลายวัน บางคนใช้แล้วเหลือแค่เดือนละ 1–2 วัน หรือหายไปเป็นเดือนๆ ก็มี
  • ไม่ต้องรอให้ปวดก่อนถึงจะกินยา เพราะยากลุ่มนี้ออกแบบมาเพื่อป้องกัน ไม่ใช่รอให้ปวดแล้วค่อยรักษา
  • ใช้ชีวิตได้ปกติมากขึ้น ไม่ต้องคอยนับวัน นับยา หรือกลัวว่าไมเกรนจะโผล่มาตอนเวลาสำคัญ
  • ลดการใช้ยาแก้ปวดซ้ำๆ เพราะเมื่อไมเกรนมาน้อยลงก็ไม่ต้องพึ่งยาแก้ปวดบ่อยๆ ซึ่งช่วยลดโอกาสดื้อยาหรือผลข้างเคียงจากการใช้ยามากเกินไป
  • ออกฤทธิ์นาน ใช้งานสะดวก สำหรับกลุ่มยาฉีดป้องกันไมเกรน (Anti-CGRP mAbs) บางตัวแค่ฉีดเดือนละครั้ง หรือ 3 เดือนครั้งเท่านั้น ไม่ต้องกินยาทุกวัน
  • เหมาะกับคนที่ใช้ยาเดิมแล้วไม่ได้ผล โดยเฉพาะคนที่เคยลองยาแก้ปวดหรือยาป้องกันแบบเดิมมาแล้วไม่ค่อยเวิร์ก ยากลุ่มนี้อาจเป็นอีกทางเลือกที่ช่วยได้จริง
  • ไม่กระทบกับระบบหัวใจหรือหลอดเลือด ต่างจากยากลุ่ม Triptans ที่บางคนใช้ไม่ได้ ยากลุ่ม CGRP ปลอดภัยกว่าในคนที่มีโรคประจำตัวบางอย่าง

ใครเหมาะกับการใช้ยากลุ่ม CGRP?

  • คนที่ปวดไมเกรนบ่อยจนกระทบชีวิตประจำวันจนทำอะไรไม่ไหว บางครั้งถึงขั้นต้องหยุดงานหรือหยุดกิจกรรมที่ทำอยู่ทันที
  • สาย Work hard, Play hard ที่ไม่อยากให้ไมเกรนมาขัดจังหวะการใช้ชีวิต มีสิ่งที่ต้องทำตลอด
  • คนที่ลองยาไมเกรนแบบเดิมแล้วไม่ได้ผล ไม่ว่าจะเป็นยาแก้ปวดทั่วไปหรือยากลุ่มทริปแทน
  • คนที่มีอาการข้างเคียงจากยาตัวอื่น บางคนใช้ยาไมเกรนแล้วเวียนหัว คลื่นไส้ หรือใจสั่นบ่อยๆ ยากลุ่ม CGRP อาจช่วยให้รู้สึกเบากว่า
  • คนที่อยากกันไว้ก่อนมากกว่าแก้ตอนปวด เพราะยากลุ่ม CGRP มีทั้งแบบที่ใช้ตอนปวด กับแบบยาฉีดป้องกันไมเกรน เหมาะกับคนที่อยากควบคุมอาการระยะยาว

ผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้น

แม้ยากลุ่ม CGRP จะค่อนข้างปลอดภัยและมีผลข้างเคียงน้อยกว่ายากลุ่มเก่าๆ แต่ก็ยังมีบางอาการที่ควรรู้ไว้ก่อนเริ่มใช้นะคะ เพราะแต่ละคนตอบสนองต่อยาไม่เหมือนกัน มาดูกันว่าอาการที่อาจเจอมีอะไรบ้าง

  • ปวดท้อง ท้องผูก หรือท้องเสีย : ระบบย่อยอาจมีงอแงบ้าง โดยเฉพาะในช่วงเริ่มใช้ แต่ส่วนใหญ่จะค่อยๆ ดีขึ้นเมื่อร่างกายปรับตัวได้
  • คลื่นไส้ : บางคนอาจรู้สึกพะอืดพะอมเล็กน้อยหลังใช้ยา โดยเฉพาะกับยาชนิดรับประทาน
  • เหนื่อย เพลียง่าย : ร่างกายอาจรู้สึกล้าๆ ในช่วงแรก ซึ่งมักเกิดไม่บ่อย และอาการจะดีขึ้นเมื่อใช้อย่างต่อเนื่อง
  • ผื่น หรืออาการแพ้ทางผิวหนังเล็กน้อย : พบได้น้อย แต่ถ้าใครแพ้ง่ายควรสังเกตอาการหลังใช้ครั้งแรกไว้ด้วย
  • เจ็บหรือบวมตรงจุดฉีด (สำหรับยาฉีด) : เป็นอาการชั่วคราวจากเข็มฉีดยา ไม่ได้อันตราย แต่ถ้าเจ็บนานผิดปกติ ควรแจ้งคุณหมอ
  • มีอาการคัดจมูก หรือเหมือนเป็นหวัดเล็กๆ : บางคนอาจมีอาการคล้ายภูมิแพ้เล็กๆ หลังใช้ยา โดยเฉพาะในกลุ่มยาใหม่ๆ ที่เพิ่งเริ่มใช้

เปรียบเทียบ CGRP กับวิธีรักษาไมเกรนแบบเดิม

การรักษาไมเกรนเรื้อรังในปัจจุบันมีหลายวิธี และแต่ละแบบก็มีจุดเด่นและข้อจำกัดของตัวเอง มาดูกันว่ายากลุ่ม CGRP เมื่อเทียบกับตัวเลือกยอดฮิตอื่นๆ แล้วเป็นยังไงบ้าง จะได้เลือกให้เหมาะกับไลฟ์สไตล์และอาการของเราเองค่ะ

CGRP mAbs

จุดเด่น

  • ออกฤทธิ์เฉพาะเจาะจงกับระบบไมเกรนโดยไม่กระทบระบบอื่น
  • ใช้ง่าย ไม่ต้องกินยาเม็ดทุกวัน แค่ฉีดเดือนละครั้งหรือ 3 เดือนครั้ง
  • เหมาะกับคนที่ใช้ยาตัวอื่นแล้วไม่ได้ผล

ข้อจำกัด

  • การใช้ยาฉีดรักษาไมเกรนราคาค่อนข้างสูง
  • ต้องฉีด (บางคนอาจกลัวเข็ม)
  • ยังไม่มีจำหน่ายครบทุกตัวในไทย ต้องนำเข้าบางยี่ห้อ

ยาต้านซึมเศร้า/ยากันชัก

จุดเด่น

  • ราคาไม่แรง หาซื้อง่าย
  • แพทย์มักแนะนำเป็นตัวเลือกแรกๆ สำหรับการป้องกันไมเกรน
  • เหมาะกับคนที่มีอาการร่วม เช่น นอนไม่หลับ วิตกกังวล ฯลฯ

ข้อจำกัด

  • ไม่ได้ออกฤทธิ์เฉพาะกับไมเกรน อาจมีผลกับระบบประสาทส่วนอื่น
  • ต้องกินทุกวันและอาจมีผลข้างเคียง เช่น ง่วง หิว หรืออารมณ์แกว่ง
  • บางรายใช้ไปแล้วไม่ได้ผล ต้องเปลี่ยนยาบ่อย

โบท็อกไมเกรน

จุดเด่น

  • ช่วยลดความถี่ไมเกรนได้ดีในผู้ที่มีไมเกรนเรื้อรัง
  • ผลอยู่ได้นาน 3 เดือนต่อครั้ง
  • ได้ผลดีในบางกลุ่ม และช่วยให้ผ่อนคลายกล้ามเนื้อด้วย

ข้อจำกัด

  • ต้องฉีดหลายจุด (บริเวณศีรษะ-ต้นคอ)
  • ราคาค่อนข้างสูง และต้องทำกับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ
  • เห็นผลชัดในกลุ่มไมเกรนเรื้อรังมากกว่าไมเกรนทั่วไป

ยาแก้ปวดทั่วไป

จุดเด่น

  • หาซื้อง่าย ใช้ได้ทันทีเมื่อมีอาการ
  • บางตัวออกฤทธิ์เร็ว ช่วยให้อาการดีขึ้นในไม่กี่ชั่วโมง
  • ราคาย่อมเยาและมีให้เลือกหลายแบบ

ข้อจำกัด

  • แก้เฉพาะตอนปวด ไม่ได้ช่วยป้องกันระยะยาว
  • ถ้าใช้บ่อยเกินไป อาจทำให้เกิด อาการปวดหัวจากการใช้ยาเกินขนาด (medication overuse headache)
  • บางกลุ่มใช้ Triptans ไม่ได้ หากมีปัญหาเกี่ยวกับหัวใจหรือหลอดเลือด

รักษาไมเกรนคำแนะนำก่อนเริ่มใช้ยากลุ่ม CGRP

แม้ยากลุ่ม CGRP จะเป็นตัวช่วยที่หลายคนพูดถึงว่าสะดวกและได้ผล แต่ก่อนจะเริ่มใช้ก็ควรมีเช็กลิสต์เล็กๆ น้อยๆ เพื่อให้แน่ใจว่ายาตัวนี้เหมาะกับเราจริงๆ และใช้อย่างปลอดภัยที่สุดค่ะ

  • คุยกับคุณหมอเรื่อง “รูปแบบไมเกรน” ของตัวเองก่อน

ไม่ใช่ว่าทุกคนจะเหมาะกับการใช้ยาฉีดรักษาไมเกรน บางคนอาจแค่ปวดเดือนละครั้งสองครั้ง ซึ่งยังไม่จำเป็นต้องใช้ยากลุ่มนี้ก็ได้

  • เช็กประวัติการใช้ยาเดิม

เช็กประวัติการใช้ยาเดิมดูว่าเคยลองใช้ยากลุ่มอื่นมาแล้วไม่ได้ผลหรือไม่ หรือมีผลข้างเคียงเยอะเกินไปหรือเปล่า เพราะยากลุ่ม CGRP มักใช้ในคนที่รักษาด้วยวิธีเดิมแล้วไม่เวิร์ก

  • ประเมินความถี่ของไมเกรน

ถ้าปวดบ่อยเกิน 4-8 วัน/เดือน หรือเป็นไมเกรนเรื้อรัง (มากกว่า 15 วัน/เดือน) ยากลุ่มนี้อาจช่วยเปลี่ยนชีวิตได้จริง

  • สำรวจว่าโอเคกับการ “ฉีด” หรือ “กินยา” มากกว่ากัน

เพราะยากลุ่ม CGRP มีทั้งแบบกิน (gepants) และแบบฉีดยาไมเกรน (mAbs) บางคนกลัวเข็ม บางคนไม่อยากกินยาทุกวัน สามารถเลือกได้ตามสะดวกเลย

  • แจ้งแพทย์เกี่ยวกับโรคประจำตัวหรือยาที่ใช้อยู่

เพราะแม้ CGRP จะมีปฏิกิริยากับยาอื่นน้อย แต่เพื่อความชัวร์ ควรแจ้งข้อมูลทั้งหมด เช่น เป็นความดันสูง มีปัญหาเกี่ยวกับหัวใจ หลอดเลือด หรือใช้ยาคุมกำเนิดอยู่

ข้อสรุป

ไมเกรนเป็นปัญหาที่ส่งผลกับคุณภาพชีวิตของเราเป็นอย่างมาก ทั้งการทำงาน การนอน หรือแม้แต่กิจกรรมที่ต้องทำในแต่ละวัน การรู้จักทางเลือกใหม่อย่างยากลุ่ม CGRP ซึ่งช่วยป้องกันไมเกรนในระยะยาว จึงถือเป็นอีกหนึ่งทางออกที่น่าสนใจ โดยเฉพาะสำหรับคนที่ลองวิธีเดิมๆ แล้วไม่เวิร์ก ยานี้อาจไม่ได้เหมาะกับทุกคน แต่การมีข้อมูลที่ถูกต้องและครบถ้วนจะช่วยให้เราเลือกแนวทางที่ใช่และตรงกับไลฟ์สไตล์ของตัวเองมากที่สุดค่ะ

หากใครกำลังมองหาการดูแลแบบเฉพาะทางที่เข้าใจไมเกรนจริงๆ ลองปรึกษาที่ BTX Migraine Center ศูนย์เฉพาะทางสำหรับไมเกรนและอาการปวดหัวเรื้อรัง ที่มีทั้งเครื่องมือวินิจฉัยทันสมัยและทีมแพทย์ที่เชี่ยวชาญด้านนี้โดยเฉพาะ ไม่ว่าจะปวดหัวบ่อยแค่ไหนก็ไม่ต้องทนอีกต่อไป สามารถแอดไลน์ @ayaclinic หรือโทร 090–970–0447 เพื่อปรึกษาหรือจองคิวได้เลย รับรองว่าได้แนวทางการรักษาที่เหมาะกับคุณแบบไม่ต้องเดาเองอีกต่อไป

แอดไลน์