ภาวะโรคแทรกซ้อนในไมเกรน ความเสี่ยงที่ไม่ควรมองข้าม พร้อมแนวทางการดูแลรักษา
ไมเกรนเรื้อรังไม่ใช่แค่อาการปวดหัวธรรมดาอย่างที่หลายคนเข้าใจ และไม่ใช่เรื่องที่จะแค่กินยาแล้วปล่อยผ่านไปวันๆ เพราะถ้าปล่อยไว้นานหรือดูแลไม่ถูกวิธี ไมเกรนอาจพาเพื่อนใหม่ที่ไม่พึงประสงค์อย่างภาวะแทรกซ้อนในไมเกรนตามมาได้โดยไม่รู้ตัว หลายคนอาจเคยชินกับการปวดหัวเรื้อรังจากไมเกรนจนคิดว่าเป็นเรื่องปกติ แต่ในความจริงแล้วร่างกายอาจกำลังส่งสัญญาณเตือนบางอย่างที่สำคัญกว่านั้น และถ้าเราไม่รู้ทันหรือดูแลไม่ถูกจุด อาการที่คิดว่าเล็กน้อยอาจลุกลามกลายเป็นปัญหาสุขภาพระยะยาวได้เลยทีเดียว
บทความนี้จะพาไปดูว่าโรคที่เกิดจากไมเกรนมีอะไรบ้าง ทำไมถึงไม่ควรมองข้าม พร้อมแนะนำแนวทางการดูแลและป้องกันไมเกรนในแบบที่เข้าใจง่าย ใช้ได้จริงในชีวิตประจำวัน เพราะสุขภาพที่ดีเริ่มต้นจากความเข้าใจที่ถูกต้องค่ะ
สารบัญบทความ
- ไมเกรนคืออะไร และทำไมถึงเสี่ยงเกิดโรคแทรกซ้อน ?
- ภาวะแทรกซ้อนจากไมเกรนที่ควรระวัง
- ปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อนจากไมเกรน
- อาการที่ควรระวัง สัญญาณเตือนว่ากำลังเกิดภาวะแทรกซ้อน
- แนวทางการป้องกันและการรักษาภาวะแทรกซ้อนในไมเกรน
- ข้อสรุป
ไมเกรนคืออะไร และทำไมถึงเสี่ยงเกิดโรคแทรกซ้อน ?
ไมเกรน คืออาการปวดหัวที่ไม่เหมือนกับการปวดหัวทั่วไป เพราะมันมาพร้อมกับความรุนแรงและอาการข้างเคียงอื่นๆ อย่างเช่น คลื่นไส้ แพ้แสง แพ้เสียง หรือเห็นภาพเบลอๆ ก่อนปวดหัวที่เรียกว่าออร่า ซึ่งอาการปวดหัวไมเกรนรุนแรงสามารถรบกวนชีวิตประจำวันได้แบบไม่ให้เราได้ตั้งตัวเลย
แม้จะดูเหมือนเป็นแค่โรคประจำตัวของคนที่ทำงานหนัก พักผ่อนน้อย แต่จริงๆ แล้วไมเกรนมีความซับซ้อนมากกว่านั้น เพราะมันเกี่ยวข้องกับการทำงานของสมองและระบบประสาทโดยตรง และถ้าปล่อยให้เป็นบ่อยๆ โดยไม่ดูแลอย่างถูกวิธี ก็อาจทำให้เราเป็นไมเกรนเรื้อรังและยังนำไปสู่ภาวะแทรกซ้อนในไมเกรนที่อันตรายกว่าที่คิด เช่น ภาวะหลอดเลือดสมองผิดปกติ อาการปวดหัวไมเกรนเรื้อรัง หรือแม้กระทั่งโรคซึมเศร้าและภาวะวิตกกังวลที่มักมาพร้อมกับไมเกรน
ผลข้างเคียงของไมเกรนเหล่านี้ ส่วนหนึ่งมาจากการที่หลายคนมองข้ามอาการ หรือพยายามทนเอาด้วยการกินยาแก้ปวดเฉยๆ โดยไม่หาสาเหตุที่แท้จริง ซึ่งในระยะยาวจะทำให้ระบบประสาทไวต่อการกระตุ้นมากขึ้นเรื่อยๆ จนกลายเป็นไมเกรนเรื้อรังที่จัดการได้ยากขึ้นทุกที ดังนั้น การทำความเข้าใจกับไมเกรนให้ชัดตั้งแต่ต้นไม่ใช่แค่ช่วยให้รับมือกับอาการได้ดีขึ้น แต่ยังช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดโรคแทรกซ้อนที่อาจเปลี่ยนชีวิตเราไปเลยก็ได้ค่ะ
ภาวะแทรกซ้อนจากไมเกรนที่ควรระวัง
ถ้าหากร่างกายสะสมความเครียดหรือกระตุ้นปัจจัยเดิมซ้ำๆ โดยไม่ดูแลให้ถูกทาง ไมเกรนสามารถนำไปสู่ภาวะแทรกซ้อนที่กระทบทั้งสุขภาพกายและใจได้แบบไม่ทันตั้งตัว มาดูกันว่าภาวะแทรกซ้อนในไมเกรนหรือโรคที่เกิดจากไมเกรนจะมีอะไรบ้าง
ไมเกรนชนิดเรื้อรัง (Chronic Migraine)
จากไมเกรนที่เคยมาเดือนละไม่กี่ครั้ง อาจกลายเป็นแขกประจำที่มาเยือนเกือบทุกวันจนนับไม่ไหว ซึ่งหากมีอาการของไมเกรนมากกว่า 15 วันต่อเดือน ติดต่อกันนานกว่า 3 เดือน ก็เข้าข่ายไมเกรนเรื้อรังแล้วค่ะ ซึ่งภาวะนี้ทำให้คุณภาพชีวิตแย่ลงอย่างเห็นได้ชัด ทั้งทำงานลำบาก หงุดหงิดง่าย และเหนื่อยล้าทางใจแบบสะสม
โรคซึมเศร้าและโรควิตกกังวล (Depression and Anxiety)
คนที่ปวดหัวไมเกรนรุนแรงบ่อยๆ มีความเสี่ยงในการเกิดภาวะซึมเศร้าหรือวิตกกังวลสูงกว่าคนทั่วไป โดยเฉพาะเมื่อรู้สึกว่าควบคุมร่างกายตัวเองไม่ได้ หรืออาการไม่ดีขึ้นแม้จะลองมาหลายวิธีแล้ว ความเครียดสะสมนี้สามารถดึงให้ใจเราดิ่งลงเรื่อยๆ แบบไม่รู้ตัว
โรคหลอดเลือดสมอง (Stroke)
แม้จะไม่ใช่เคสที่เจอบ่อยแต่ก็มีความเป็นไปได้ โดยเฉพาะในกลุ่มคนที่มีอาการไมเกรนชนิดมีออร่า (migraine with aura) บางคนอาจมีอาการคล้ายอัมพาตครึ่งซีก ชาแขนขา หรือพูดไม่ชัดชั่วคราว ซึ่งใกล้เคียงกับอาการของโรคหลอดเลือดสมอง ถ้าไม่รีบตรวจให้ชัดเจนก็อาจมองข้ามอันตรายตรงนี้ไปได้
ปวดศีรษะจากการใช้ยาเกิน (Medication Overuse Headache)
บางคนพอปวดไมเกรนก็รีบกินยาแก้ปวดทันที แบบกินทุกครั้งที่เริ่มปวด จนสุดท้ายกลายเป็นว่ายาที่กินเพื่อลดอาการกลับเป็นตัวกระตุ้นอาการแทน อาการนี้เรียกว่า “ปวดศีรษะจากการใช้ยาเกิน” ซึ่งรักษาได้ยากและต้องใช้เวลาในการถอนยาและปรับพฤติกรรมใหม่เลยทีเดียว
ความจำและสมาธิลดลง
การปวดหัวบ่อยๆ หรือปวดแบบหนักๆ ทำให้สมองล้าและฟังก์ชันบางอย่างเริ่มรวน เช่น ความจำสั้นลง คิดอะไรไม่ออก สมาธิสั้น หลงลืมง่ายขึ้น โดยเฉพาะในช่วงที่ไมเกรนกำลังเล่นงานหนักๆ ซึ่งถ้าไม่ได้พักหรือฟื้นฟูสมองอย่างเหมาะสม อาการเหล่านี้อาจกลายเป็นปัญหาเรื้อรังได้เลยค่ะ

ปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อนจากไมเกรน
ไมเกรนเป็นโรคที่ควบคุมได้ แต่ถ้าควบคุมไม่ดีหรือดูแลไม่ถูกจุดก็อาจกลายเป็นชนวนให้เกิดภาวะแทรกซ้อนในไมเกรนนระยะยาวได้ หลายคนเริ่มต้นจากการปวดไมเกรนแบบเบาๆ แต่เมื่อปล่อยให้สะสมไปเรื่อยๆ จนกลายเป็นไมเกรนเรื้อรัง ก็ยิ่งเสี่ยงที่จะเจอปัญหาสุขภาพอื่นตามมา ลองมาดูกันว่ามีปัจจัยอะไรบ้างที่เป็นตัวเร่งให้ไมเกรนลุกลามจนยากจะควบคุม
การควบคุมไมเกรนไม่ดี
บางคนอาจรู้ตัวว่าเป็นไมเกรนแต่ไม่ได้จัดการกับมันอย่างจริงจัง เช่น ไม่สังเกตตัวกระตุ้น ไม่ปรับพฤติกรรม ไม่ไปพบแพทย์ หรือแม้แต่เลือกกินยาตามอารมณ์ ไม่รู้ว่าไมเกรนใช้ยาอะไร อาการไมเกรนที่ควรถูกควบคุมก็เลยค่อยๆ ดื้อยาและหนักขึ้นจนกลายเป็นไมเกรนเรื้อรัง ซึ่งเสี่ยงต่อภาวะแทรกซ้อนทั้งทางกายและใจแบบไม่รู้ตัว
การใช้ยาแก้ปวดเกินขนาด (Medication Overuse)
เรื่องนี้เป็นกับดักที่หลายคนไม่รู้ตัว โดยเฉพาะคนที่มียาแก้ปวดติดตัวไว้ตลอดและเลือกกินทุกครั้งที่ปวด ไม่ว่าจะปวดน้อยหรือมาก การใช้ยาซ้ำๆ บ่อยเกินไป จะทำให้สมองไวต่อความเจ็บปวดมากขึ้น จนเข้าสู่ภาวะปวดหัวจากการใช้ยาเกินได้ในที่สุด เป็นภาวะแทรกซ้อนในไมเกรนที่ถือว่าเป็นภัยเงียบเลยก็ว่าได้
ปัจจัยสุขภาพและพฤติกรรมเสี่ยง
ชีวิตประจำวันก็มีส่วนสำคัญมากในการกำหนดว่าคุณจะอยู่กับไมเกรนยังไง เช่น การนอนดึกเป็นประจำ พักผ่อนไม่เพียงพอ เครียดเรื้อรัง ดื่มแอลกอฮอล์ หรือแม้แต่การรับประทานอาหารไม่เป็นเวลา ล้วนเป็นตัวกระตุ้นไมเกรนได้ทั้งสิ้น ยิ่งถ้าไม่ได้ดูแลสุขภาพโดยรวม โอกาสที่ไมเกรนจะลุกลามเป็นปัญหาเรื้อรังก็ยิ่งสูงขึ้นแบบหลีกเลี่ยงได้ยาก
อาการที่ควรระวัง สัญญาณเตือนว่ากำลังเกิดภาวะแทรกซ้อน
บางครั้งไมเกรนก็ไม่ได้ส่งสัญญาณมาแบบตรงๆ เสมอไป แต่มีอาการบางอย่างที่ต้องคอยสังเกตให้ดี เพราะอาจเป็นสัญญาณเตือนว่ากำลังเกิดภาวะแทรกซ้อนในไมเกรน ซึ่งถ้าเจอแล้วอย่ารอให้หายเองหรือคิดว่าเดี๋ยวก็ดีขึ้น เพราะอาจทำให้ปัญหาเล็กๆ ลุกลามเป็นไมเกรนเรื้อรังหรือโรคอื่นที่อันตรายกว่าเดิมได้ มาดูกันว่าอาการแบบไหนบ้างที่ควรรีบเช็กให้ชัวร์
ปวดศีรษะรุนแรงผิดปกติ
ถ้าจู่ๆ มีอาการปวดหัวไมเกรนรุนแรงมากจนทนไม่ไหว หรือแตกต่างจากไมเกรนที่เคยเจอมา เช่น ปวดแบบจี๊ดๆ รัวๆ จนใช้ชีวิตไม่ได้เลย นี่อาจไม่ใช่ไมเกรนปกติ แต่เป็นสัญญาณของบางอย่างที่ร้ายแรงกว่า เช่น ภาวะหลอดเลือดสมองหรือการอักเสบในสมอง ซึ่งควรพบแพทย์โดยด่วน
แขนขาอ่อนแรง หรือรู้สึกชาบริเวณหนึ่งของร่างกาย
อาการชาหรืออ่อนแรงข้างใดข้างหนึ่งของร่างกาย ไม่ควรคิดว่าเป็นแค่เพราะนอนผิดท่า เพราะนี่อาจเป็นสัญญาณของไมเกรนแบบมีออร่าที่ส่งผลต่อระบบประสาท หรือร้ายแรงกว่านั้นคือภาวะคล้ายอัมพฤกษ์ ถ้าปล่อยไว้อาจลุกลามจนกลายเป็นไมเกรนเรื้อรังที่ควบคุมได้ยาก
พูดไม่ชัดหรือสับสน
ถ้าเคยจะพูดอะไรบางอย่างแต่กลับพูดผิด พูดซ้ำ หรือคิดคำง่ายๆ ไม่ออกเลย แล้วสิ่งเหล่านี้มาพร้อมกับอาการไมเกรน ต้องระวังให้ดี เพราะสมองอาจกำลังเจอภาวะแทรกซ้อนในไมเกรนที่เกี่ยวกับระบบประสาทหรือหลอดเลือด ซึ่งไม่ควรปล่อยผ่านเด็ดขาด
มองเห็นผิดปกติ เช่น เห็นภาพซ้อน เห็นแสงวาบ
อาการเห็นแสงวาบ เห็นจุดๆ หรือภาพซ้อน เป็นหนึ่งในอาการที่คนมีไมเกรนแบบมีออร่ามักเจอ แต่ถ้าอาการนี้เกิดบ่อยขึ้นหรือชัดขึ้นเรื่อยๆ ควรระวัง เพราะมันอาจกลายเป็นส่วนหนึ่งของไมเกรนเรื้อรังที่ส่งผลต่อการมองเห็นและการใช้ชีวิตประจำวันแบบระยะยาวได้
อาเจียนรุนแรงหรือเรื้อรัง
ถ้าเริ่มมีอาการคลื่นไส้ อาเจียนทุกครั้งที่ปวดไมเกรน แถมอาเจียนหนักจนกินอะไรแทบไม่ได้ หรือเป็นแบบนี้ต่อเนื่องเรื่อยๆ อย่ามองข้ามเด็ดขาด เพราะร่างกายอาจกำลังตอบสนองต่ออาการปวดหัวไมเกรนรุนแรงหรือมีบางอย่างที่ผิดปกติภายในสมองที่ควรรีบตรวจ
อาการปวดหัวที่ไม่ทุเลาหลังใช้ยาแก้ปวดทั่วไป
ถ้าเคยใช้ยาแล้วเอาอยู่ แต่ตอนนี้กินเท่าไหร่ก็ไม่หาย หรือยาที่เคยช่วยกลับไม่มีผลเลย นั่นอาจหมายความว่าไมเกรนเริ่มดื้อยา หรือคุณกำลังเข้าสู่ภาวะไมเกรนเรื้อรังที่ต้องการแนวทางการรักษาแบบเฉพาะทาง ไม่ใช่แค่กินยาแก้ปวดเหมือนเดิมอีกต่อไป

แนวทางการป้องกันและการรักษาภาวะแทรกซ้อนในไมเกรน
หากปล่อยให้อาการปวดหัวไมเกรนเป็นไปนานๆ โดยไม่จัดการให้ดี อาจนำไปสู่ภาวะแทรกซ้อนในไมเกรนที่ส่งผลกระทบทั้งต่อร่างกายและจิตใจแบบระยะยาว การป้องกันตั้งแต่เนิ่นๆ จึงสำคัญไม่น้อยไปกว่าการรักษา โดยเฉพาะสำหรับใครที่กำลังเผชิญกับไมเกรนเรื้อรัง นี่คือแนวทางที่ควรลองนำไปปรับใช้ค่ะ
การปรับเปลี่ยนพฤติกรรม
เริ่มต้นง่ายๆ ด้วยการสังเกตว่าอะไรเป็นตัวกระตุ้นไมเกรนของเรา เช่น การอดนอน แสงจ้า กลิ่นฉุน อาหารบางชนิด หรือความเครียด แล้วเลี่ยงสิ่งเหล่านั้นให้มากที่สุด นอกจากนี้ การนอนให้พอในเวลาเดิมทุกวัน กินอาหารให้ตรงเวลา ดื่มน้ำให้เพียงพอ และออกกำลังกายเบาๆ อย่างสม่ำเสมอ ก็ช่วยลดความถี่ของอาการและป้องกันภาวะแทรกซ้อนในไมเกรนได้ดีมาก
การใช้ยาอย่างเหมาะสม
หลายคนยังสงสัยว่าไมเกรนใช้ยาอะไรถึงจะเอาอยู่ คำตอบคือ ไม่ใช่แค่เรื่องของชนิดยาอย่างเดียว แต่เป็นเรื่องของการใช้ให้ถูกเวลาและถูกปริมาณด้วย การกินยาแก้ปวดทันทีที่เริ่มมีอาการจะช่วยให้ควบคุมไมเกรนได้ดีขึ้น สำหรับคนที่เป็นไมเกรนเรื้อรังอาจต้องใช้ยาในกลุ่มป้องกัน (preventive drugs) ร่วมด้วย เช่น ยากลุ่ม beta-blocker ยาต้านซึมเศร้า ยากันชัก หรือแม้แต่ยาชีววัตถุ (CGRP monoclonal antibodies) ที่ใช้ในกรณีที่ต้องรักษาไมเกรนเรื้อรังอย่างจริงจัง ซึ่งทั้งหมดนี้ควรอยู่ภายใต้คำแนะนำของแพทย์ ไม่ควรกินยาเองบ่อยๆ เพราะเสี่ยงทำให้ปวดหัวจากการใช้ยาเกินได้
การรักษาทางเลือกอื่นๆ
สำหรับบางคน ยาอาจไม่ใช่คำตอบเดียวในการรับมือกับไมเกรน โดยเฉพาะในเคสไมเกรนเรื้อรัง การรักษาทางเลือกจึงกลายเป็นอีกตัวช่วยที่น่าสนใจ เช่น การฉีดโบท็อกไมเกรน (Botulinum toxin type A) ซึ่งได้รับการรับรองว่าใช้ได้ในผู้ที่มีอาการไมเกรนมากกว่า 15 วันต่อเดือน ช่วยลดความถี่และความรุนแรงของการปวดหัวได้จริงๆ รวมถึงการฉีดยากลุ่มชีวภาพ (CGRP monoclonal antibody) ที่ออกฤทธิ์ยับยั้งการอักเสบในเส้นประสาทและหลอดเลือดสมอง ซึ่งเกี่ยวข้องกับการเกิดไมเกรนโดยตรง
และหากใครมองหาทางเลือกแบบไม่ใช้ยาเลย การฝังเข็มก็เป็นอีกวิธีรักษาไมเกรนเรื้อรังที่ช่วยผ่อนคลายความตึงเครียด ลดความถี่ของการปวดหัว และเสริมสมดุลของร่างกายได้ดี หลายคนใช้ควบคู่กับการรักษาหลัก และได้ผลลัพธ์ที่น่าพอใจไม่น้อยเลยค่ะ

ข้อสรุป
ไมเกรนธรรมดาก็สามารถลุกลามกลายเป็นภาวะแทรกซ้อนในไมเกรนได้ หากละเลยหรือรักษาไม่ถูกวิธี โดยเฉพาะในผู้ที่เผชิญกับไมเกรนเรื้อรัง การสังเกตสัญญาณเตือนให้ทัน ปรับพฤติกรรมให้เหมาะสม ใช้ยาอย่างถูกต้อง และเปิดใจรับวิธีรักษาทางเลือกใหม่ๆ คือกุญแจสำคัญที่จะช่วยให้รับมือกับไมเกรนได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น และลดความเสี่ยงจากโรคแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต
หากคุณหรือคนใกล้ตัวกำลังเผชิญกับไมเกรนบ่อยๆ หรือสงสัยว่าตัวเองอาจเป็นไมเกรนเรื้อรัง BTX Migraine Center คือศูนย์เฉพาะทางที่พร้อมดูแลอย่างลึกและรอบด้าน ด้วยทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญและเครื่องมือทางการแพทย์ที่ทันสมัยสำหรับการวินิจฉัยและ รักษาไมเกรนเรื้อรัง โดยเฉพาะใครที่อยากได้คำแนะนำแบบเฉพาะตัว สามารถแอดไลน์ @ayaclinic หรือโทร 090-970-0447 เพื่อปรึกษาหรือจองคิวการรักษาได้เลย ดูแลครบ จบในที่เดียวแบบมืออาชีพจริงๆ ค่ะ

