HBOT ตู้ออกซิเจน 100% ลดอาการไมเกรนและออฟฟิศซินโดรม
การปวดหัวไมเกรนและออฟฟิศซินโดรม กลายเป็นปัญหาสุขภาพที่พบได้บ่อยในคนยุคใหม่ ที่ส่งผลกระทบต่อคุณภาพชีวิต การทำงาน และการใช้ชีวิตประจำวันเป็นอย่างมาก การรักษาแบบดั้งเดิม เช่น การใช้ยา จึงเริ่มได้รับความนิยมน้อยลง เพราะมักจะส่งผลข้างเคียงและไม่สามารถแก้ปัญหาที่ต้นเหตุได้
HBOT ตู้ออกซิเจน 100% ถือเป็นนวัตกรรมทางการแพทย์ที่ได้รับความสนใจมากขึ้น โดยให้ผู้ป่วยหายใจรับเอาออกซิเจนเข้าสู่ร่างกาย ซึ่งมีหลักฐานทางวิทยาศาสตร์รองรับว่าสามารถช่วยบรรเทาอาการไมเกรน และออฟฟิศซินโดรมได้อย่างมีประสิทธิภาพโดยไม่ก่อให้เกิดผลข้างเคียง
สารบัญบทความ
- ออกซิเจน สำคัญกับร่างกายแค่ไหน
- หากร่างกายได้รับออกซิเจนน้อยเกินไป
- อาการปวดหัวที่มีสาเหตุมาจากออกซิเจนในร่างกายน้อย
- ออฟฟิศซินโดรมก็มีสาเหตุมาจากการขาดออกซิเจนเหมือนกัน
- HBOT (Hyperbaric Oxygen Therapy)
- การรักษาทางเลือกเพิ่มออกซิเจนให้ร่างกาย
- ข้อดีของการรักษาไมเกรนและออฟฟิศซินโดรมด้วย HBOT
- ข้อจำกัดสำหรับการรักษาด้วย HBOT
- แนวทางการรักษาไมเกรนและออฟฟิศซินโดรมที่ได้ผลจริง
- ข้อสรุป
ออกซิเจน สำคัญกับร่างกายแค่ไหน
ออกซิเจน ก๊าซไร้สี ไร้กลิ่น ที่เรามักมองข้ามความสำคัญของมันไป ทั้งที่จริงแล้ว ออกซิเจนคือหัวใจสำคัญที่ขับเคลื่อนทุกเซลล์ในร่างกายของเรา ซึ่งมีหน้าที่สำคัญ เช่น
- ช่วยในการเผาผลาญพลังงาน
ออกซิเจน เป็นส่วนสำคัญในกระบวนการหายใจระดับเซลล์ ซึ่งจะช่วยให้ร่างกายสามารถนำพลังงานจากอาหารมาใช้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
- ช่วยในการกำจัดของเสีย
ออกซิเจน ช่วยกำจัดของเสียที่เกิดจากกระบวนการเผาผลาญ เช่น คาร์บอนไดออกไซด์ ออกจากร่างกาย
- ช่วยในการทำงานของระบบประสาท
ออกซิเจน จำเป็นต่อการทำงานของระบบประสาท โดยเฉพาะสมอง การขาดออกซิเจนเพียงเล็กน้อยก็ส่งผลต่อการทำงานของสมองได้ เช่น ปวดหัว นอนไม่หลับ หรือเป็นไมเกรนได้
- ช่วยในการสร้างฮอร์โมน
ออกซิเจน มีส่วนช่วยในการสร้างฮอร์โมนต่างๆ เช่น ฮอร์โมนเพศ ฮอร์โมนควบคุมการเจริญเติบโต เป็นต้น
หากร่างกายได้รับออกซิเจนน้อยเกินไป
ค่าปกติของระดับออกซิเจนจะอยู่ที่ 96-100% เมื่อร่างกายขาดออกซิเจนหรือได้รับออกซิเจนน้อยเกินไป ก็จะส่งผลกระทบต่อร่างกายต่างๆ เช่น
- ทำให้เกิดอาการมึนงง วิงเวียน มึนหัว หมดสติ หรือเสียชีวิตได้
- ทำให้หัวใจเต้นเร็ว ความดันโลหิตสูง กล้ามเนื้อหัวใจทำงานหนักขึ้น
- ทำให้หายใจเร็ว หายใจลำบาก หรือเป็นปอดอักเสบได้
- อาจส่งผลทำให้ไตทำงานผิดปกติได้
อาการปวดหัวที่มีสาเหตุมาจากออกซิเจนในร่างกายน้อย
หากร่างกายได้รับออกซิเจนไม่เพียงพอ จะส่งผลต่อระบบต่างๆ ในร่างกาย รวมถึงระบบประสาท ซึ่งอาจนำไปสู่การเกิดอาการปวดหัวได้ โดยอาการปวดหัวจากภาวะออกซิเจนในร่างกายน้อย มักเกิดขึ้นเมื่อร่างกายอยู่ในสภาวะที่ออกซิเจนไม่เพียงพอ เช่น ขณะอยู่บนที่สูง การออกกำลังกายอย่างหนัก การสูดดมสารพิษ หรือการมีโรคประจำตัวที่เกี่ยวกับระบบหายใจ ซึ่งจะส่งผลให้เกิดอาการปวดหัวในลักษณะต่างๆ เช่น
- ปวดบริเวณหน้าผากและขมับ ปวดหัวไมเกรน
- ปวดแบบตื้อๆ หรือตุบๆ
- ปวดรุนแรงขึ้นเมื่อหายใจแรง
- ปวดหัวร่วมกับมีอาการอื่นๆ เช่น หายใจลำบาก วิงเวียน คลื่นไส้
ออฟฟิศซินโดรมก็มีสาเหตุมาจากการขาดออกซิเจนเหมือนกัน
การนั่งทำงานในห้องแอร์เป็นเวลานาน โดยเฉพาะห้องที่อุดอู้ มีการระบายอากาศไม่ดี อาจทำให้ระดับออกซิเจนในเลือดลดลง ส่งผลให้เกิดอาการต่างๆ เช่น ปวดหัว มึนหัว อ่อนเพลีย รวมไปถึงอาการปวดเมื่อยตามร่างกาย ปวดบ่า ไหล่ ซึ่งเป็นอาการของออฟฟิศซินโดรม ซึ่งการขาดออกซิเจนนั้น ส่งผลต่อออฟฟิศซินโดรมภาวะดังนี้
- ทำให้การไหลเวียนเลือดไม่ดี ทำให้เลือดไปเลี้ยงกล้ามเนื้อไม่เพียงพอ ส่งผลให้เกิดอาการปวดเมื่อย ปวดบ่า ไหล่
- ส่งผลต่อระบบประสาท ทำให้เกิดความเครียด ซึ่งความเครียดเป็นปัจจัยสำคัญที่กระตุ้นให้อาการออฟฟิศซินโดรมกำเริบ
- ส่งผลต่อการทำงานของสมอง ทำให้ประสิทธิภาพการทำงานลดลง ส่งผลให้เกิดอาการปวดหัว อ่อนเพลีย นอนไม่หลับ และสมาธิสั้น ในบางรายอาจมีอาการไมเกรนตามมาอีกด้วย
HBOT (Hyperbaric Oxygen Therapy)
HBOT ย่อมาจาก Hyperbaric Oxygen Therapy เป็นการบำบัดด้วยออกซิเจนความดันสูง โดยผู้รับการรักษาจะเข้าไปนั่งในตู้ออกซิเจนหรืออุโมงค์ออกซิเจน ที่มีความดันอากาศสูงกว่าปกติประมาณ 2-3 เท่า ออกซิเจนบริสุทธิ์ 100% จะถูกส่งเข้าไปในร่างกายโดยผ่านทางระบบทางเดินหายใจ ซึ่งกระบวนการนี้จะช่วยเพิ่มปริมาณออกซิเจนในเลือดให้ไปเลี้ยงส่วนต่างๆ ของร่างกาย รวมถึงเซลล์ที่ได้รับความเสียหายอีกด้วย เมื่อร่างกายได้รับปริมาณออกซิเจนอย่างเพียงพอแล้ว ก็จะช่วยบำบัดอาการปวดหัว นอนไม่หลับ ปวดหัวไมเกรน และออฟฟิศซินโดรมได้อย่างมีประสิทธิภาพ
การรักษาทางเลือกเพิ่มออกซิเจนให้ร่างกาย
เมื่อผู้ป่วยสูดหายใจเอาออกซิเจนบริสุทธิ์ในสภาวะความดันสูงจากตู้ HBOT เข้าไปแล้ว ออกซิเจนจะสามารถเข้าสู่เส้นเลือดได้มากขึ้น และถูกส่งไปเลี้ยงเซลล์ต่าง ๆ ในร่างกายได้อย่างทั่วถึงมากขึ้น ออกซิเจนที่เพิ่มขึ้นนี้ จะช่วยกระตุ้นกระบวนการฟื้นฟูเซลล์ ลดการอักเสบ และระดับเม็ดเลือดแดงจะเพิ่มขึ้น เมื่อออกซิเจนเกิดการจับตัวกับเม็ดเลือดแดง จะทำให้ร่างกายได้รับออกซิเจนในปริมาณสูงมากกว่าการหายใจในบรรยากาศปกติ
สำหรับขั้นตอนการรักษาด้วย HBOT (Hyperbaric Oxygen Therapy) มีดังนี้
- แพทย์จะทำการซักประวัติ ตรวจร่างกาย และทำการตรวจเพิ่มเติมเพื่อประเมินความเหมาะสมในการรับการรักษาด้วย HBOT รวมถึงอธิบายขั้นตอนการรักษา ข้อควรปฏิบัติ และผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้น
- ผู้ป่วยจะต้องสวมชุดคลุม ถอดเครื่องประดับ และงดอาหารอย่างน้อย 2 ชั่วโมงก่อนเข้ารับการรักษา
- ผู้ป่วยจะเข้าไปนอนในตู้ออกซิเจนซึ่งมีลักษณะคล้ายกับแคปซูล โดยจะมีพยาบาลหรือเจ้าหน้าที่คอยดูแลตลอดเวลา การรักษาจะใช้เวลาระหว่าง 60-90 นาทีต่อครั้ง โดยจำนวนครั้งที่ต้องรับการรักษาขึ้นอยู่กับภาวะหรือปัญหาของแต่ละบุคคล
- หลังจากรับการรักษาแล้ว แพทย์จะติดตามอาการของผู้ป่วยอย่างใกล้ชิด
ข้อดีของการรักษาไมเกรนและออฟฟิศซินโดรมด้วย HBOT
HBOT (Hyperbaric Oxygen Therapy) สามารถใช้รักษาและบำบัดภาวะต่างๆ ได้อย่างหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็น
- บำบัดอาการออฟฟิศซินโดรม
ออกซิเจนบริสุทธิ์จากตัวเครื่อง จะช่วยบรรเทาอาการปวดเมื่อยตามร่างกาย โดยการกระตุ้นการไหลเวียนเลือดไปยังกล้ามเนื้อและข้อต่อ ทำให้กล้ามเนื้อคล้ายตัว อาการปวดบ่า ไหล่ ปวดสะบัก รวมถึงอาการปวดหัว ก็จะค่อยๆ ดีขึ้น
- ช่วยรักษาอาการไมเกรน
การเพิ่มออกซิเจนด้วย HBOT ช่วยลดอาการปวดหัวไมเกรน โดยการลดการอักเสบ และปรับสมดุลสารสื่อประสาทในสมอง
- รักษาอาการนอนไม่หลับ
อาการนอนไม่หลับ เป็นอีกหนึ่งภาวะที่เป็นอันตราย ซึ่ง HBOT ก็สามารถรักษาได้เช่นกัน โดยออกซิเจนบริสุทธิ์ จะเข้าไปกระตุ้นการไหลเวียนเลือดที่เป็นปัญหาหลักของอาการนอนไม่หลับ ให้สามารถไหลเวียนและทำงานได้ดีขึ้น
- ช่วยชะลอการเสื่อมสภาพของเซลล์
สามารถนำ ใช้ชะลอการเสื่อมสภาพของเซลล์ หรือเรียกว่าการชะลอวัยได้ เพราะออกซิเจนจะช่วยเพิ่มความยาวของ เทโลเมียร์ (Telomere) ซึ่งเป็นโครโมโซมอายุเซลล์ ไม่ให้ถูกทำลายก่อนเวลาอันควร
- ลดการบาดเจ็บของกล้ามเนื้อและกระดูก
เช่น โรคข้อเข่าเสื่อม โรคกระดูกพรุน โรคกระดูกหัก โดยช่วยลดอาการปวด บรรเทาอาการอักเสบ และกระตุ้นการสร้างกระดูกใหม่ รวมถึงอาการบาดเจ็บจากการออกกำลังกาย เช่น ตะคริว ฟกช้ำ หรือกล้ามเนื้อฉีก เป็นต้น
- ช่วยรักษาแผลเรื้อรังหรือแผลผ่าตัด
เช่น แผลเบาหวาน แผลกดทับ แผลไฟไหม้ น้ำร้อนลวก แผลผ่าตัดจากการทำศัลยกรรม โดยช่วยกระตุ้นการสร้างเนื้อเยื่อใหม่ ลดการติดเชื้อ และเร่งให้แผลหายเร็วขึ้น
ข้อจำกัดสำหรับการรักษาด้วย HBOT
HBOT ตู้ออกซิเจน ถือเป็นวิธีการรักษาที่ค่อนข้างปลอดภัย ซึ่งข้อจำกัดของการรักษา อาจจะไม่เหมาะกับผู้ป่วยบางราย เช่น
- ผู้ป่วยที่เป็นโรคระบบทางเดินหายใจอุดกั้นเรื้อรัง
- ผู้ป่วยที่เป็นโรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง
- ผู้ป่วยที่เป็นโรคหัวใจ
- ผู้ที่มีภาวะหูชั้นกลางอักเสบ
- ผู้ป่วยที่เป็นโรคมะเร็ง
- ผู้ป่วยที่ตั้งครรภ์
นอกจากนี้ ยังสามารถพบผลข้างเคียงได้เล็กน้อย โดยผลข้างเคียงที่พบได้บ่อยมักเป็นอาการที่ไม่รุนแรง เช่น หูอื้อ, ปวดศีรษะ, คลื่นไส้ อาเจียน, เหนื่อยล้า หรือปวดเมื่อยตามตัวเล็กน้อย ซึ่งอาการเหล่านี้จะหายไปได้เองภายในไม่กี่ชั่วโมง
แนวทางการรักษาไมเกรนและออฟฟิศซินโดรมที่ได้ผลจริง
โบท็อกซ์ไมเกรน
โบท็อกซ์ (Botulinum toxin) คือ สารชนิดหนึ่งที่ผลิตจากแบคทีเรีย คลอสตริเดียม โบทูลินัม (Clostridium botulinum) ถูกนำมาใช้ทางการแพทย์เพื่อรักษาโรคต่างๆ หลายโรค เช่น กล้ามเนื้อหดเกร็ง ภาวะเหงื่อออกมากผิดปกติ รวมถึงไมเกรนด้วย
กลไกการออกฤทธิ์ของโบท็อกซ์ในการรักษาไมเกรน จะเป็นการยับยั้งการปล่อยสารสื่อประสาทที่กระตุ้นให้เกิดอาการปวด ลดการทำงานของเส้นประสาทรับความรู้สึกปวด และลดการอักเสบในระบบประสาทส่วนกลาง โดยแพทย์จะฉีดโบท็อกซ์เข้าไปบริเวณ กล้ามเนื้อต้นคอ ไหล่ และศีรษะ เพื่อลดความถี่ และความรุนแรงของอาการปวดหัวไมเกรน
โบท็อกซ์ออฟฟิศซินโดรม
นอกจากไมเกรนแล้ว โบท็อกซ์ยังสามารถใช้รักษาภาวะออฟฟิศซินโดรมได้ด้วยเช่นกัน ซึ่งใช้รักษาอาการปวดกล้ามเนื้อ เกร็งกล้ามเนื้อ ปวดไหล่ขวา โดยเฉพาะ กล้ามเนื้อบริเวณ ไหล่ คอ หลัง อันเป็นสาเหตุหลักของอาการ ออฟฟิศซินโดรม
โบท็อกซ์ ออกฤทธิ์โดยการยับยั้งการหลั่งสารสื่อประสาท อะเซทิลโคลีน (Acetylcholine) ซึ่งทำหน้าที่ควบคุมการหดตัวของกล้ามเนื้อ เมื่อกล้ามเนื้อไม่ได้รับสารกระตุ้น กล้ามเนื้อจึงคลายตัว ส่งผลให้อาการปวดและเกร็งกล้ามเนื้อ ปวดบ่า ไหล่ บรรเทาลง
ยาฉีดพุงลดไมเกรน
ยาฉีดพุงลดไมเกรนเป็นยาชนิดใหม่ เรียกว่า Pontevia ซึ่งได้รับการอนุมัติจากองค์การอาหารและยาสหรัฐอเมริกา (FDA) สำหรับการป้องกันอาการปวดหัวไมเกรนในผู้ใหญ่ ยาชนิดนี้ทำหน้าที่โดยการยับยั้งสารเคมีในสมองที่ชื่อว่า CGRP ซึ่งเชื่อว่ามีบทบาทสำคัญในการเกิดอาการปวดไมเกรน การใช้งานยาฉีดพุง มีลักษณะเป็นเข็มปากกา หลายคนจึงมักเรียกว่าปากกาฉีดพุง เมื่อฉีดเข้าไปแล้ว ตัวยาจะเข้าไปยับยั้ง CGRP ไม่ให้ส่งสัญญาณต่อได้ ส่งผลให้หลอดเลือดไม่ได้มีการขยายตัวใหญ่ขึ้นและไม่เกิดการอักเสบตามมา นั่นทำให้อาการปวดหัวไมเกรนไม่ตามมาด้วย
ข้อสรุป
HBOT (Hyperbaric Oxygen Therapy) หรือ การบำบัดด้วยออกซิเจนความดันสูง เป็นวิธีการรักษาทางการแพทย์ที่ได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อย ๆ โดยเฉพาะในประเทศไทย เนื่องจากมีผลการศึกษาวิจัยรองรับมากมายที่แสดงให้เห็นถึงประสิทธิภาพในการรักษาโรคต่าง ๆ โดยเฉพาะโรคที่เกี่ยวกับระบบประสาทและสมอง ซึ่งสามารถใช้รักษาอาการปวดหัวไมเกรนและออฟฟิศซินโดรมได้จริง หากท่านสนใจรับการรักษาด้วย HBOT ตู้ออกซิเจน สามารถติดต่อเข้ามาได้ที่ BTX Migraine Center ศูนย์รักษาไมเกรนและอาการปวดหัวเรื้อรังที่มีเครื่องมือและอุปกรณ์การแพทย์สำหรับการตรวจไมเกรนโดยเฉพาะ หรือผู้ที่กังวลต้องการตรวจเช็กภายในสมอง ทางศูนย์มีบริการส่งคนไข้เพื่อทำการรักษาด้วย HBOT ได้โดยตรง
สามารถแอดไลน์ @ayaclinic หรือโทรเบอร์ 090–970-0447 เพื่อปรึกษา ขอคำแนะนำ หรือจองคิวการรักษาในรูปแบบต่าง ๆ กับทางแพทย์ผู้เชี่ยวชาญของ BTX Migraine Center ศูนย์รักษาไมเกรนเฉพาะทางที่ปลอดภัยและทันสมัยได้ทันที