แก้ปวดไมเกรนด้วย ยาไมเกรน รูปแบบฉีดเดือนละครั้ง (Pontevia) ต้าน CGRP
ในปัจจุบัน ได้มีวิธีการรักษาอาการไมเกรนมากมายหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็น การรับประทานยาแก้ปวดหัวไมเกรนการฉีดโบท็อกซ์ การรักษาแบบทางเลือก การทำกายภาพ และล่าสุดทางการแพทย์ได้มีการออกยาแก้ปวดหัวไมเกรนรูปแบบฉีดออกมา เพื่อรักษาอาการปวดหัวไมเกรนอย่างตรงจุด โดยเป็นการฉีดต้าน CGRP เดือนละครั้ง ในบทความความนี้เราจะพาทุกท่านไปดูวิธีรักษาไมเกรนว่ามีวิธีใดบ้าง พร้อมพาไปทำความรู้จักกับปากกาฉีดพุงต้าน CGRP ว่าคืออะไร
สารบัญบทความ
- วิธีการรักษาไมเกรน รูปแบบเดิม
- วิธีการรักษาไมเกรน รูปแบบใหม่
- CGRP คืออะไร เกี่ยวข้องกับการรักษาไมเกรนอย่างไร
- กลไกการออกฤทธิ์ของปากกาฉีดพุง
- Pontevia ปากกาฉีดพุง รักษาไมเกรน
- ข้อดีของปากกาฉีดพุง Pontevia
- ข้อจำกัดของปากกาฉีดพุง Pontevia
- วิธีการใช้ยาฉีดไมเกรน
- รักษาไมเกรนด้วย Botox + ปากกาฉีดพุง Pontevia
- ข้อสรุป
วิธีการรักษาไมเกรน รูปแบบเดิม
วิธีรักษาไมเกรนที่มีมาอย่างเนิ่นนาน ที่เราสามารถพบเห็นได้บ่อย ๆ ก็คงจะหนีไม่พ้นการกินยาแก้ปวด การกินวิตามินเสริม หรือการรักษาแบบทางเลือกเพื่อบรรเทาอาการ โดยมีวิธีการรักษาดังนี้
กินยาแก้ปวด
การกินยาแก้ปวด เป็นการรักษาและบรรเทาอาการปวดหัวไมเกรนที่เห็นผลไวที่สุด แต่ไม่สามารถเห็นผลได้ถาวร เป็นเพียงการบรรเทาอาการปวดชั่วคราวเท่านั้น โดยยาที่ใช้ในการบรรเทาอาการปวดหัวไมเกรน มีอยู่หลายประเภทด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็น ยาป้องกัน ยาแก้ปวดเฉียบพลัน ยาแก้ปวดหัวไมเกรนรุนแรง และยาบรรเทาอาการคลื่นไส้อาเจียน
รักษาไมเกรนทางเลือก
นวดกดจุด เป็นการนวดจุดเส้นเลือดหลัก ซึ่งมีประสิทธิภาพในการบรรเทาอาการปวดหัวบางกรณี คุณสามารถนวดจุดเส้นเลือดหลัก ตัวอย่างเช่นจุดเส้นเลือดหลักบริเวณด้านหน้าแผงหลังของคอ โดยใช้นิ้วชี้และนิ้วกลาง หมุนวนลงมาเป็นเลข 8 เป็นรอบทิศทางตามเข็มนาฬิกาเป็นเวลาประมาณ 5-10 นาที
การรักษาด้วยช็อคเวฟ (Shock Wave) เหมาะสำหรับผู้ที่เป็นไมเกรนและมีอาการกล้ามเนื้อหดเกร็งร่วมด้วย โดยเป็นการใช้เครื่องมือประเภทหนึ่ง ที่มีคุณสมบัติในการคลายกล้ามเนื้อที่จับตัวเป็นก้อนจากการที่ใช้งานกล้ามเนื้ออย่างหนัก โดยทำการส่งผ่านคลื่นกระแทกเข้าไปในบริเวณที่มีอาการปวดเพื่อเป็นการกระตุ้นให้ร่างกายเกิดการบาดเจ็บใหม่
- ฝังเข็ม
จากงานวิจัย ได้บอกไว้ว่า การฝังเข็ม สามารถช่วยลดอาการปวดหัวไมเกรนได้จริง แต่ขึ้นอยู่กับการตอบสนองในแต่ละบุคคล จุดที่มักส่งผลให้เกิดอาการปวดหัวไมเกรน ได้แก่ บ่าทั้งสองข้าง เพราะกล้ามเนื้อบ่ามันจะมีการเกร็งตัวเวลาที่เรานั่งทำงานในท่าซ้ำ ๆ เดิม ๆ แนะนำว่าให้ฝัง อย่างน้อย 6 session ขั้นต่ำ สัปดาห์ละ 1 ครั้งเท่านั้นจึงจะเห็นผลดี
- โยคะ
การเล่นโยคะ เป็นการออกกำลังกายแบบหนึ่งซึ่งใช้ท่าเบา ๆ ผ่อนคลาย ช่วยช่วยยืดเส้นและกล้ามเนื้อ ลดความเครียด และยังแก้ปัญหาอาการปวดหัวเรื้อรังและภาวะไมเกรนได้ดีอีกด้วย
วิตามินเสริม
การรับประทานวิตามินเสริมอย่าง “แมกนีเซียม” ช่วยบรรเทาอาการปวดหัวไมเกรนได้ เพราะภาวะขาดแมกนีเซียมมีความสัมพันธ์กับอาการปวดหัวไมเกรน การเสริมแมกนีเซียมช่วยลดความถี่ของการเกิดไมเกรนในผู้ป่วยบางรายได้ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ก่อนจะเริ่มกินแมกนีเซียมเสริมควรปรึกษาแพทย์ก่อน
วิธีการรักษาไมเกรน รูปแบบใหม่

ถึงแม้ว่าวิธีรักษาไมเกรนในรูปแบบเดิมก็สามารถบรรเทาอาการปวดได้ดี แต่ในปัจจุบันได้มีเทคโนโลยีทางการแพทย์ ที่เข้ามาช่วยให้การรักษาไมเกรนนั้นมีประสิทธิภาพมากขึ้นกว่าเดิม โดยมีอยู่ด้วยกัน 2 วิธี ดังนี้
โบท็อกซ์
การฉีดโบท็อกซ์รักษาไมเกรน เป็นการฉีดเพื่อเข้ายับยั้งปลายประสาท Acetyl Choline ซึ่งเป็นตัวกลางในการส่งสัญญาณความเจ็บปวดไปยังสมองที่ต่อกับกล้ามเนื้อ ทำให้กล้ามเนื้อคลายตัวลง โดยจะฉีดเข้าไปที่บริเวณใบหน้า ระหว่างคิ้ว หน้าผาก ท้ายทอย ต้นคอ และบ่า ช่วยบรรเทาอาการปวดได้ประมาณ 60 – 70% และช่วยลดความถี่ของอาการปวดศีรษะได้อีกด้วย
ปากกาฉีดพุง (เขียนในเชิงว่าต้าน CGRP)
การฉีดยาไมเกรนด้วยปากกาฉีดพุง ถือเป็นแนวทางการรักษาไมเกรนที่ดีที่สุดในปัจจุบัน โดยเป็นยาที่สร้างจากเซลล์ระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย และทำงานโดยการไปขัดขวางการทำงานของสารโปรตีนบางตัวในร่างกายที่เป็นสาเหตุของการเกิดไมเกรนนั่นก็คือ CGRP ซึ่งเป็นต้นเหตุสำคัญในการเกิดอาการไมเกรน ให้ผลการรักษาที่ดีมาก ในระดับ 70-90% ฉีดยาไมเกรน ฉีดตรงไหน โดยมักจะฉีดเข้าไปบริเวณพุง เดือนละ 1 ครั้งทุก ๆ เดือน
CGRP คืออะไร เกี่ยวข้องกับการรักษาไมเกรนอย่างไร

CGRP (Calcitonin Gene-Related Peptide) เป็นนิวโรเปปไทด์ชนิดหนึ่งในร่างกายที่มีการออกฤทธิ์เกี่ยวกับกลไกการรับความเจ็บปวดผ่านเส้นประสาทสมองคู่ที่ 5 ซึ่งให้ความเจ็บปวดบริเวณศีรษะ ต้นคอ และใบหน้า มีฤทธิ์ทำให้เส้นเลือดสมองเกิดการขยายตัวและส่งสัญญาณความปวดไปที่ระบบประสาทส่วนกลางและส่วนปลาย ซึ่งจากการสำรวจพบว่าคนที่เกิดอาการปวดหัวไมเกรนแบบเฉียบพลัน จะมีสาร CGRP ในเลือดสูงขึ้นมากกว่าคนปกติ และยิ่งถูกกระตุ้นมากเท่าไหร่ก็จะยิ่งทำให้ร่างกายไวต่อความปวดมากยิ่งขึ้นเท่านั้น
กลไกการออกฤทธิ์ของปากกาฉีดพุง
กลไกออกฤทธิ์ของการปากกาฉีดพุง คือตัวยาจะเข้าไปยับยั้ง CGRP ซึ่งเป็นต้นเหตุสำคัญในการเกิดอาการไมเกรน เพื่อไม่ให้ CGRP ไปจับกับตัวรับ CGRP receptor ในสมอง เมื่อ CGRP ไม่สามารถออกฤทธิ์ได้ ก็จะส่งสัญญาณต่อไม่ได้ ซึ่งนั่นส่งผลให้หลอดเลือดไม่ได้มีการขยายตัวใหญ่ขึ้นและไม่เกิดการอักเสบตามมา นั่นทำให้อาการปวดหัวไมเกรนไม่ตามมาด้วย จึงถือได้ว่าการรักษาด้วย ปากกาฉีดพุง สามารถรักษาไมเกรนได้ที่ต้นเหตุจริง ๆ
Pontevia ปากกาฉีดพุง รักษาไมเกรน
ปากกาฉีดพุง Pontevia เป็นการปรับปรุงมาจากยาฉีดไมเกรน Ajovy หรือ ยารักษา Fremanezumab ซึ่งเป็นบริษัทที่ทำตัวยารักษาไมเกรนบริษัทใหม่ ที่มีการปรับปรุงแก้ไขและพัฒนาให้ดีขึ้น โดยเป็นยาที่สร้างจากเซลล์ระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย และทำงานโดยการไปขัดขวางการทำงานของ CGRP ในร่างกายที่เป็นสาเหตุของการเกิดไมเกรน ให้ผลการรักษาที่ดีในระดับ 70-90% ซึ่ง ปากกาฉีดพุง Pontevia ได้ผ่านการรับรองการใช้จาก อย.ทั้ง US FDA และประเทศไทย ด้วยข้อบ่งใช้สำหรับป้องกันโรคปวดหัวไมเกรนในผู้ที่มีอายุตั้งแต่ 18 ปีขึ้นไป
ข้อดีของปากกาฉีดพุง Pontevia
- การรักษาด้วยปากกาฉีดพุง Pontevia สามารถยับยั้งอาการปวดหัวไมเกรนได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพราะมีกลไกการออกฤทธิ์ที่ดี รักษาอาการปวดหัวเรื้อรังได้ดี
- ปากกาฉีดพุง Pontevia มีผลข้างเคียงน้อยกว่าการรักษาด้วยวิธีอื่น ๆ เช่นการกินยา
- ปากกาฉีดพุง Pontevia ฉีดเพียงแค่เดือนละครั้งก็สามารถยับยั้งอาการปวดได้รวดเร็วและเห็นผลนาน
- ปากกาฉีดพุง Pontevia มีฤทธิ์ในการช่วยยับยั้งอาการปวดหัวไมเกรนได้เป็นอย่างดี จึงทำให้ผู้ป่วยมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น
ข้อจำกัดของปากกาฉีดพุง Pontevia
- ปากกาฉีดพุง Pontevia ไม่แนะนำให้ฉีดกับสตรีมีครรภ์หรือผู้ที่กำลังให้นมบุตร เพราะอาจจะส่งผลต่อทารกหรือเด็กในครรภ์ได้
- ปากกาฉีดพุง Pontevia ไม่ควรฉีดในเด็กหรือผู้ที่มีอายุต่ำกว่า 18 ปี เพราะอาจจะส่งผลข้างเคียงได้
- ปากกาฉีดพุง Pontevia อาจมีข้อจำกัดสำหรับผู้ป่วยบางรายที่มีโรคหัวใจและหลอดเลือด จึงควรได้รับคำปรึกษาก่อนเข้ารับการรักษาตามขั้นตอน
- ปากกาฉีดพุง Pontevia มีราคาที่ค่อนข้างสูงกว่าการรักษาด้วยวิธีอื่น ๆ
- หากใครที่มีโรคประจำตัว หรือกำลังใช้ยาต่าง ๆ อยู่เป็นประจำควรได้รับคำปรึกษาจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญก่อนใช้ยาฉีดไมเกรน
วิธีการใช้ยาฉีดไมเกรน
สำหรับวิธีการใช้ ปากกาฉีดพุง Pontevia ถูกออกแบบมาเพื่อให้คนไข้สามารถฉีดเองได้ เพียงรับตัวยาจากแพทย์และศึกษาวิธีใช้อย่างเคร่งครัดก็สามารถฉีดเองได้ตามที่คนไข้สะดวก เพียงแต่ในครั้งแรกที่ทำการฉีด แนะนำให้ฉีดโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญและมีประสบการณ์เท่านั้น โดยแพทย์จะทำการฉีดเข้าสู่ผิวหนังโดยเฉพาะบริเวณหน้าท้องหรือพุง โดยเข็มฉีดยาจะมีลักษณะคล้ายกับปากกาอินซูลิน ให้ความรู้สึกเจ็บน้อย เหมือนกับการฉีดยาทั่ว ๆ ไป และในครั้งต่อมาหากต้องการฉีดเอง ควรศึกษา รับคำแนะนำและควรปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัดเพื่อลดผลข้างเคียงที่อาจจะตามมา
รักษาไมเกรนด้วย Botox + ปากกาฉีดพุง Pontevia
การฉีดโบท็อกซ์รักษาไมเกรน ร่วมกับการรักษาด้วยปากกาฉีดพุง Pontevia จะเป็นการรักษาโรคไมเกรนแบบควบคู่กันซึ่งให้ประสิทธิภาพและผลลัพธ์ที่ดียิ่งขึ้น โดยโบท็อกซ์มีข้อดีคือช่วยรักษาอาการปวดหัวไมเกรน ช่วยรักษาอาการปวดคอ บ่า ไหล่ จากออฟฟิศซินโดรม และช่วยบล็อคสารสื่อประสาทที่ทำให้เกิดอาการปวดเมื่อเป็นไมเกรน เมื่อนำมารักษาควบคู่กับ ปากกาฉีดพุง Pontevia ที่ออกฤทธิ์ในการต้าน CGRP แก้ไขปัญหาสำหรับคนไข้ที่ทำการรักษาอย่างใดอย่างหนึ่งแล้วเห็นผลลัพธ์ไม่มากเท่าที่ควร ก็สามารถทำการรักษาทั้งสองย่างได้ ฉีดโบท็อกซ์รักษาไมเกรนและปากกาฉีดพุงตัวใหม่อย่าง Pontivia จะทำให้ผลลัพธ์การรักษานั้นเห็นผลเร็ว และคงอยู่ได้ยาวนาน ช่วยบรรเทาอาการปวดหัวไมเกรนได้ประมาณ 70-90%
ข้อสรุป
ปัจจุบัน ทางเลือกในการรักษาอาการปวดหัวไมเกรนนั้นมีมากมาย ตั้งแต่การรับประทานยา การรักษาแบบทางเลือก การเข้าพบแพทย์เพื่อรักษาด้วยการฉีดโบท็อกซ์หรือรักษาด้วยปากกาฉีดพุง Pontevia ก็ล้วนแต่บรรเทาอาการปวดหัวเกรนได้ทั้งสิ้น แต่ถ้าหากพูดถึงวิธีรักษาไมเกรนที่ดีที่สุดในตอนนี้ ต้องยกให้การรักษาด้วยปากกาฉีดพุง Pontevia ที่มีการพัฒนาใหม่ล่าสุด เพื่อผลลัพธ์ในการรักษาที่มีประสิทธิภาพ
หากสนใจเข้ารับการรักษาด้วยปากกาฉีดพุง Pontevia สามารถมารับคำปรึกษา คำแนะนำ และตรวจวินิจฉัยจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญของศูนย์รักษาไมเกรนเฉพาะทาง หรือต้องการบริการเพิ่มเติมเกี่ยวกับการเอ็กสเรย์สมอง ทางศูนย์ BTX Migraine Center ก็มีให้บริการเช่นเดียวกันค่ะ