ผู้ชายก็เป็นไมเกรนได้! เจาะลึกอาการไมเกรนในเพศชายที่มักถูกมองข้าม
หลายคนอาจสังเกตได้ว่าผู้หญิงมักจะเป็นไมเกรนได้มากกว่าผู้ชาย แต่ก็ใช่ว่าผู้ชายจะไม่มีโอกาสเป็นไมเกรนเลย เพราะผู้ชายจำนวนไม่น้อยก็ต้องเผชิญกับอาการปวดศีรษะเรื้อรังที่เล่นงานได้ถึงขั้นเสียสมาธิ ทำงานไม่ได้ หรือกระทบกับคุณภาพชีวิตในทุกๆ วันได้เหมือนกัน บทความนี้เราจะพาคุณไปทำความรู้จักไมเกรนในผู้ชายว่ามีลักษณะเฉพาะอย่างไร แตกต่างจากผู้หญิงไหม และจะมีวิธีดูแลตัวเองอย่างไรบ้าง มาดูคำตอบกันค่ะ
สารบัญบทความ
- สาเหตุของไมเกรนในเพศชาย
- ปัญหาและผลกระทบจากไมเกรนในผู้ชาย
- อาการไมเกรนในผู้ชาย มีความแตกต่างจากผู้หญิงหรือไม่?
- การวินิจฉัยและการรักษาไมเกรนในเพศชาย
- วิธีดูแลตัวเองสำหรับผู้ชายที่เป็นไมเกรน
- การป้องกันไมเกรนในเพศชาย
- ข้อสรุป
สาเหตุของไมเกรนในเพศชาย
บางคนอาจทราบดีอยู่แล้วว่าไมเกรนเกิดจากอะไร แต่สำหรับคุณผู้ชายที่มีโอกาสเป็นได้น้อยกว่าผู้หญิงก็คงจะมีความวิตกกังวลกันบ้างเพราะกลัวเป็นอันตราย ซึ่งจริงๆ แล้วสาเหตุไมเกรนในผู้ชายนั้นไม่ได้ต่างจากผู้หญิงมากนัก แต่สิ่งที่ต่างคือวิธีที่ร่างกายตอบสนองต่อสิ่งกระตุ้นและพฤติกรรมต่างๆ ที่อาจเพิ่มความเสี่ยงโดยไม่รู้ตัว
ปัจจัยที่กระตุ้นไมเกรนในผู้ชาย ได้แก่
ปัจจัยกระตุ้นอาการปวดหัวในผู้ชายนั้นก็เหมือนกับอาการปวดหัวไมเกรนทั่วไป เช่น
- ความเครียดสะสม : ไม่ว่าจะจากงาน ชีวิตส่วนตัว หรือความคาดหวังในบทบาทของผู้ชายที่ต้องอดทน ล้วนเป็นตัวกระตุ้นไมเกรนได้เหมือนกัน
- การพักผ่อนไม่เพียงพอ : การนอนดึก ตื่นเช้า หรือเปลี่ยนเวลานอนบ่อยๆ ส่งผลต่อวงจรการหลั่งฮอร์โมนที่เกี่ยวข้องกับอาการปวดหัวไมเกรน
- การบริโภคคาเฟอีนหรือแอลกอฮอล์มากเกินไป : โดยเฉพาะเบียร์ ไวน์แดง หรือกาแฟเข้มๆ ที่ดื่มเกินพอดี
- ฮอร์โมนและการเปลี่ยนแปลงทางร่างกาย : แม้ผู้ชายจะไม่มีรอบเดือนเหมือนผู้หญิง แต่ฮอร์โมนอย่างเทสโทสเตอโรนก็มีผลต่อระบบประสาทและอาการปวดได้เหมือนกัน
- แสงจ้า เสียงดัง หรือกลิ่นฉุน : สิ่งเร้าในสภาพแวดล้อมเหล่านี้อาจไปกระตุ้นระบบประสาทส่วนกลางจนเกิดอาการไมเกรนได้ทันที
- พฤติกรรมการกิน : เช่น การเว้นมื้ออาหาร การอดอาหาร หรือการกินอาหารบางประเภทที่กระตุ้นให้หลอดเลือดในสมองทำงานผิดปกติ
ปัญหาและผลกระทบจากไมเกรนในผู้ชาย
ไมเกรนในผู้ชายอาจไม่ได้แสดงออกชัดเจนหรือรุนแรงเท่ากับผู้หญิง แต่ก็ไม่ได้หมายความว่ามันไม่อันตราย หลายคนยังคงมองว่าอาการปวดหัวในผู้ชายเป็นเพียงเรื่องเล็กน้อยที่ทนได้หรือไม่จำเป็นต้องหาสาเหตุให้ยุ่งยาก แต่ในความเป็นจริงโรคนี้อาจค่อยๆ สะสมความรุนแรงจนกระทบกับสุขภาพกายใจ และชีวิตประจำวันโดยไม่รู้ตัว มาดูกันว่าผู้ชายเป็นไมเกรนต้องเจอกับปัญหาอะไรบ้าง
- ถูกวินิจฉัยล่าช้าหรือไม่ได้รับการรักษาที่เหมาะสม
ด้วยความที่คิดว่าเป็นอาการปวดหัวทั่วไป หลายคนจึงเลือกที่จะไม่พูดถึงอาการหรือมองข้ามมันไป ทำให้ไม่ได้รับการตรวจอย่างจริงจัง ส่งผลให้โรคไมเกรนเรื้อรังกลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิต ทั้งที่จริงๆ แล้วสามารถรักษาหรือควบคุมได้ตั้งแต่เนิ่นๆ
- ผลกระทบต่อประสิทธิภาพการทำงาน
อาการปวดหัวเฉียบพลันหรือคลื่นไส้ที่มาพร้อมไมเกรนอาจทำให้โฟกัสงานไม่ได้ โดยเฉพาะในผู้ชายวัยทำงานที่ต้องจัดการความรับผิดชอบหลายด้าน สิ่งเหล่านี้อาจกระทบภาพลักษณ์และโอกาสก้าวหน้าในอาชีพได้โดยไม่รู้ตัว
- ภาวะเครียด ซึมเศร้า และวิตกกังวลร่วม
ไมเกรนไม่ได้กระทบแค่ร่างกายแต่ยังโยงไปถึงสุขภาพจิตได้อย่างแนบเนียน โดยเฉพาะในคนที่ต้องรับมือกับอาการเรื้อรังซ้ำๆ เช่น ผู้ที่เป็นโรคไมเกรนเรื้อรังยิ่งมีแนวโน้มจะพัฒนาภาวะซึมเศร้าหรือความวิตกกังวลร่วมด้วย ยิ่งปวด ยิ่งเครียด ยิ่งวนลูป
- มีแนวโน้มใช้ยาแก้ปวดไม่ถูกวิธี
หลายคนมักเลือกใช้ยาที่หาซื้อได้ง่ายตามร้านขายยาเพื่อบรรเทาอาการเฉพาะหน้า แต่การใช้ยาแบบไม่ถูกวิธีหรือใช้บ่อยเกินไป อาจทำให้เกิดภาวะปวดหัวจากการใช้ยาเกินขนาด (Medication Overuse Headache) ซึ่งกลายเป็นปัญหาเรื้อรังอีกระดับหนึ่งได้
- สุขภาพโดยรวมเสื่อมถอย
อาการไมเกรนสะสมทำให้ร่างกายอ่อนล้า สมองล้า ส่งผลถึงการนอนหลับ ระบบย่อยอาหาร และระดับพลังงานในชีวิตประจำวันได้โดยตรง ผู้ชายบางคนอาจพบว่าตัวเองมีอาการอ่อนเพลียบ่อยๆ โดยไม่รู้ว่าแท้จริงแล้วเกิดจากไมเกรนในผู้ชายที่ไม่ได้รับการจัดการอย่างเหมาะสม
อาการไมเกรนในผู้ชาย มีความแตกต่างจากผู้หญิงหรือไม่?
แม้ว่าจะเป็นไมเกรนเหมือนกัน แต่ลักษณะอาการที่เกิดในผู้ชายและผู้หญิงกลับมีความแตกต่างกันพอสมควร โดยทั่วไป ผู้ชายเป็นไมเกรนน้อยกว่าผู้หญิง แต่เมื่อเกิดขึ้นแล้วอาการมักจะรุนแรงและเกิดขึ้นแบบไม่ทันตั้งตัว ที่สำคัญคือผู้ชายมักไม่มีสัญญาณเตือนก่อนอาการจะกำเริบ เช่น อาการนำอย่าง seeing aura หรือความไวต่อแสงและเสียงที่พบได้บ่อยในผู้หญิง นอกจากนี้ ผู้ชายจำนวนไม่น้อยมักแสดงออกด้วยอาการปวดที่รุนแรงเฉพาะจุด ปวดตุบๆ ข้างเดียว หรือปวดลึกแบบลามไปที่คอและไหล่ ซึ่งทำให้บางคนเข้าใจผิดว่าเป็นอาการจากความเครียดหรือกล้ามเนื้อตึง จึงมองข้ามความเป็นไปได้ของไมเกรนในผู้ชายไปโดยปริยาย ด้วยเหตุนี้ อัตราการวินิจฉัยที่ล่าช้าและการรักษาที่ไม่ตรงจุดจึงยังคงเป็นปัญหาที่ต้องจับตามองในเพศชาย
การวินิจฉัยและการรักษาไมเกรนในเพศชาย
ไมเกรนนั้นอันตรายกว่าที่เราคิดมากๆ ยิ่งในเพศชายที่อาจแสดงอาการต่างไปจากผู้หญิง การวินิจฉัยที่แม่นยำจึงสำคัญมาก เพราะหากไม่ได้รับการประเมินอย่างถูกต้องตั้งแต่ต้นก็อาจนำไปสู่การรักษาที่ไม่ตรงจุดและการใช้ยาเกินความจำเป็น หลายคนอาจเคยสงสัยว่าปวดหัวไมเกรนใช้ยาอะไร? หรือจะมีทางเลือกอื่นนอกจากกินยาแก้ปวดหรือเปล่า? ในส่วนนี้เราจะพาไปดูตั้งแต่ขั้นตอนการวินิจฉัยไปจนถึงแนวทางการรักษาใหม่ๆ ที่น่าสนใจ โดยเฉพาะสำหรับไมเกรนในผู้ชายกันค่ะ
การวินิจฉัย
อาการปวดหัวในผู้ชายที่เกิดจากไมเกรนอาจไม่ได้มีสัญญาณเตือนที่ชัดเจนเหมือนผู้หญิง ทำให้หลายคนปล่อยให้เรื้อรังจนกลายเป็นอาการที่เคยชิน การวินิจฉัยไมเกรนจึงต้องอาศัยทั้งการซักประวัติอย่างละเอียด ตรวจเช็กความถี่ ระยะเวลา ความรุนแรง และรูปแบบของการปวด เช่น ปวดข้างเดียว ปวดตุบๆ หรือปวดร่วมกับอาการคลื่นไส้ แพ้แสง แพ้เสียง ในบางราย แพทย์อาจพิจารณาส่งตรวจ MRI หรือ CT Scan เพื่อแยกโรคอื่นที่อาจมีอาการคล้ายกัน เช่น เนื้องอก หรือความผิดปกติของเส้นเลือดในสมอง เพราะแม้จะเป็นไมเกรนในผู้ชายแต่ก็ไม่ควรละเลยความเสี่ยงที่ซ่อนอยู่อย่างเด็ดขาด
การรักษา
การรักษาไมเกรนในปัจจุบันไม่ได้มีแค่การกินยาแก้ปวดทั่วไปเพียงอย่างเดียวอีกต่อไปแล้ว สำหรับผู้ที่มีอาการรุนแรงหรือเป็นโรคไมเกรนเรื้อรัง แพทย์อาจแนะนำการรักษาแบบเฉพาะทาง เช่น
- การฉีดโบท็อก (Botox Injection)
นอกจากใช้ลดริ้วรอยแล้ว โบท็อกยังมีงานวิจัยรองรับว่าช่วยลดความถี่ของอาการไมเกรนในผู้ที่เป็นเรื้อรังได้ โดยจะฉีดในตำแหน่งรอบศีรษะ คอ และไหล่ เพื่อช่วยลดการหดตัวของกล้ามเนื้อที่เกี่ยวข้องกับการปวดหัว
- การใช้ปากกาฉีดพุง (CGRP monoclonal antibody)
ทางเลือกใหม่ที่ตอบโจทย์คนรุ่นใหม่และคนที่ไม่ตอบสนองต่อยาทั่วไป ปากกานี้จะทำงานโดยยับยั้งโปรตีน CGRP ซึ่งเกี่ยวข้องกับการเกิดไมเกรน ฉีดใต้ผิวหนังเดือนละ 1 ครั้ง ใช้ง่ายและสะดวก
- ยากลุ่มเฉพาะสำหรับไมเกรน
ยาไมเกรน เช่น ยากลุ่ม Triptans หรือ NSAIDs ที่ต้องใช้ตามคำแนะนำของแพทย์ ไม่ควรซื้อใช้เอง เพราะการใช้ผิดวิธีอาจทำให้เกิดอาการปวดหัวจากการใช้ยาเกินขนาดได้
วิธีดูแลตัวเองสำหรับผู้ชายที่เป็นไมเกรน
สำหรับคุณผู้ชายที่ต้องรับมือกับไมเกรนเป็นประจำ นอกจากการกินยาแล้วยังต้องสังเกตพฤติกรรมในชีวิตประจำวันที่อาจเป็นตัวกระตุ้นด้วย เพราะหลายครั้งไมเกรนในผู้ชายนั้นมาจากไลฟ์สไตล์ที่สะสมความเสี่ยงไว้โดยไม่ตั้งใจ ถ้าคุณอยากบรรเทาอาการปวดหัวไมเกรนอย่างยั่งยืน ลองเริ่มจากจุดง่ายๆ ดังนี้
ปรับพฤติกรรมที่เสี่ยง
- ลดหรือหลีกเลี่ยงคาเฟอีนและแอลกอฮอล์
การดื่มกาแฟยามเช้าอาจทำให้ตื่นตัว แต่สำหรับบางคนคาเฟอีนกลับเป็นตัวจุดชนวนไมเกรนได้ เช่นเดียวกับแอลกอฮอล์โดยเฉพาะไวน์แดงหรือเบียร์ที่มีสารกระตุ้นหลอดเลือด แนะนำให้ลดหรือหลีกเลี่ยงคาเฟอีนและแอลกอฮอล์เพื่อไม่ให้อาการกำเริบ
- จัดการกับความเครียดให้เป็น
ความเครียด ส่งผลโดยตรงต่อสมองและระบบประสาท วิธีแก้อาจเริ่มต้นด้วยการนั่งสมาธิ หายใจลึกๆ เล่นโยคะ หรือหาเวลาพักจริงๆ แม้แค่วันละ 15 นาที
- นอนให้พอดีและนอนให้เป็นเวลา
การนอนดึกหรือเปลี่ยนเวลานอนบ่อยๆ เป็นหนึ่งในสาเหตุหลักของอาการปวดหัวในผู้ชายที่เกิดจากไมเกรน พยายามตั้งเวลานอนและตื่นให้ใกล้เคียงกันทุกวันจะช่วยให้ร่างกายปรับตัวได้ดีขึ้น
- กินอาหารให้เป็นเวลา และไม่อดมื้อเช้า
การเว้นมื้อหรืออดอาหารเป็นอีกหนึ่งปัจจัยกระตุ้นไมเกรนแบบไม่รู้ตัว โดยเฉพาะในคนที่เป็นโรคไมเกรนเรื้อรัง อาหารที่สมดุลและมีโปรตีนเพียงพอในแต่ละมื้อจะช่วยให้ระดับน้ำตาลในเลือดคงที่ ไม่เกิดอาการปวดแบบฉับพลัน
- เลี่ยงแสงจ้าและเสียงดัง
หากรู้ตัวว่าไวต่อสิ่งเร้าภายนอก เช่น แสงสีฟ้าจากหน้าจอ เสียงดังในที่สาธารณะ หรือกลิ่นน้ำหอมแรงๆ ควรหาวิธีป้องกัน เช่น ใช้แว่นกรองแสง ใส่หูฟังตัดเสียง หรือปรับแสงหน้าจอให้เหมาะสม
- หมั่นบันทึกอาการและสิ่งกระตุ้น
การจดบันทึกเมื่อเริ่มรู้สึกปวดหัว พร้อมจดว่าเพิ่งกินอะไรหรือทำกิจกรรมใดมาก่อน จะช่วยให้เข้าใจว่าไมเกรนเกิดจากอะไร เพื่อที่จะได้ป้องกันให้ตรงจุดมากขึ้น
การป้องกันไมเกรนในเพศชาย
สำหรับคุณผู้ชายที่รู้ตัวว่าเคยมีอาการปวดหัวแบบตุบๆ ข้างเดียว คลื่นไส้ หรือไวต่อแสงเสียง นั่นอาจเข้าข่ายเป็นไมเกรนในผู้ชายแล้วค่ะ หากเริ่มต้นจากการปรับพฤติกรรมในชีวิตประจำวันอย่างเหมาะสม ก็สามารถลดความถี่ของอาการหรือแม้แต่ป้องกันไม่ให้เกิดขึ้นซ้ำได้ ลองมาดูกันว่าวิธีป้องกันไมเกรนที่ทำได้จริงจะมีอะไรบ้าง
- รู้จักตัวกระตุ้นไมเกรน
แต่ละคนมีจุดที่ไปกระตุ้นไมเกรนต่างกัน เช่น กลิ่นน้ำหอม แสงจ้า หรืออาหารบางชนิด การจดบันทึกจึงช่วยให้สังเกตเห็นรูปแบบของอาการได้ง่ายขึ้นและหลีกเลี่ยงได้ตรงจุด
- หลีกเลี่ยงการอดนอนหรือพักผ่อนไม่เพียงพอ
การนอนหลับที่มีคุณภาพและพักผ่อนให้เพียงพอคือพื้นฐานของการป้องกันไมเกรนในระยะยาว ไม่จำเป็นต้องนอนเยอะเกิน แค่นอนให้เป็นเวลาและได้พักจริงๆ ก็เพียงพอแล้ว
- จัดการความเครียดอย่างสม่ำเสมอ
ไม่ใช่แค่ตอนเครียดมากๆ เท่านั้น แต่ความเครียดเล็กๆ ที่สะสมทุกวันก็สามารถกระตุ้นไมเกรนในผู้ชายได้ ลองทำกิจกรรมที่ผ่อนคลาย เช่น เดินเล่น ฟังเพลง หรือนั่งสมาธิเพื่อช่วยให้ร่างกายได้รีเซตดูบ้าง
- เลือกรับประทานอาหารที่เหมาะสม
หลีกเลี่ยงอาหารแปรรูป เช่น ชีส ไวน์แดง หรืออาหารที่มีผงชูรส และควรกินให้ตรงเวลาเพื่อลดความเสี่ยงที่ระดับน้ำตาลในเลือดตกแบบฉับพลันซึ่งอาจทำให้เกิดไมเกรนได้
- ออกกำลังกายแบบพอดีและต่อเนื่อง
การขยับร่างกายเบาๆ อย่างโยคะ ว่ายน้ำ หรือเดินเร็ว สามารถช่วยลดความเครียดและกระตุ้นสารแห่งความสุขในสมอง ซึ่งช่วยลดโอกาสการเกิดไมเกรนได้ดีในระยะยาว
- ลดการใช้หน้าจอและแสงสีฟ้าอย่างต่อเนื่อง
การจ้องหน้าจอเป็นเวลานานโดยเฉพาะในสภาพแสงที่ไม่เหมาะสม เป็นอีกหนึ่งสาเหตุของอาการปวดหัวในผู้ชายที่ต้องทำงานหน้าคอมพิวเตอร์ตลอดวัน ลองใช้แว่นกรองแสงหรือพักสายตาทุก 20 นาทีเพื่อให้สายตาได้พักบ้าง
ข้อสรุป
ไมเกรนในผู้ชายเป็นปัญหาที่ซับซ้อนกว่าที่คิด ทั้งจากอาการที่ไม่ชัดเจนไปจนถึงผลกระทบที่ค่อยๆ กัดกินคุณภาพชีวิตของเราแบบเงียบๆ การรู้วิธีดูแลและป้องกันไมเกรนอย่างเหมาะสมคือจุดเริ่มต้นที่สำคัญ แต่หากคุณมีอาการเรื้อรังหรือเริ่มรู้สึกว่าไมเกรนรบกวนชีวิตมากกว่าที่ควร อย่าลังเลที่จะขอคำแนะนำจากแพทย์เฉพาะทาง BTX Migraine Center คือศูนย์รักษาไมเกรนโดยตรง ที่ให้บริการโดยทีมแพทย์ที่เข้าใจไมเกรนในผู้ชายอย่างแท้จริง หากต้องการปรึกษาหรือนัดหมายล่วงหน้า สามารถแอดไลน์ @ayaclinic หรือโทร 090-970-0447 เพื่อรับคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญได้ทันที