ปวดคอแบบนี้เรียก ออฟฟิศซินโดรมหรือกระดูกคอเสื่อม

กระดูกคอเสื่อมคอ เป็นอวัยวะสำคัญต่อการใช้ชีวิตของมนุษย์ และเป็นอวัยวะสำคัญในการขยับร่างกาย มีความยืดหยุ่นและให้ความคล่องตัว ตั้งแต่การขยับร่างกาย การก้มหรือเงยศีรษะ หรือการใช้ท่าทางต่าง ๆ ข้อกระดูกคอของมนุษย์จะประกอบไปด้วย 4 ส่วนประกอบหลัก คือ กระดูกคอ หมอนรองกระดูก เอ็นประกบข้อบริเวณกระดูกต้นคอ  และข้อต่อของกระดูกคอ และทั้งหมดนี้จะเชื่อมกับกระดูกสันหลังทั้งหมด หากเกิดอาการผิดปกติก็อาจจะส่งผลให้เกิดอันตรายได้ ซึ่งหากผู้ป่วยการเกิดเจ็บปวดบริเวณคอ ต้นคอ ก็อาจจะมีอยู่หลายสาเหตุด้วยกัน บางรายอาจรุนแรงจนกระทบกับการใช้ชีวิตประจำวัน ดังนั้น ต้องรีบรักษาเพื่อหาสาเหตุของอาการปวดคอก่อนสาย

สารบัญบทความ

กระดูกคอเสื่อม คืออะไร

กระดูกคอเสื่อม เป็นอาการหรือภาวะที่บริเวณส่วนประกอบต่างๆ ของกระดูกต้นคอเสื่อมลง คือ คือ กระดูกคอ หมอนรองกระดูก เอ็นประกบข้อบริเวณกระดูกต้นคอ  และข้อต่อของกระดูกคอ ซึ่งอาจจะมีสาเหตุมาจากการที่อายุเพิ่มมากขึ้น การใช้คอในอิริยาบถที่ไม่ถูกต้องเป็นประจำ หรือการนั่งทำงานเป็นเวลานานก็อาจจะเป็นสาเหตุหลักด้วยเช่นกัน อาการกระดูกคอเสื่อม ถึงแม้จะเป็นอาการที่ไม่ส่งสัญญาณรุนแรงในเบื้องต้น แต่ถ้าหากปล่อยทิ้งไว้เป็นเวลานาน ก็จะส่งผลต่อการทำงานของเส้นประสาทต่าง ๆ ในร่างกายได้

สาเหตุของกระดูกเสื่อม

โรคกระดูกคอเสื่อม เป็นอาการผิดปกติของอวัยวะบริเวณข้อกระดูกคอ ซึ่งเกิดมาจากหลายสาเหตุด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็น

  • อายุที่เพิ่มมากขึ้น เพราะเป็นช่วงอายุที่ข้อต่อต่าง ๆ จะค่อย ๆ เสื่อมสภาพลงจากการใช้งาน อาการ กระดูกคอเสื่อม จึงพบได้ในผู้ที่มีอายุ 30-40 ปีขึ้นไป
  • เกิดจากหลังการเกิดอุบัติเหตุ โดยเฉพาะผู้ที่ได้รับแรงกระแทกบริเวณลำคออย่างรุนแรง จึงเพิ่มโอกาสเสี่ยงกระดูกคอเสื่อม ได้มากกว่าคนทั่วไป
  • ผู้ที่มีโรคประจำตัวที่เกี่ยวข้องกับบริเวณกระดูกคอ เช่น อาการคลิปเปล-ไฟล์ เป็นโรคที่มีมาแต่กำเนิด หรือผู้ที่มีอาการกล้ามเนื้อคอเกร็งกระตุก เป็นต้น
  • การใช้งานกระดูกคอแบบไม่ถูกต้อง เช่น การนั่งทำงานในท่าเดิม ๆ เป็นเวลานาน หรือ การสะบัดคออย่างรุนแรง เป็นต้น

อาการ กระดูกคอเสื่อม เป็นอย่างไร

อาการกระดูกคอเสื่อม

อาการกระดูกคอเสื่อม จะมีอาการเบื้องต้นคือ ปวดตึงต้นคอ เคลื่อนไหวคอได้น้อยลง ปวดร้าวตามแนวเส้นประสาท ซึ่งเป็นอาการที่สังเกตได้ง่าย แต่เนื่องจากส่วนประกอบของกระดูกคอมีอยู่ด้วยกันหลายส่วน จึงสามารถแบ่งแยกอาการออกเป็น 3 กลุ่มได้ ดังนี้

  1. อาการปวดต้นคอ (Axial Neck Pain) จะรู้สึกปวดบริเวณท้ายทอย ปวดไหล่ ลามไปต้นสะบักด้านหลัง จะมีอาการโดยตรงอยู่ที่กระดูกต้นคอ
  2. อาการกดทับรากประสาท (Radiculopathy) เป็นอาการปวดที่มีผลมาจาก หมอนรองกระดูกเสื่อม ทำให้รู้สึกปวดร้าวตั้งแต่ต้นแขน ลงไปถึงบริเวณนิ้วมือ
  3. อาการกดทับไขสันหลัง (Myelopathy) เป็นอาการปวดที่มีผลมาจาก กดทับไขสันหลัง มีสาเหตุมาจากการปวดแบบอาการกดทับรากประสาทเหมือนกัน แต่จะมีความรุนแรงมากที่สุด ทำให้ผู้ป่วยมีอาการข้อมือเกร็ง ไม่สามารถทรงตัวได้ หรืออาจจะรุนแรงไปจนถึงขั้นไม่สามารถช่วยเหลือตนเองได้เลย

กระดูกคอเสื่อมรักษาอย่างไร

หากพบว่าตนเองเข้าข่ายอาการกระดูกคอเสื่อม เบื้องต้นแนะนำให้พบแพทย์ออร์โธปิดิกส์ หรือหมอกระดูกที่มีความชำนาญและมากประสบการณ์ในด้านกระดูกและข้อ เพื่อเข้ารับการประเมินและวินิจฉัยก่อน ซึ่งทางแพทย์นั้นจะหาแนวทางการรักษาที่เหมาะสมร่วมกับคนไข้ เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ในการรักษาอย่างมีประสิทธิภาพ โดยการรักษาโรคกระดูกคอเสื่อมจะมีขั้นตอนการรักษาหลัก ๆ ดังนี้

  1. การรักษาแบบประคับประคอง ใช้ในกรณีที่ผู้ป่วยมีความเสื่อมไม่รุนแรง ได้แก่
    • การใช้ยา เพื่อลดอาการปวดและอักเสบ
    • การฉีดยาที่เป็นสารสเตียรอยด์และยาลดปวดซึ่งช่วยลดการอักเสบและลดปวด
    • การใส่เฝือกคอในระยะเวลาสั้น ๆ เพื่อบรรเทาอาการปวด 
    • การรักษาทางกายภาพบำบัด
    • การประคบเย็น/ร้อนเพื่อลดปวด 
    • ออกกำลังกายเพื่อเพิ่มความยืดหยุ่นและความแข็งแรงของกล้ามเนื้อคอและหลังส่วน
  2. การรักษาแบบผ่าตัด ใช้ในกรณีที่ผู้ป่วยมีความเสื่อมของกระดูกคอมากเกินไป ทำให้มีอาการปวดที่รุนแรงมากขึ้น การผ่าตัดเพื่อนำกระดูกที่กดทับอยู่ออกจะช่วยให้อาการปวดลดลง

ออฟฟิศซินโดรม คืออะไร

ออฟฟิศซินโดรม (Office Syndrome) เป็นภาวะทางร่างกายชนิดหนึ่งที่เกิดจากการนั่งทำงานหน้าคอมพิวเตอร์ หรือนั่งอยู่ท่าเดิม ๆ เป็นระยะเวลายาวนาน โดยไม่มีการเปลี่ยนท่าทางหรืออิริยาบถ หรืออาจจะใช้ท่านั่งที่ไม่เหมาะสมต่อการทำงาน ส่งผลให้เกิดความผิดปกติทางร่างกาย โดยเฉพาะบริเวณกล้ามเนื้อ กล้ามเนื้ออักเสบ เส้นเอ็น ระบบกระดูก และดวงตา ทำให้ผู้ป่วยมีอาการปวดคอ บ่า ไหล่ หลัง และตาล้า นิ้วชา หรืออาจจะทำให้ไม่สามารถใช้ชีวิตประจำวันได้อย่างปกติอีกต่อไป

สาเหตุของออฟฟิศซินโดรม

  • เกิดจากการนั่งทำงานหน้าคอมพิวเตอร์เป็นเวลานาน หรืออยู่ในท่าทางที่ไม่เหมาะสม
  • เกิดจากสภาพแวดล้อมหรืออุปกรณ์การทำงานที่ไม่เหมาะสม เช่น โต๊ะหรือเก้าอี้มีโครงสร้างที่ไม่เหมาะแก่การนั่งทำงานเป็นเวลานาน ไม่ Support บริเวณหลัง ทำให้รู้สึกปวดหลังได้ง่าย
  • เกิดจากความผิดปกติของร่างกาย เช่น ปัญหาสุขภาพ, การพักผ่อนไม่เพียงพอ, ทานอาหารไม่ตรงเวลา เป็นต้น

อาการ ออฟฟิศซินโดรม เป็นอย่างไร

  • มีอาการปวดบริเวณคอ บ่า ไหล่ กล้ามเนื้อหลัง กระดูก สะบัก และจะปวดแบบเป็นวงกว้าง ทำให้รู้สึกปวดร้าวไปยังบริเวณใกล้เคียง
  • มีอาการปวดแบบล้า ๆ เล็กน้อย ไปจนถึงรุนแรง
  • มีอาการชา เหน็บ ซีด หรือวูบวาบในบริเวณที่ปวด หรือถ้าหากปวดบริเวณคอ จะมีอาการหูอื้อและตาพร่ามัวร่วมด้วย
  • นิ้วชา มือชา แขนขาอ่อนแรง เนื่องจากเกิดการกดทับบริเวณเส้นประสาทนานจนเกินไป

วิธีรักษาออฟฟิศซินโรม

 วิธีการรักษาออฟฟิศซินโดรมมีอยู่ด้วยกันหลายวิธี ตั้งแต่การรักษาด้วยยา  การปรับท่าทางในการนั่งทำงาน การออกกำลังกายหรือทำกายภาพบำบัด ไปจนถึงการรักษาด้วยวิธีทางการแพทย์หรือศาสตร์ทางเลือกอื่น เช่น การฝังเข็มและการฉีดโบท็อก เป็นต้น 

  • การออกกำลังกายเพื่อยืดกล้ามเนื้อ การยืดกล้ามเนื้อ เป็นการออกกำลังกายที่ผู้ป่วยออฟฟิศซินโดรมสามารถทำได้ด้วยตนเองที่บ้าน เป็นการช่วยให้เอ็นข้อต่อและเส้นใยกล้ามเนื้อมีความยืดหยุ่นมากขึ้น
  • การทำกายภาพบำบัด การทำกายภาพบำบัดจะแตกต่างจากการออกกำลังกายเพื่อยืดกล้ามเนื้อ เพราะจะทำโดยนักกายภาพบำบัดที่มีความเชี่ยวชาญ เพื่อให้สามารถใช้ท่าทางในการกายภาพได้อย่างถูกต้องและปลอดภัย
  • การนวดแผนไทย การนวดแผนไทยหรือการนวดกดจุด เป็นการบรรเทาอาการปวดจากโรคออฟฟิศซินโดรม ซึ่งอาจจะช่วยบรรเทาอาการปวดได้ทันที แต่จะช่วยให้หายปวดได้เพียงชั่วคราวเท่านั้น
  • การฝังเข็ม การฝังเข็มเป็นศาสตร์ทางเลือกที่มีมาตั้งแต่โบราณ โดยมีกลไกที่ช่วยยับยั้งความเจ็บปวดต่อประสาทส่วนกลางบริเวณไขสันหลัง ทำให้กล้ามเนื้อคลายตัวและบรรเทาอาการปวดได้
  • การรับประทานยา ยารักษาอาการออฟฟิศซินโดรม มีอยู่ด้วยกันหลายกลุ่ม ซึ่งสามารถบรรเทาอาการปวดได้จริง แต่ต้องปรึกษาแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญก่อนรับประทานทุกครั้ง
  • การฉีดโบท็อก โดยใช้สาร Botulinum Toxin A มาฉีดบล็อกกล้ามเนื้อ ช่วยลดการหลั่งสารที่ทำให้เกิดการหดตัวของกล้ามเนื้อ ซึ่งเป็นตัวการของการปวดเรื้อรังได้

ข้อแตกต่างระหว่างกระดูกคอเสื่อมกับออฟฟิศซินโดรม

Header Tag 2 : อาการ ออฟฟิศซินโดรม เป็นอย่างไร มีอาการปวดบริเวณคอ บ่า ไหล่ กล้ามเนื้อหลัง กระดูก สะบัก และจะปวดแบบเป็นวงกว้าง ทำให้รู้สึกปวดร้าวไปยังบริเวณใกล้เคียง มีอาการปวดแบบล้า ๆ เล็กน้อย ไปจนถึงรุนแรง มีอาการชา เหน็บ ซีด หรือวูบวาบในบริเวณที่ปวด หรือถ้าหากปวดบริเวณคอ จะมีอาการหูอื้อและตาพร่ามัวร่วมด้วย นิ้วชา มือชา แขนขาอ่อนแรง เนื่องจากเกิดการกดทับบริเวณเส้นประสาทนานจนเกินไป Header Tag 2 : วิธีรักษาออฟฟิศซินโรม วิธีการรักษาออฟฟิศซินโดรมมีอยู่ด้วยกันหลายวิธี ตั้งแต่การรักษาด้วยยา การปรับท่าทางในการนั่งทำงาน การออกกำลังกายหรือทำกายภาพบำบัด ไปจนถึงการรักษาด้วยวิธีทางการแพทย์หรือศาสตร์ทางเลือกอื่น เช่น การฝังเข็มและการฉีดโบท็อก เป็นต้น การออกกำลังกายเพื่อยืดกล้ามเนื้อ การยืดกล้ามเนื้อ เป็นการออกกำลังกายที่ผู้ป่วยออฟฟิศซินโดรมสามารถทำได้ด้วยตนเองที่บ้าน เป็นการช่วยให้เอ็นข้อต่อและเส้นใยกล้ามเนื้อมีความยืดหยุ่นมากขึ้น การทำกายภาพบำบัด การทำกายภาพบำบัดจะแตกต่างจากการออกกำลังกายเพื่อยืดกล้ามเนื้อ เพราะจะทำโดยนักกายภาพบำบัดที่มีความเชี่ยวชาญ เพื่อให้สามารถใช้ท่าทางในการกายภาพได้อย่างถูกต้องและปลอดภัย การนวดแผนไทย การนวดแผนไทยหรือการนวดกดจุด เป็นการบรรเทาอาการปวดจากโรคออฟฟิศซินโดรม ซึ่งอาจจะช่วยบรรเทาอาการปวดได้ทันที แต่จะช่วยให้หายปวดได้เพียงชั่วคราวเท่านั้น การฝังเข็ม การฝังเข็มเป็นศาสตร์ทางเลือกที่มีมาตั้งแต่โบราณ โดยมีกลไกที่ช่วยยับยั้งความเจ็บปวดต่อประสาทส่วนกลางบริเวณไขสันหลัง ทำให้กล้ามเนื้อคลายตัวและบรรเทาอาการปวดได้ การรับประทานยา ยารักษาอาการออฟฟิศซินโดรม มีอยู่ด้วยกันหลายกลุ่ม ซึ่งสามารถบรรเทาอาการปวดได้จริง แต่ต้องปรึกษาแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญก่อนรับประทานทุกครั้ง การฉีดโบท็อก โดยใช้สาร Botulinum Toxin A มาฉีดบล็อกกล้ามเนื้อ ช่วยลดการหลั่งสารที่ทำให้เกิดการหดตัวของกล้ามเนื้อ ซึ่งเป็นตัวการของการปวดเรื้อรังได้ Header Tag 2 : ข้อแตกต่างระหว่างกระดูกคอเสื่อมกับออฟฟิศซินโดรม

  • สาเหตุของการเกิดอาการกระดูกคอเสื่อมกับออฟฟิศซินโดรม แตกต่างกันอย่างไร?

อาการกระดูกคอเสื่อมจะมีอาการเจ็บขณะขยับคอ ปวดร้าวไปถึงไหล่ แขน และปลายนิ้ว โดยระยะแรกจะมีอาการปวดคล้ายกับเป็นออฟฟิศซินโดรม แต่จะปวดเป็นระยะเวลานานกว่า โดยเริ่มจากการปวดบริเวณต้นคอและสะบัก ส่วนสาเหตุของออฟฟิศซินโดรมเกิดจาก กล้ามเนื้ออักเสบบริเวณคอ บ่า ไหล่ที่เกิดจากการใช้กล้ามเนื้อบริเวณนั้นอย่างผิดปกติ หรือนั่งทำงานอยู่ในอิริยาบทไม่เหมาะสม

 

  • ลักษณะอาการปวดของกระดูกคอเสื่อมกับออฟฟิศซินโดรม แตกต่างกันอย่างไร?

กระดูกคอเสื่อม : ปวดบริเวณต้นคอและสะบัก จะมีอาการโดยตรงอยู่ที่กระดูกต้นคอ

ออฟฟิศซินโดรม : มีอาการปวดบริเวณคอ บ่า ไหล่ กล้ามเนื้อหลัง กระดูก สะบัก และจะปวดแบบเป็นวงกว้าง

  • วิธีการรักษาอาการกระดูกคอเสื่อมกับออฟฟิศซินโดรม แตกต่างกันอย่างไร?

กระดูกคอเสื่อม : จะใช้วิธีการรักษาโดยการรับประทานยา การกายภาพบำบัด การประคบเย็น/ร้อน แต่ถ้ามีอาการปวดอย่างรุนแรงอาจจะต้องใส่เฝือกหรือทำการผ่าตัด

ออฟฟิศซินโดรม : จะใช้วิธีการรักษาโดยการรับประทานยา การกายภาพบำบัด หรือการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมเหมือนการรักษากระดูกคอเสื่อม แต่ถ้าหากมีอาการรุนแรง สามารถรักษาได้โดยการฝังเข็มหรือฉีดโบท็อก

ข้อสรุป

ไม่ว่าจะเป็นอาการกระดูกคอเสื่อมหรือออฟฟิศซินโดรม ก็ล้วนมีสาเหตุมาจากความผิดปกติบริเวณกระดูกส่วนคอเหมือนกัน ซึ่งเป็นจุดที่สำคัญมากในการดำเนินชีวิตประจำวัน เป็นอวัยวะที่สำคัญและเป็นจุดเชื่อมไปถึงกระดูกสันหลัง มีผลต่อการขยับตัว ก้มหน้า เงยหน้า หัน ดังนั้น ควรรีบทำการรักษา ซึ่งหากใครกำลังมองหาที่รักษาก็สามารถแอดไลน์ @ayaclinic หรือโทรเบอร์  090–970-0447 เพื่อปรึกษา ขอคำแนะนำ หรือจองคิวฉีดโบท็อกไมเกรน เพื่อลดอาการไมเกรน เวียนหัวและปวดหัวรูปแบบต่าง ๆ กับทางแพทย์ผู้เชี่ยวชาญของ BTX Migraine Center ศูนย์รักษาไมเกรนเฉพาะทางที่ปลอดภัยและทันสมัยได้ทันที