ไมเกรนชนิดออร่า คืออะไร? สัญญาณเตือนก่อนปวดที่ไม่ควรละเลย

สัญญาณเตือนไมเกรนออร่าไมเกรนชนิดออร่า (Migraine with Aura) อาการแปลกประหลาดที่เกิดขึ้นก่อนเป็นไมเกรน แสงวูบวาบรูปทรงแปลกๆ ลอยผ่าน ความรู้สึกชาไปครึ่งใบหน้า อาการเหล่านี้เป็นสัญญาณเตือนไมเกรนที่เกิดขึ้นได้เป็นปกติสำหรับผู้ป่วยไมเกรน แต่ก่อนอื่นเราต้องมาทำความเข้าใจกันก่อนว่าอาการไมเกรนมีออร่าคืออะไร สาเหตุมาจากไหน อันตรายหรือไม่ พร้อมแนะนำวิธีสังเกตอาการเบื้องต้นก่อนที่มันจะพัฒนาไปสู่ไมเกรนเต็มตัว เพื่อให้คุณสามารถดูแลตัวเองได้ทันเวลา

สารบัญบทความ

ไมเกรนชนิดออร่า คืออะไร?

ไมเกรนชนิดออร่า (Migraine with Aura) คือไมเกรนที่มาพร้อมสัญญาณเตือนล่วงหน้าที่ไม่ควรมองข้าม เป็นกลุ่มอาการผิดปกติที่เกิดขึ้นกับระบบประสาทก่อนที่อาการปวดหัวไมเกรนจะเริ่มต้นขึ้น ซึ่งส่วนใหญ่มักเกิดขึ้นชั่วคราวประมาณ 30-60 นาที

อาการที่พบได้บ่อยคือ ปวดหัวเห็นแสงระยิบระยับ รูปทรงคล้ายฟ้าผ่าหรือจุดดำลอยไปมา บางคนอาจรู้สึกชาที่มือ ใบหน้า หรือพูดจาติดขัดเหมือนลิ้นแข็ง ทั้งหมดนี้อาจดูเหมือนอาการเล็กๆ ที่มาไวไปไว แต่จริงๆ แล้วคือสัญญาณเตือนที่บ่งบอกว่าระบบประสาทกำลังมีการเปลี่ยนแปลง ซึ่งเป็นสาเหตุที่ทำให้ไมเกรนชนิดนี้ดูแตกต่างและน่ากังวลกว่าการปวดหัวธรรมดา

คนส่วนใหญ่มักไม่รู้ว่าตัวเองเป็นไมเกรนออร่าเพราะอาการไม่ชัดเจน และบางครั้งอาจไม่ปวดหัวเลยหลังจากออร่าหายไปแล้วด้วยซ้ำ แต่การรู้จักไมเกรนรูปแบบนี้เอาไว้จะช่วยให้เราสังเกตและดูแลร่างกายได้ดีขึ้น โดยเฉพาะในช่วงที่ชีวิตยุ่งเหยิงจนละเลยสัญญาณเล็กๆ จากร่างกายไป

Migraine with Auraอาการของออร่าไมเกรนมีอะไรบ้าง?

หากรู้สึกว่าตัวเองปวดหัวเห็นแสงหรือรู้สึกแปลกๆ ก่อนไมเกรนมา นั่นอาจเป็นสัญญาณก่อนปวดไมเกรนที่เรียกว่า “ออร่าไมเกรน” ซึ่งเกิดจากการทำงานผิดปกติของระบบประสาทชั่วขณะหนึ่ง ทำให้เกิดอาการผิดปกติต่างๆ ตามมา โดยเฉพาะกับการรับรู้ เช่น การมองเห็น การสัมผัส หรือการพูด โดยทั่วไปไมเกรนแบบมีอาการเตือนจะมีอาการที่แตกต่างกันไปในแต่ละคน ซึ่งสามารถแบ่งออกได้เป็น 2 กลุ่มหลักๆ ดังนี้

ออร่าส่วนใหญ่เป็นอาการทางสายตา 

ผู้ที่มีอาการไมเกรนแบบมีออร่าส่วนใหญ่มักเห็นสิ่งที่เรียกว่า visual aura หรือออร่าทางสายตา ซึ่งเกิดขึ้นบ่อยที่สุดถึง 90% ของผู้ที่มีอาการนี้

  • เห็นแสงระยิบระยับ วูบวาบ คล้ายแฟลช
  • เห็นเส้นฟันเลื่อย หรือรูปทรงเรขาคณิตแปลกๆ
  • มีจุดดำหรือจุดสว่างลอยไปมาในสายตา
  • บางรายอาจมีการมองเห็นภาพบิดเบี้ยวหรือเห็นภาพซ้อนชั่วคราว

อาการเหล่านี้มักเกิดขึ้นในดวงตาทั้งสองข้างและค่อยๆ หายไปภายใน 30-60 นาที เป็นหนึ่งในสัญญาณที่ชัดเจนที่สุดว่าไมเกรนกำลังจะมา

ออร่าอื่น ๆ ที่พบได้ 

นอกจากเรื่องการมองเห็นแล้วยังมีออร่าในรูปแบบอื่นๆ ที่อาจเจอได้ แม้จะพบน้อยกว่าแต่ก็ไม่ควรมองข้าม เพราะเป็นสัญญาณก่อนปวดไมเกรนเช่นกัน ซึ่งได้แก่

  • อาการชาหรือรู้สึกแปลกๆ บริเวณมือ ปาก หรือใบหน้า
  • พูดติดขัด คิดคำไม่ออก สื่อสารไม่ได้ชั่วคราว
  • เวียนหัวหรือรู้สึกเหมือนตัวลอย
  • รู้สึกเหมือนร่างกายบางส่วนขยับไม่ได้ชั่วขณะ

ไมเกรนออร่า

สาเหตุของไมเกรนชนิดออร่า

แม้จะยังไม่มีคำตอบแบบตายตัวว่าไมเกรนชนิดออร่าเกิดจากอะไรกันแน่ แต่จากการศึกษาทางการแพทย์ก็พอจะมองเห็นภาพรวมของกระบวนการในสมองที่เกี่ยวข้องกับอาการเหล่านี้ได้ชัดเจนขึ้น โดยเฉพาะในช่วงที่เกิดออร่าก่อนอาการปวดหัวจะตามมา ซึ่งเบื้องหลังของอาการไมเกรนมีออร่านั้นไม่ได้เกี่ยวกับความดันโลหิตหรือการนอนน้อยเพียงอย่างเดียว แต่อาจลึกไปถึงระดับของคลื่นไฟฟ้าและสารเคมีในสมองเลยทีเดียว

ความผิดปกติของการไหลของคลื่นไฟฟ้าในสมอง

หนึ่งในสมมุติฐานที่ได้รับการยอมรับมากที่สุดคือปรากฏการณ์ที่เรียกว่า Cortical Spreading Depression (CSD) ซึ่งคือการไหลกระจายของคลื่นไฟฟ้าช้าผ่านเปลือกสมองส่วนรับรู้ เช่น บริเวณที่เกี่ยวกับการมองเห็นหรือการสัมผัส คลื่นนี้จะทำให้การทำงานของเซลล์ประสาทในบริเวณนั้นช้าลงหรือหยุดชั่วคราว ส่งผลให้เกิดอาการทางประสาท เช่น มองเห็นภาพแปลกๆ รู้สึกชาตามตัว หรือพูดติดขัด ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของอาการออร่าที่หลายคนเคยเจอมาก่อนปวดหัวไมเกรนจะตามมา

การหลั่งสารสื่อประสาทผิดปกติ

เมื่อสมองเกิดการกระตุ้นจากคลื่นไฟฟ้าที่ผิดปกติ ร่างกายก็อาจตอบสนองโดยการหลั่งสารสื่อประสาท (Neurotransmitters) ที่เกี่ยวข้องกับความเจ็บปวดและการอักเสบ เช่น เซโรโทนิน (Serotonin) ที่ทำให้หลอดเลือดหดตัวหรือขยายตัวผิดจังหวะ ซึ่งส่งผลต่อความสมดุลของระบบประสาทโดยรวม 

ความเสี่ยงและปัญหาที่อาจตามมา

หลายคนอาจมองว่าไมเกรนชนิดออร่าแค่สร้างความรำคาญชั่วคราว พอหายปวดหัวก็ดูเหมือนจะไม่มีอะไรแล้ว แต่ความจริงคืออาการที่ดูเหมือนไม่ร้ายแรงนี้อาจเกี่ยวข้องกับปัญหาสุขภาพในระยะยาวได้มากกว่าที่คิด โดยเฉพาะถ้าเป็นบ่อยหรือมีความผิดปกติอื่นร่วมด้วย ซึ่งความเสี่ยงและผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นตามมา หากละเลยอาการไมเกรนมีออร่าไปโดยไม่ดูแลอย่างจริงจัง มีดังนี้

  • เสี่ยงต่อโรคหลอดเลือดสมอง (Stroke)

ผู้ที่มีไมเกรนแบบมีอาการเตือน มีโอกาสเป็นโรคหลอดเลือดสมองชนิดตีบได้สูงกว่าคนทั่วไปเล็กน้อย โดยเฉพาะในผู้หญิงที่สูบบุหรี่หรือกินยาคุมกำเนิด

  • ส่งผลต่อการใช้ชีวิตประจำวัน

เพราะอาการมักโผล่มาแบบไม่ทันตั้งตัว ทำให้บางคนต้องหยุดงานกลางคันหรือไม่กล้าออกไปข้างนอกเพราะกลัวจะเกิดออร่ากลางทาง เช่น มองเห็นภาพบิดเบี้ยว พูดไม่รู้เรื่อง ฯลฯ

  • กระทบต่อสุขภาพจิตในระยะยาว

ความไม่แน่นอนของอาการปวดหัวไมเกรนและออร่าอาจทำให้บางคนเกิดความวิตกกังวล ซึมเศร้า หรือรู้สึกหมดพลัง เพราะใช้ชีวิตแบบต้องคอยระวังอยู่ตลอดเวลา

การวินิจฉัยไมเกรนชนิดออร่า

เพราะไมเกรนชนิดออร่ามีอาการแปลกและคล้ายกับโรคทางระบบประสาทอื่นๆ การวินิจฉัยที่แม่นยำจึงเป็นสิ่งสำคัญมาก ไม่ใช่แค่เพื่อหาสาเหตุของอาการปวดหัวที่แท้จริงแต่ยังช่วยคัดกรองโรคร้ายแรงอื่นๆ ที่อาจซ่อนอยู่ด้วย แม้เราจะรู้ตัวเองดีที่สุดว่าเคยมีอาการไมเกรนมีออร่าหรือเปล่า แต่การได้พูดคุยกับแพทย์และเข้ารับการตรวจที่เหมาะสม ก็จะช่วยยืนยันสิ่งที่สงสัยและช่วยให้ดูแลตัวเองได้ตรงจุดมากขึ้น โดยการวินิจฉัยไมเกรนชนิดออร่าประกอบด้วยขั้นตอนหลักๆ ดังนี้

  • ซักประวัติอาการโดยละเอียด

แพทย์จะถามถึงลักษณะของออร่า เช่น เห็นแสงแบบไหน ระยะเวลานานแค่ไหน เริ่มก่อนหรือหลังปวดหัว เพื่อแยกไมเกรนออกจากโรคอื่นที่คล้ายกัน เช่น ลมชัก หรือภาวะสมองขาดเลือดชั่วคราว

  • ตรวจร่างกายทางระบบประสาท

ขั้นตอนต่อมาคือตรวจร่างกายทางระบบประสาทเพื่อดูว่าสมองและระบบประสาททำงานผิดปกติหรือไม่ เช่น การตอบสนองของดวงตา การพูด การเคลื่อนไหว รวมถึงการรับรู้สัมผัสต่างๆ

  • พิจารณาการตรวจเพิ่มเติม (เฉพาะในบางราย)

ถ้ามีอาการผิดปกติที่น่าสงสัย แพทย์อาจแนะนำให้ตรวจ MRI หรือ CT scan เพื่อดูภาพสมองอย่างละเอียด โดยเฉพาะในคนที่เพิ่งมีออร่าครั้งแรกหรือมีอาการที่ไม่เหมือนเดิม

  • ประเมินตามเกณฑ์การวินิจฉัยของ ICHD-3

การประเมินตามเกณฑ์การวินิจฉัยของ ICHD-3 เป็นเกณฑ์มาตรฐานที่ใช้ทั่วโลกในการจำแนกไมเกรนชนิดต่างๆ โดยเฉพาะปวดหัวไมเกรนที่มีลักษณะเฉพาะ เช่น ระยะเวลาของออร่า ความถี่ของอาการ และความสัมพันธ์กับอาการปวดหัว

ไมเกรนแบบออร่าแนวทางการรักษาไมเกรนชนิดออร่า

สำหรับคนที่เคยเจออาการนี้แล้วจะรู้ว่าอาการไมเกรนมีออร่าส่งผลต่อชีวิตได้มากกว่าที่คิด ทั้งอาการแปลกๆ ก่อนปวดหัว ไปจนถึงความไม่แน่นอนที่ควบคุมไม่ได้ ดังนั้นการรักษาจึงต้องมีแผนรับมือที่เหมาะกับทั้งความถี่ของอาการและไลฟ์สไตล์ของแต่ละคนด้วย

โดยทั่วไปการรักษาไมเกรนชนิดออร่าจะแบ่งออกเป็น 2 ส่วนหลักๆ คือ การจัดการเมื่อมีอาการเฉียบพลัน และการดูแลแบบระยะยาวเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดซ้ำบ่อยๆ ดังนี้

การรักษาเมื่อมีอาการเฉียบพลัน

ถ้าเริ่มมีสัญญาณเบื้องต้น เช่น มองเห็นแสงวูบวาบ หรือเริ่มรู้สึกชาตามตัว ขั้นตอนแรกคือพาตัวเองไปอยู่ในที่เงียบและมืด ลดการกระตุ้นจากแสง สี เสียง เพราะระบบประสาทกำลังไวต่อสิ่งเร้ามากกว่าปกติ จากนั้นสามารถใช้ยาเพื่อบรรเทาอาการได้ เช่น ยาแก้ปวดกลุ่ม NSAIDs หรือยาเฉพาะสำหรับไมเกรน

การรักษาแบบป้องกัน (ในรายที่เป็นบ่อย)

หากคนที่มีไมเกรนชนิดออร่าอยู่เป็นประจำ เช่น เดือนละหลายครั้ง หรืออาการรุนแรงจนกระทบกับงานหรือชีวิตประจำวัน การดูแลแบบตั้งรับอย่างเดียวอาจไม่พอ แพทย์จึงแนะนำให้ใช้วิธีป้องกันระยะยาวร่วมด้วย โดยแนวทางป้องกันที่ใช้ได้ ได้แก่

  • การใช้ยา เช่น ยาปรับสมดุลระบบประสาท หรือยาลดความดันที่มีฤทธิ์ช่วยลดความถี่ของไมเกรน
  • ปรับพฤติกรรม เช่น นอนให้เป็นเวลา หลีกเลี่ยงสิ่งกระตุ้นเฉพาะบุคคล
  • การจดบันทึกอาการเพื่อตามหาต้นตอที่กระตุ้นไมเกรนในแต่ละคน
  • ในบางรายอาจเลือกวิธีธรรมชาติเสริม เช่น การฝังเข็ม โยคะ หรือนวดผ่อนคลาย ซึ่งแม้ไม่ได้รักษาโดยตรงแต่ก็ช่วยให้ร่างกายกลับเข้าสู่สมดุลได้ดีขึ้น

วิธีดูแลตัวเองเมื่อเป็นไมเกรนชนิดออร่า

อาการไมเกรนมีออร่ามักมาแบบไม่ให้เราได้ทันตั้งตัว ซึ่งถ้าเราจัดการได้ตั้งแต่เนิ่นๆ ก็จะช่วยลดความรุนแรงของอาการและไม่ปล่อยให้มันรบกวนชีวิตมากเกินไป โดยวิธีดูแลตัวเองเบื้องต้นสามารถทำได้ดังนี้

  • หาที่เงียบและมืดทันที

พาตัวเองออกจากสภาพแวดล้อมที่มีแสงจ้า เสียงดัง หรือกลิ่นแรง เพราะระบบประสาทกำลังไวต่อสิ่งกระตุ้นมากกว่าปกติ

  • พักสายตาและไม่จ้องจอ

หลีกเลี่ยงการใช้อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ทุกชนิด ไม่ว่าจะเป็นมือถือ แท็บเล็ต หรือคอมพิวเตอร์ เพราะแสงสีฟ้าอาจกระตุ้นให้อาการแย่ลง

  • นอนพักในท่าที่สบาย

ถ้าเป็นไปได้ให้นอนพักสักงีบ เพราะการนอนจะช่วยรีเซ็ตระบบประสาทและอาจช่วยให้อาการเบาลงได้เร็วขึ้น

  • จิบน้ำเปล่าบ่อยๆ

ร่างกายขาดน้ำเล็กน้อยก็สามารถกระตุ้นไมเกรนได้ การจิบน้ำเล็กๆ บ่อยๆ ช่วยลดความเสี่ยงและทำให้รู้สึกดีขึ้น

  • ใช้ผ้าชุบน้ำเย็นประคบบริเวณศีรษะหรือต้นคอ

ความเย็นช่วยลดการอักเสบและบรรเทาอาการปวดหัวไมเกรนได้ในระดับหนึ่ง โดยเฉพาะถ้าเริ่มรู้สึกตุบๆ บริเวณขมับ

  • อย่าฝืนทำกิจกรรมต่อหากรู้สึกไม่ไหว

ไม่ว่าจะทำกิจกรรมใดอยู่ก็ตาม ถ้าเริ่มปวดหัวเห็นแสงแล้วควรหยุดทันที เพราะยิ่งฝืน ระบบประสาทจะยิ่งเครียดและอาจปวดหนักกว่าเดิม

  • กินยาที่แพทย์สั่งให้ตรงเวลา

ถ้ามียาที่เคยได้รับ เช่น ยาแก้ปวด หรือยากลุ่ม triptans ควรกินให้เร็วที่สุดตั้งแต่เริ่มมีอาการ อย่ารอให้ปวดเต็มที่แล้วค่อยกินเพราะจะได้ผลน้อยลง

วิธีป้องกันไมเกรนชนิดออร่า

แม้เราจะรู้ล่วงหน้าไม่ได้ว่าไมเกรนจะมาตอนไหน แต่อย่างน้อยก็สามารถลดโอกาสการเกิดอาการหรือทำให้เกิดน้อยลงได้ ด้วยการปรับพฤติกรรมเล็กๆ ที่ส่งผลกับระบบประสาทและสมองโดยตรง โดยเฉพาะในผู้ที่เคยมีอาการไมเกรนมีออร่าซ้ำๆ เป็นประจำ การป้องกันตั้งแต่ต้นทางจะช่วยให้ใช้ชีวิตได้อย่างราบรื่นมากขึ้น ลองเช็กดูว่าในแต่ละวันคุณดูแลตัวเองแบบนี้อยู่หรือเปล่า

  • นอนให้พอดีและนอนให้เป็นเวลา

การนอนน้อยเกินไปหรือมากเกินไป สามารถกระตุ้นให้ไมเกรนมาได้ง่ายๆ โดยเฉพาะในคนที่เป็นไมเกรนชนิดออร่า การมีเวลาเข้านอนและตื่นที่สม่ำเสมอจะช่วยให้สมองไม่เครียดเกินไป

  • หลีกเลี่ยงอาหารที่เป็นตัวกระตุ้น

เช่น ช็อกโกแลต คาเฟอีน กลุ่มชีสบ่ม อาหารหมักดอง หรืออาหารที่มีผงชูรสมากๆ เพราะบางคนอาจไวต่อสารบางอย่างโดยไม่รู้ตัว

  • ลดความเครียดด้วยวิธีที่เหมาะกับตัวเอง

ไม่ว่าจะเป็นการเดินช้าๆ ฟังเพลง หรือทำกิจกรรมที่ช่วยให้ผ่อนคลาย เพราะความเครียดเรื้อรังเป็นหนึ่งในตัวกระตุ้นปวดหัวไมเกรนชั้นดี

  • จดบันทึกอาการ

จดบันทึกอาการเพื่อสังเกตว่ามีสิ่งกระตุ้นอะไรบ้างที่ทำให้เกิดไมเกรนในแต่ละครั้ง เช่น แสงจ้า เสียงดัง หรือการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน วิธีนี้ช่วยให้เราหลีกเลี่ยงสิ่งกระตุ้นได้ตรงจุดที่สุด

  • ดื่มน้ำให้เพียงพอ

แค่ขาดน้ำเล็กน้อยก็อาจทำให้สมองไวต่อการเปลี่ยนแปลงได้ ดังนั้น การจิบน้ำบ่อยๆ ระหว่างวันจึงช่วยให้ร่างกายสมดุลขึ้น อาการปวดหัวก็จะมาน้อยลง

  • ออกกำลังกายแบบเบาๆ อย่างสม่ำเสมอ

การขยับร่างกายแบบไม่หักโหม เช่น โยคะ เดินเร็ว หรือว่ายน้ำ ช่วยลดโอกาสการเกิดไมเกรนได้ดีแถมยังทำให้สุขภาพร่างกายแข็งแรงขึ้นด้วย

  • ปรึกษาแพทย์หากอาการถี่หรือรุนแรง

ถ้าอาการเกิดบ่อยขึ้นเรื่อยๆ แนะนำให้เข้าพบแพทย์เพื่อพิจารณาวิธีป้องกันด้วยยาหรือการดูแลเฉพาะบุคคลจะช่วยให้ควบคุมไมเกรนได้ในระยะยาว

ข้อสรุป

ไมเกรนชนิดออร่า เป็นสัญญาณจากร่างกายที่ควรใส่ใจมากกว่าที่คิด เพราะอาการเตือนเล็กๆ อย่างเห็นแสงวูบวาบ พูดไม่ชัด หรือรู้สึกชาชั่วขณะ อาจนำไปสู่ผลกระทบในชีวิตประจำวันได้แบบไม่ทันตั้งตัว การรู้เท่าทันอาการและเข้าใจร่างกายของตัวเองคือจุดเริ่มต้นของการดูแลที่ดี แต่ถ้าคุณยังไม่แน่ใจว่าอาการที่เป็นใช่ไมเกรนชนิดออร่าหรือไม่ หรืออยากได้คำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญโดยตรง สามารถปรึกษาเพิ่มเติมได้ที่ BTX Migraine Center ศูนย์รักษาไมเกรนโดยแพทย์เฉพาะทาง แอดไลน์ @ayaclinic หรือโทร 090-970-0447 เพื่อรับคำปรึกษาได้ทันที

แอดไลน์