ปวดหัวข้างซ้าย มีอาการจี๊ดๆ อันตรายไหม? การรักษาอย่างไร
หนึ่งในอาการของโรคปวดหัวไมเกรนคือ อาการปวดหัวข้างเดียวหรือปวดหัวข้างซ้ายจี๊ด ๆ ซึ่งเป็นอาการที่สร้างความน่ารำคาญและรบกวนชีวิตประจำวันใครหลาย ๆ คน
วันนี้เราจึงรวบรวมข้อมูลที่เป็นประโยชน์ ตอบทุกข้อสงสัย เช่น อาการปวดหัวข้างซ้ายจี๊ด ๆ อันตรายหรือไม่ ปวดหัวข้างซ้ายเกิดจากอะไร ปวดหัวข้างซ้ายบ่อย ๆ รักษาอย่างไร ถ้าพร้อมแล้ว ตามไปอ่านกันเลย
สารบัญบทความ
- ปวดหัวข้างซ้าย
- ปวดหัวข้างซ้าย เกิดจากสาเหตุใด
- อาการปวดหัวข้างซ้าย
- ประเภทของการปวดหัวข้างซ้าย
- ปวดหัวข้างซ้าย เมื่อไหร่ควรพบแพทย์
- วิธีรักษาอาการปวดหัวข้างซ้าย
- ปรับพฤติกรรมป้องกันปวดหัวข้างซ้าย
- ข้อสรุป
ปวดหัวข้างซ้าย
อาการปวดหัวข้างซ้ายมักเกิดขึ้นกับใครหลาย ๆ คน และเป็นอาการที่พบได้บ่อย โดยอาจจะมีอาการปวดหัวตรงขมับซ้าย ปวดจี๊ด บริเวณอวัยวะอื่นทางด้านซ้าย ปวดหัวข้างซ้ายตาพร่ามัว ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคล เนื่องจากอาการปวดหัวข้างเดียวข้างซ้ายนั้นสามารถเกิดได้จากหลายสาเหตุและมีหลายประเภท
อย่างไรก็ตาม หากพบว่าตนเองมีอาการปวดหัวไมเกรนหรือปวดหัวข้างซ้ายข้างเดียวบ่อยครั้งหรือรุนแรงขึ้น ควรรีบหาสาเหตุ ปรึกษาแพทย์ ตรวจไมเกรน ตลอดจนเข้ารักษาไมเกรน
ปวดหัวข้างซ้าย เกิดจากสาเหตุใด
ปวดหัวข้างซ้ายหรือปวดไมเกรนข้างซ้ายนั้นเกิดจากกลไกการทำงานของกล้ามเนื้อที่ตึงเกินไปหลอดเลือดในสมองขยายหรือพองตัว ในบางครั้งก็เกิดจากการกลไกการทำงานผิดปกติของสารเคมีในสมอง โดยสาเหตุหลัก ๆ ที่ส่งผลให้เกิดกลไกความผิดปกติ คือ
- โรคไมเกรนหรือปวดหัวเรื้อรัง
- พฤติกรรมและการใช้ชีวิตประจำวัน เช่น นอนน้อย เครียด
- อาการเจ็บป่วยบางชนิด เช่น เนื้องอกในสมอง หลอดเลือกอักเสบ
อาการปวดหัวข้างซ้าย
ดังที่กล่าวมาในข้างต้น อาการปวดหัวข้างซ้ายนั้นมีหลายรูปแบบ แต่ละรูปแบบก็จะมีลักษณะอาการแตกต่างกันออกไป วันนี้เราจึงรวบรวมลักษณะอาการปวดหัวข้างซ้ายที่พบได้บ่อยมาฝาก ดังนี้
ปวดหัวข้างซ้ายบริเวณหลังหู
การปวดหัวข้างซ้ายหลังหูมักมีอาการคือ ปวดหัวทั่วบริเวณขมับ ปวดหัวซีกซ้ายหรือซีกขวา ซีกใดซีกหนึ่ง ตลอดจนปวดลามไปยังบริเวณหลังหู จนทำให้มีอาการร่วมทำให้หูอื้อ
ปวดหัวข้างซ้ายตรงกระบอกตา
ปวดหัวข้างซ้ายกระบอกตา เป็นหนึ่งในอาการร่วมจากอาการปวดหัวไมเกรน ที่จะส่งผลให้เกิดอาการปวดหัวรุนแรงกระทั่งทำให้ปวดหัวร้าว และลามไปจนปวดกระบอกตานั่นเอง
ปวดหัวคิ้วข้างซ้าย
ปวดหัวคิ้วข้างซ้าย มักมีอาการปวดหน่วง ๆ บริเวณหัวคิ้ว ซึ่งอาการเหล่านี้มักร่วมกับการปวดหัวไมเกรน ปวดใบหน้า หรือปวดจากโรคไซนัส
ปวดหัวข้างซ้ายท้ายทอย
ปวดหัวข้างซ้ายท้ายทอยมักเกิดอาการร่วมกับการตึงกล้ามเนื้อ อักเสบ ปวดบริเวณบ่า ไหล่ ตลอดจนลามไปปวดท้ายทอยข้างซ้าย
ปวดหัวข้างซ้ายข้างเดียว
อาการปวดหัวข้างเดียวข้างซ้าย มักมีอาการปวดหัวร่วมกับการเห็นภาพซ้อน วิงเวียนหัว คลื่นไส้ บางครั้งอาจมีอาการกล้ามเนื้อชาด้วย
ปวดหัวข้างซ้ายสลับขวา
ลักษณะการของปวดหัวข้างซ้ายสลับขวา คือ มักมีอาการปวดหัวที่เกิดขึ้นเป็นรอบ ๆ ครั้งละ 15 – 30 นาที โดยอาจจะรู้สึกปวดตุ้บ ๆ สลับซ้าย-ขวา และมักมีอาการนี้เรื่อย ๆ
ประเภทของการปวดหัวข้างซ้าย
การปวดหัวข้างซ้ายนั้นเกิดจากหลายสาเหตุ ทำให้การปวดหัวข้างซ้ายนั้นมีหลายประเภทแตกต่างกันออกไป ดังนี้
1. ปวดหัวข้างซ้ายจากไมเกรน
เป็นอาการปวดหัวตุบๆ ข้างเดียวอย่างรุนแรง อาจจะเป็นในระยะเวลาอันสั้นตั้งแต่ 4 ชั่วโมงไปจนถึง 3 วัน ซึ่งแน่นอนว่าอาการปวดหัวไมเกรนนั้นจะมีอาการอื่น ๆ ร่วมด้วย เช่น ปวดหัวข้างซ้ายร่วมกับอาการตาพร่ามัว ไวต่อสิ่งเร้า เช่น แสง สี เสียง คลื่นไส้ อาเจียน ตลอดจนมองเห็นแสงวูบวาบและไม่สามารถขับรถหรือใช้ชีวิตประจำวันได้ดังเดิม
2. ปวดหัวข้างซ้ายจากความเครียด
การปวดหัวจากความเครียด ปวดหัวจากกล้ามเนื้อเกร็งตัว หรือปวดหัวท้ายทอย เกิดจากความเครียด การนั่งท่าเดิมนาน ๆ อาการมักเป็น ๆ หาย ๆ โดนจะรู้สึกคล้ายกับว่าโดนรัดรอบหัว ใบหน้า ท้ายทอย ตึงร้าวไปกระทั่งบ่าและหลัง
3. ปวดหัวข้างซ้ายแบบคลัสเตอร์
ปวดหัวเป็นชุด ๆ ที่นับว่าค่อนข้างรุนแรง และสร้างความรำคาญต่อผู้ป่วยเป็นอย่างมาก เนื่องจากจะเกิดขึ้นเป็นชุด ๆ อย่างเฉียบพลัน ติดต่อกันเป็นระยะเวลานาน โดยอาจจะปวดหัวจี๊ด ปวดไปถึงบริเวณหน้าผาก ขมับ ฟัน จมูก คอ และหัวไหล่ ตลอดจนปวดรอบดวงตาหรือกระบอกตาด้วย
4. ปวดหัวข้างซ้ายจากโรคอื่นๆ
ไม่ว่าจะเป็นโรคไข้หวัดใหญ่ ภูมิแพ้ เยื่อหุ้มสมองอักเสบ ไซนัส เนื้องอกที่สมอง ตลอดจนโรคที่เกี่ยวหลอดเลือดต่าง ๆ ซึ่งจะส่งผลให้เกิดอาการปวดหัวข้างซ้าย ปวดหัวข้างขวา ปวดหัวเฉียบพลันหรือรุนแรง ตลอดจนมีอาการอื่น ๆ ร่วมด้วย ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคล
5. ปวดหัวข้างซ้ายจากปัจจัยแวดล้อม
ปัจจัยแวดล้อมต่าง ๆ เช่น การอดอาหาร การพักผ่อนไม่เพียง การสวมหมวกที่รัดแน่นเกินไป การดื่มแอลกอฮอล์ที่ทำให้หลอดเลือดแดงขยายตัว เป็นต้น ดังนั้นอาจจะต้องลองปรับพฤติกรรมให้ถูกต้อง เพื่อลดอาการปวดหัวข้างซ้าย
ปวดหัวข้างซ้าย เมื่อไหร่ควรพบแพทย์
เมื่อมีอาการปวดหัวข้างซ้าย แต่ไม่รุนแรง ก็สามารถปรับพฤติกรรมของตนเองหรือรักษาด้วยวิธีแก้ปวดหัวเบื้องต้นได้ แต่หากรักษาไม่หาย แต่มีอาการรุนแรงชนิดมากขึ้น ปวดหัวเฉียบพลัน หรือเริ่มมีอาการอื่น ๆ เช่น ตาพร่ามัว เวียนหัว เห็นภาพซ้อน มีไข้ ความจำผิดปกติ หรือได้รับผลกระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวันก็ควรเข้ารับคำปรึกษา ตรวจไมเกรน และรักษาได้อย่างทันท่วงที
วิธีรักษาอาการปวดหัวข้างซ้าย
หากพบว่าตนเองนั้นมีอาการปวดหัวข้างซ้ายเมื่อใดก็ควรจะต้องรักษาให้ทันท่วงที โดยวิธีการรักษาอาการปวดหัวข้างซ้ายนั้นทำได้ 2 รูปแบบ คือ
การบรรเทาปวดหัวข้างซ้ายด้วยตัวเอง
การบรรเทาอาการปวดหัวข้างซ้ายด้วยตัวเองสามารถทำได้โดยวิธีเบื้องต้น ดังนี้
- ทำกิจกรรมต่างๆ เพื่อความเครียดและลดความกังวล เช่น ดูยูทูป เล่นเกม ดูซีรีส์ เป็นต้น
- ใช้ผ้าชุบน้ำอุ่นหมาด ๆ หรือชุบน้ำเย็น จากนั้นนำมาประคบบริเวณหัว ดวงตา กระบอกตา ต้นคอ ตลอดจนท้ายทอย เพื่อบรรเทาอาการปวดหัว
- พักผ่อนให้เพียงพอ ซึ่งตามปกติแล้วคนเราควรนอนหลับอย่างน้อย 6-8 ชั่วโมง แต่หากรู้สึกอ่อนเพลียช่วงกลางวันก็อาจจะงีบหลักเป็นระยะเวลาสั้น ๆ ได้ เพื่อให้ร่างกายสดชื่น
- กินยาพาราเซตามอลบรรเทาอาการปวดหัว หรือใช้ยาแก้ไมเกรน ได้แก่ ยากลุ่ม ergotamine กลุ่ม ibuprofen กลุ่ม triptan ทั้งนี้แนะนำให้ปรึกษาเภสัชกรก่อนใช้ยา
การรักษาปวดหัวข้างซ้ายทางการแพทย์
หากบรรเทาอาการปวดหัวด้วยตนเองแล้ว แต่ยังมีอาการปวดหัวข้างซ้ายจี๊ด ๆ อยู่ ก็สามารถรักษาอาการปวดหัวข้างซ้ายทางการแพทย์ได้ ดังนี้
- การฉีดโบท็อกไมเกรน
หากมีอาการปวดหัวตรงขมับซ้ายจากไมเกรนหรืออาการเข้าข่ายไมเกรน ก็สามารถเลือกรักษาด้วยการฉีดโบท็อกไมเกรนได้ ฉีดเพียง 1 ครั้ง ผลลัพธ์จะคงอยู่ได้นานประมาณ 3-4 เดือน
- การกระตุ้นปมประสาท (SPG)
เป็นวิธีการรักษาทางการแพทย์ที่มีความปลอดภัยและมีประสิทธิภาพในการบรรเทาอาการปวดหัวรูปแบบต่าง ๆ ตั้งแต่การปวดหัวข้างซ้ายบ่อย ๆ ปวดหัวเรื้อรัง ตลอดจนการปวดหัวคลัสเตอร์
- การกระตุ้นเส้นประสาทบริเวณท้ายทอย (ONS)
การกระตุ้นประเภทนี้จะเน้นกระตุ้นบริเวณเส้นประสาทท้ายทอยที่ด้านหลัง ปวดหัวข้างซ้ายท้ายทอย หรือปวดหัวท้ายทอย ซึ่งจะช่วยลดและบรรเทาอาการได้อย่างดี
ปรับพฤติกรรมป้องกันปวดหัวข้างซ้าย
อย่างไรก็ตาม นอกจากจะรับการรักษาแล้ว ยังต้องปรับพฤติกรรมของตนเอง เพื่อเป็นส่วนหนึ่งในการบรรเทาและฟื้นฟูอาการปวดหัวข้างซ้ายข้างเดียวให้ดีขึ้น ซึ่งสามารถทำได้ง่าย ๆ ดังนี้
- เลี่ยงอาหารกระตุ้นไมเกรนหรืออาหารที่กระตุ้นให้เกิดอาการปวดหัว
ไม่ว่าจะเป็น เนยแข็ง เนื้อแปรรูป ผลิตภัณฑ์นมจากนม หรือผลไม้บางชนิด ก็มีส่วนช่วยในการกระตุ้นไมเกรนและการปวดหัวข้างซ้ายได้ ดังนั้นจึงควรเลือกกินอาหารที่มีประโยชน์ โดยอาจจะกินวิตามินไมเกรนเสริมหรือวิตามินอื่น ๆ ที่มีส่วนช่วยในการบำรุงร่างกาย
- นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอและเป็นเวลา
เนื่องจากร่างกายและสมองต้องการได้รับการพักผ่อน ดังนั้นหากปรับพฤติกรรมตนเอง โดยเริ่มตั้งแต่นอนพักผ่อนให้ครบ 6-8 ชั่วโมงและนอนให้เป็นเวลา ก็จะช่วยบรรเทาอาการปวดหัวซีกซ้ายได้
- ดื่มน้ำเปล่าให้เพียงพอ
สาเหตุหนึ่งของการปวดหัวเกิดจากการที่ร่างกายขาดน้ำ ดังนั้นจึงควรดื่มน้ำเปล่าให้เพียงพอวันละ 2.7 – 3.1 ลิตร
- ออกกำลังกายเบา ๆ
การออกกำลังกายจะทำให้กล้ามเนื้อผ่อนคลาย ระบบไหลเวียนเลือดและการหายใจดีขึ้น โดยหนึ่งในการออกกำลังกายอย่างโยคะแก้ปวดได้ เดินเบาๆ ว่ายน้ำหรืออาจจะออกกำลังกายด้วยวิธีอื่น ๆ ที่เหมาะสม
- งดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ชา กาแฟ และบุหรี่
เครื่องดื่มเหล่านี้นอกจากจะส่งผลให้เกิดอาการปวดหัวแล้ว ยังส่งผลเสียต่อระบบอื่น ๆ ในร่างกาย ดังนั้นจึงควรงดหรือเลี่ยงให้ได้มากที่สุด และเลือกดื่มเครื่องดื่มแก้ปวดหัวแทน
ข้อสรุป
ไม่ว่าจะเป็นอาการตึงขมับซ้าย ปวดเบ้าตาซ้าย ปวดหัวข้างเดียว ตลอดจนปวดหัวข้างซ้ายก็ควรพิจารณาถึงลักษณะอาการ ความรุนแรง สาเหตุต่าง ๆ ที่ทำให้เกิดอาการเพื่อรักษาอาการอย่างถูกวิธี
ซึ่งหากใครที่กำลังเผชิญอาการปวดหัวกวนใจนี้อยู่ และต้องการรักษาสามารถแอดไลน์ @ayaclinic เพื่อปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางเกี่ยวกับอาการปวดหัวไมเกรนและปวดหัวข้างซ้ายได้
หรือใครไม่สะดวกช่องทางออนไลน์ก็สามารถโทร 090–970-0447 เพื่อรักษาไมเกรนและอาการปวดหัวข้างซ้ายกับ BTX Migraine Center ศูนย์รักษาไมเกรนเฉพาะทางอันดับต้น ๆ ของเมืองไทย
เอกสารอ้างอิง
Mark Gurarie. 2022. Why Do I Have a Headache on the Left Side of My Head?. Retrieve from https://www.verywellhealth.com/headache-left-side-5218920
Christopher Melinosky, MD on June 05, 2021. Headache Symptoms
Headache Symptoms: Migraine, Cluster, Tension, Sinus (webmd.com)
Carol DerSarkissian, MD on April 14, 2021. What Is an Altitude Headache?
Altitude Headache: Causes, Treatment, and Prevention (webmd.com)